19 ก.ย. 2021 เวลา 01:06 • ปรัชญา
#ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน= "อนิจตา"
ทุกอย่างเกิดขึ้นมา ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป
แต่ทำยังเสมือน พระอาทิตย์ขึ้นเช้าตกเย็น(ความจริงมันไม่ตก
ก็แค่หมุนเวียนรอบตัวเองและรอบดวงอาทิตย ดวงอาทิตย์ก็ดาวบริวารของกาแลกซี่ทางช้างเผือก(Milkyway galaxy)
เหมือนจีเอมที่ขายรถเชฟโรเลตแค่ราคาครึ่งเดียว เพื่อปิดกิจการในปทท.
ทั้งๆที่เคยยิ่งใหญ่ #1ของโลก70ปีกว่า
กรุงโรมยิ่งใหญ่ขนาดไหน เตริกตุรกีก็ยึดได้
คริสจักร/คาธอลิกหวังครอบโลกโดยสันตะปาปาผู้นำจิตวิญญาน
ก็โดนกลุ่มมุสลิมจัดการ
เพราะแค่มีกองทัพฝรั่งเศสสนองสนับสนุนสันตปะปา
นอกนั้นรัสเซีย อังกฤษฯ สร้างนิกายใหม่หนีการครอบงำของสันตปะปา/ผู้นำจิตวิญญาน สมัยนั้นที่มุ่งหวังจะครองโลก ครอบกษัตริย์ทั้งหลายในยุโรปที่ถือรริสต์
อินเดียแค่เตริกมุสลิมไม่กี่คนตีจากจุดหนึ่งไร่เลียงไปอีกจุดหนึ่ง
ก็ครอบอินเดียไว้ห้าร้อยปี
จนอังกฤษเอากองทัพเล็กจิ๋วแต่กระสุนปืนไม่ไว้หน้าใครมาไล่มุสลิมที่ครอบอินเดียแล้วอังกฤษก็ครอบอินเดียอีกสองร้อยปี
ถึงฉีกอินเดียออกเป็น3ประเทศ
ปกครองโดยการแบ่งแยก
เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร จากเป็นจักรภพอังกฤษครอบครองประเทศต่างๆจน "ไม่มีตะวันตกดินในจักรภพอังกฤษ"
แค่ "ฮ่องกง"ยืดจากจีนมาปกครอง 99ปี
แถมต่อในฐานะเป็นเขตการปกครองของจีนที่อังกฤษ ปั้นเป็นศูนย์กลางการเงินโลกคู่กับลอนดอนและสิงคโปร์
ก็โดนจีนยึดเป็นแค่สมือน มณฑลเดียวแบบเดียวกับเซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเสินเจิน
แม้ฮ่องกงยังคงมีดอลล่าห์ฮ่องกงใช้อยู่
อนาคตนวัตกรรมรถไฟฟ้าเมกาและไร้คนขับมาเปิดแบบก้าวกระโดดทั้งแบบทำลายทั้งสร้างสรรค์
แค่ไม่กี่ปีรายได้ก็จะสูงสุดของรถยนตร์อนาคตทั้งหลาย
เพราะภัยพิบัติของโลกร้อนจากการมีรถใช้น้ำมัน
จีนก็เพิ่งทุบเขื่อนหมื่นแห่งทิ้งเพราะเคยคิดเอาแบบมนุษย์ต้องเอาชนะธรรมชาติ รวบคุมธรรมชาติ
เพราะโลกร้อนก็ผลิตน้ำมาท่วมจีนอย่างใหญ่หลวง
# "ทุกขัง/ปัญหา" จึงเป็นเรื่องที่ทางโลกรับรู้ว่า
แม้แก้ปัญหาได้ก็ไม่ใช่ว่าจะหมดปัญหา
แต่ปัญหาอนาคตยิ่งมากกว่า รุนแรงกว่า
สลับซับซ้อนยิ่งขึ้น เพราะเทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่มยุษย์อยากเอาชนะธรรมชาติ
การผันแปรเปลี่ยนเกิดตลอดไม่นิ่งอยู่กับที่
พุทธนั่นนอกจากกลุ่มมุ่ง "โลกัตตาระ=ที่มีเป้าหมายสุดท้ายคือ "ไม่เกิดไม่ดับ"
ยังมีกลุ่มที่ครองชีวิตเน้นทางโลก
คือกลุ่มคนกลุ่มโลกิยสุข แต่ยังมี/ใฝ่กิเลส (โลภโกรธหลง) และมี "ตัณหา=ความทะยานอยาก
การใช้กฎธรรมชาติของโลกก็ช่วยโลกได้
เช่นยึดกฎธรรมชาติคือ
#อริยสัจจ4
ในการแก้ปัญหาด้วยค้นหา#สมุทัย/เหตุปัจจัยหลัก20%ของปัญหา80% แล้วทำลายซะ
โดยการใช้ กลยุทธ/มรรคคือทางสายกลาง=พอดีๆ ไม่ตึงไม่หย่อนเกินไป
จึงจะตอบ #โจทย์ชีวิตได้
แต่สุดท้าย ยังต้องยึด #อนัตตา
เพื่อจรรโลงความสุขทางจิตเสมือน "นี่ไม่ใช่ตัวของกู " อย่าติด ปล่อยวางซะบ้าง
จิตวิญญานต้องคิดสั่งสมให้ "ใจ/การรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง5" และอารมณ์ว่า
ร่างกายเราก็แค่ตายแล้วก็เป็นดินน้ำลมไฟ
ติดยึดไปก็เกิดทุกข์เมื่อมีปัญหาที่แก้ไม่ได้
ก็ต้องปล่อยวางชะ(ถ้าหนักหนาสาหัสสากรรแล้วแก้ไม่ได้)
แต่ไม่ใช่หนีโลก
ไม่ใช่ทนรับความเลวร้ายเสมือนหนอนในโถขี้แค่มีขี้กินก็พอ
อนัตตานั้นก็แค่มีพื้นฐานหาทางตั้งจิตเป็นกลางด้วยปัญญา
แบบน้องๆของอุเบกขา
เพื่อเกิดการ "ปลิดวางปลงซะ"
สงบเฉยเป็นกลางด้วยปัญญาที่เกิดมาแล้วก็ดับไป ในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะจากอารมณ์ ที่จะไปบิดเบือนปัญญาให้เฉไปเฉมา
แม้แต่ความสำเร็จในชีวิต
ก็ต้องอาศัย S -curve แบบแมว 9ชีวิตแต่ไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แบบขั้นบันได
คือมีข่วงแล้วแต่ๆละสถานการณ์ มิติของเวลา เงื่อนไขของโอกาศ แต่สูงขึ้นเสมอ
การเข้าใจหลักของเหตุและผลจึงจำเป็น
แต่ไม่ใช่เข้าใจกฎแห่งกรรมแบบผิดๆเหมือนพระสงฆ์ในนาลันทาหมื่นกว่าคนโดนศาสนาฮินดูซึมแทรก ฮินดูสร้างสมมุติเทพ/ตรีมูราติ
ให้พระพรหมแตกตัวเป็นพระอิศวร พระนารายณ์(สมมุติเทพเกิดขี้นหลังพุทธองค์สิ้นประมาณสองร้อยปี)
แล้วตั้งโจทย์ใหม่ว่า พระพุทธเจ้าแค่เป็นปางที่สิบของพระนารายณ์เพื่อกลืนพุทธศาสนา
เพราะสมันก่อน มีแค่พระอินทร์สูงสุดกับพระพรหมที่พุทธองค์เน้นว่า ยต้องมาดราบไหว้พระสงฆ์ที่เป็นอรหันตร์
อุเบกขาที่เป็นพื้นฐานของฌาน4 ฮินดูก็เน้นแค่
การวางเฉย/แบบโง่คือแล้วแต่กรรมจะกำหนด
พระสงฆ์หมื่นกว่ารูปที่นาลันทา
จึงนั่งพนมมือเฉยโดนเตริกมัสลิมแค่ สองร้อยห้าสิบคน
ขี่ม้าควงดาบวงเดือนตัดคอเฮี้ยน
แถมยังเผาตำราพุทธที่มหาวิทยาลัยนาบันทาอีกสามวันสามคืน
แค่พุทธองค์เอาอุเบกขามาเป็น "เฉยด้วยปัญญาที่เกิดจากอารมณ์เป็นกลาง(คือไร้โลภโกรธหลงมากสุด)
และพร้อมปฏิการตอบแทนคุณพุทธศาสนา
ทั้งตั้งแต่ฌาน3 (จิตเป็นหนึ่งเดียว/เอกัคตาด้วย พุทธก็ตีความ ต่างกันกับฮินดู
เน้นการตั้งสติให้ "จิตเป็นหนึ่งในคำบริกรรม"พุทโธ (="ผู้รู้")
แล้วชักนำปัญญา(ไม่ใช่ฌาน3 ที่ชักนำ "ฤทธิ์/อภิญญาเหมือนฮินดู)
ทั้งต้องใช้ปัญญาขบคิดการ "ปฏิการ"ะ ก็จะทำให้จิตเป็นกลางด้วยปัญญา
ว่าจะเกิดอะไรก็ตั้งใจทำดีที่สุดแล้ว
***โดย ศ.ดร.ดิเรก ฤกษ์หร่าย 19กันยายน 2564 www.blockdit/direkrerkrai
โฆษณา