19 ก.ย. 2021 เวลา 08:25 • ท่องเที่ยว
ย่ำเท้าตะลอนไปในเบอร์ลิน
ปราสาทน็อยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) อาจเป็นเป้าหมายปลายทาง หรือหมุดหมายแรก ๆ ที่นักท่องเที่ยวรวมทั้งนักเดินทางหลายคนหมายใจจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีโอกาสได้มาเยือนเยอรมัน แต่ความรู้สึกนั้นไม่ได้มีอยู่เลยในความคิดของผม
1
ซุ้มประตูบรันเดนบวร์ค (Brandenburg Gate) และกำแพงเบอร์ลินต่างหากเล่ากลับเป็นสถานที่ที่ผมอยากไปเยือนที่สุดเป็นแห่งแรกในเยอรมันและในกรุงเบอร์ลิน
ปีที่แล้วหัวหน้างานไดทำให้ความปรารถนาของผมเป็นจริง ด้วยการพาไปเยือนและยืนอยู่ที่ลานหน้าซุ้มประตูซึ่งเปลี่ยนเสมือนท่านผ่านและรอยเชื่อมต่อประวัติศาสตร์แห่งนี้หลังจากรัปประทานอาหารเพลในภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง และปิดท้ายก่อนเดินทางกลับด้วยการนั่งรถผ่านแนวกำแพงเบอร์ลินซึ่งเป็นส่วนเสี้ยวที่เหลืออยู่จากความยาว 155 กิโลเมตรเมื่อครั้งที่ยังสมบูรณ์
แต่ดูเหมือนว่าการแค่นั่งรถผ่านมันไม่ตอบโจทย์และเติมเต็มความปรารถนาของผม และที่สำคัญผมไม่เคยรู้สึกเบื่อแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะไปเยือนสถานที่ 2 แห่งนี้กี่ครั้งก็ตาม
1
โปรแกรมเดินทางเข้าไปเดินดูบรรยากาศอาคารบ้านเรือนและย่านต่าง ๆ ที่หมายใจและสะดุดตาเท่าที่จะรู้จักและค้นเจอ ถูกกำหนดและขออนุญาตหัวหน้างานล่วงหน้าตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากกลับจากไปเยือนเมือง พอร์สทดัม
ผมและเพื่อนร่วมทางอีกคน ออกเดินทางจากที่พักเวลาเที่ยงครึ่งเมื่อวานนี้ โดยให้คนรู้จักขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟ ที่ห่างจากที่พักไป 2 สถานีเพราะเป็นสถานีสุดท้ายที่รถไฟชานเมืองวิ่งมาถึง จากนั้นโดยสารรถไฟอีก 3 ต่อ เพื่อไปขึ้นที่สถานีที่อยู่ใกล้กับอาคารรัฐสภามากที่สุด
อาคารรัฐสภ
ใจผมอยากจะไปเดินดูบรรยากาศภายในอาคารและขึ้นไปบนยอดโดมแก้ว ซึ่งเข้าหรีแต่จะต้องลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวและแจ้งความประสงค์ล่วงหน้าก่อน และดูเหมือนว่าจะต้องผ่านการ swap เชื้อโควิดก่อนเข้าอาคารสำหรับผู้ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม แต่ดูเหมือนว่าเมื่อวานนี้เขาจะปิดการเข้าชม
จากอาคารรัฐสภา เราเดินไปตามถนนด้านข้างซึ่งขนานไปกับแม่น้ำ Spree ลำน้ำที่คดเคี้ยวไปมาผ่านย่านและอาคารสำคัญหลายแห่งในเบอร์ลินและมีเรือวิ่งให้บริการพานักท่องเที่ยวชมเมืองวิ่งไปมาไม่ขาดสาย
แม่น้ำ Spree
ดูจากแผนที่เหมือนจะใกล้ ๆ แต่พอเดินเข้าจริง จากอาคารรัฐสภามาเลี้ยวขวาที่แยกแรกเพื่อเข้าสู่ถนน Linden ซึ่งตั้งรับตัดตรงมายังซุ้มประตูบรันเดนบวร์ก ก็ไกลพอควรเหมือนกัน
ประตูบรันเดนบวร์ก
จากประตูบรันเดนบวร์กเราเดินหันหลังให้กับซุ้มประตูไปตามแนวกลางของถนน Linden ทางทิศตะวันออก ซึ่งบรรยากาศและความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนถนนราชดำเนินนอกจากบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังสะพานผ่านฟ้า ที่ 2 ฟากฝั่งมีอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมยุคดั้งเดิมมากมายเรียงรายต่อเนื่องกันไป
อดีตพระราชวังเบอร์ลิน
อาคารต่าง ๆ ริมถนน Linden
ที่ปลายแนวกลางถนนมีอนุสาวรีย์พระเจ้าฟรีดรีชทรงม้าเป็นแท่นสูงใหญ่และมีลวดลายประดับที่ฐานอย่างงดงาม (วันที่มาเห็นครั้งแรกผมนึกว่าเป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้านโปเลียนเพราะเห็นทรงหมวกคล้ายกัน) เสียดายที่ไม่มีตำแหน่งให้ยืนบันทึกภาพได้ถนัด เพราะด้านหน้าเป็นถนน ก็เลยต้องบันทึกภาพมุมเงยจากด้านข้างและด้านหลัง
อนุสาวรีย์พระเจ้าฟรีดริช
เพื่อนชี้ชวนให้เข้าไปชะโงกมองภายในอาคารอะไรสักหลังซึ่งไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ ที่ดูภายนอกละม้ายอาคารที่ประดิษฐานรูปปั้นอับราฮัมลินคอล์น ที่กรุงวอชิงตัน ก็พบว่าภายในเป็นปฏิมากรรมของนักบวชท่านหนึ่งอยู่ภายใต้ช่องกลมที่มีแสงสาดลงมาจากเพดาน ไม่มีข้อมูลและยังไม่ได้ค้นหาว่าปฏิมากรรมนี้คือใครและสำคัญอย่างไร
ภายในอาคารที่ดูภายนอกทำให้นึกถึงอนุสรณ์สถาน อับราฮัม ลินคอล์น
ก่อนจะเดินเลียบไปตาม Spreekanal คลองที่แยกแม่จากแม่น้ำ Spree ทางด้านทิศเหนือแล้วไปบรรจบกับแม่น้ำสายเดียวกันนี้ทางทิศใต้จนกลายเป็นเกาะเล็กๆ และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายหลัง โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่เกาะนี้ถูกเรียกว่า museum island เพื่อนชวนลงไปดูสถานีรถไฟใต้ดินที่สร้างใหม่รอดทั้งเกาะ แม่น้ำและคลอง เพื่อนบอกว่าสวยงามมาก มีการตกแต่งเพดานสถานที่เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำ
สถานีรถไฟใต้ดินMusemsinsel
ขึ้นจากสถานีรถไฟใต้ดินเดินเลียบคลองที่ทอดขนาบข้างพิพิธภัณฑ์ที่ทราบมาว่าภายในมีซุ้มประตูเมืองบาบิโลนที่ใหญ่โตและงดงามและอยู่ในสภาพที่ดีมาก ว่ากันว่าใหญ่ใตและงดงามรวมทั้งมีสภาพที่สมบูรณ์กว่าซุ้มประตูจำลองที่ทางรัฐบาลอิรัก ประเทศอันเป็นที่ตั้งของอาณาจักเก่าแก่แห่งนี้สร้างขึ้นในภายหลังสะอีก
บรรยากาศริมแม่น้ำ Spree และอาคารใน Museum Island
อยากจะเข้าไปดูซุ้มประตูเมืองที่ได้ยินชื่อมาตั้งแต่สมัยมัธยม แต่เพราะค่าเข้าชมที่สูงพอดู กับเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดบวกกับสันทัดการเดินดูบรรยากาศรอบนอกมากกว่า จึงเลือกที่จะเดินต่อไปเรื่อย ๆ และหยุดดูบรรยากาศและบันทึกภาพทัศนียภาพอาคารต่าง ๆ และสภาพบ้านเมืองภายนอกมากกว่า
เดินเลียบแม่น้ำมาบรรจบกับถนนเส้นเดิมทางตอนเหนือของ Berliner Dom สิ่งก่อสร้างทางคริสตศาสนาที่สูงใหญ่และเป็น One of most signature ของเบอร์ลิน ที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาด แต่ผมก็เลือกที่จะเดินผ่านด้วยเหตุผลเดิม จนไปหยุดยืนอยู่หน้าสวนฝั่งตรงข้ามกับหอคอยเบอร์ลิน (Berliner Fernsehturm) โดยที่เบื้องหลังผมคืออดีตพระราชวังเบอร์ลิน ซิ่งปัจจุบันคือ Humboldt Forum เพื่อรอให้เพื่อนร่วมทางซึ่งเชียวชาญเส้นทางเดินรถเช็ดรถไฟและสถานีที่จะขึ้นไปยังเป้าหมายต่อไป
Berliner Domและด้านหลังอาคารพระราชวังเบอร์ลิน,หอคอยสถานีโทรทัศน์เบอร์ลิน
เราขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานีบริเวณด้านหน้า ศาลาที่ว่าการเมือง ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโบราณทาสีแดงและมีนาฬิกาขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ไปยัง Legoland Discovery Center ซึ่งเป็นหมู่อาคารขนาดใหญ่และมีโครงสร้างหลังคาเชื่อมต่อถึงกันเป็นรูปทรงภูเขาไฟฟูจิของประเทศญี่ปุ่น โดยตั้งใจจะไปดูและบันทึกภาพภายนอกของอาคารที่สร้างใกล้กับอาคารชุดที่สร้างเป็นเวิ้ง 8 เหลี่ยมขนาดใหญ่ดูแปลกตาและน่าสนใจ แต่ด้วยความที่อาคารมีขนาดใหญ่มาก รวมทั้งมีทางออกหลายทาง ทำให้ออกทางออกในด้านที่ผิดไปจากด้านที่ตั้งใจ ก็เลยไม่ได้เห็นมุมมองที่ต้องการ
ศาลาว่าการเมืองเบอร์ลิน
Legoland Discovery Center ตั้งอยู่ริม Tiergarten สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งอยู่ด้านหน้าประตูบรันเดนบวร์กทางทิศตะวันตก จึงทำให้ปรับแผนการเดินทางเดินเข้าสวนไปยัง Siegessaule ปฏิมากรรมเสาสูงกลางวงเวียนกลางสวนที่มีถนนตัดผ่านหลายสาย และมีรูปนางฟ้าอยู่บนยอดเสา ซึ่งก็เป็นความตั้งใจเดิมของผมอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับสถานที่ที่จะไปตามสถานการณ์
โดมหลังคารูปทรงภูเขาไฟฟูจิของ Legoland Discovery
ถนนที่ตัดผ่านกลางสวนสาธารณะ ปลายด้านหนึ่งคือประตูบรันเดนบวร์ก อีกด้านคือวงเวียนหอสูงที่มีนางฟ้าบนยอด
ระหว่างเดินผ่านสวน เพื่อนนึกขึ้นได้ว่าที่ฝั่งตรงข้ามของถนนที่ตัดผ่านกลางสวนเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สงครามของสหภาพโซเวียต แต่เมื่อไปถึงจึงทราบว่าเป็นคนละละสถานที่กัน แต่พอผมมาตรวจค้นดู แม้ว่าจะไม่ใช่ที่ที่เพื่อนตั้งใจจะพาไปแต่ก็เกี่ยวกับ Soviet war memorial อยู่เหมือนกัน
Soviet war memorial
จากวงเวียนกลางสวนที่ต้องเดินลอดอุโมงค์เข้าไปที่เราใช้เวลาไม่มากนักเดินไปขึ้นรถไฟทีสถานนีที่ใกล้ที่สุดเพื่อไปยัง โบสถ์ St. Michael - Kirche โบสถ์ที่มีการจัดวางแผนผังและที่ตั้งได้อย่างงดงาม โดดเด่นและลงตัว มีสร้างน้ำขนาดใหญ่ด้านข้าง บรรยากาศทำให้นึกถึงทั้งอาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา และอาคารคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นทางเดินขนาดกว้างที่มีแนวต้นไม้ยาวเป็นทิวแถวไปจรดริมฝั่งแม่น้ำ Spree ทางทิศเหนือ และคลอง Landwehrkanal ทางทิศใต้ น่าเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ มาก
โบสถ์ St.Michael-khirche
2 เป้าหมายปลายทาง 2 สุดท้ายที่ผมตั้งใจจะไปเยือนในโปรแกรมตะลอนเบอร์ลินในคราวนี้อยู่ไม่ห่างกันนัก คือสะพานรูปทรงสวยงามแปลกตาทาสีแดงอิฐ Oberbaum ที่ทอดข้ามแม่น้ำ Spree และแนวกำแพงเบอร์ลิน ที่ยังหลงเหลือจากการทุบทำลาย ซึ่งอยู่ห่างจากโบสถ์ St. Michael อยู่พอสมควร ซึ่งแม้ใจผมอยากจะเดินไปเรื่อย ๆ แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ขัดใจเพื่อนร่วมทางที่ผมเป็นคนชวนให้มาเป็นเพื่อน ที่เสนอให้ขึ้นรถไฟไป
แม้ว่าเราจะเดินข้ามสะพานโอเบอร์บวม (Oberbaum Bridge) แต่การจะได้มองเห็นและบันทึกภาพสะพานในมุมที่สวยงามและมีองค์ประกอบลงตัวต้องเดินออกไปไกลจากสะพานพอสมควร ซึ่งตำแหน่งและทิศทางที่เราเลือกก็เป็นริมแม่น้ำด้านหลังกำแพงเบอร์ลินนั่นเอง…. ผมก็เลยจัดไป(บันทึกภาพ) หลายช็อต ทั้งภาพสะพานเพียว ๆ และภาพที่มีเพื่อนร่วมทางเป็นองค์ประกอบ และขอให้เพื่อนถ่ายภาพให้ผมบ้าง แต่ดูเหมือนเพื่อนร่วมทางของผมจะไม่สันทัดการถ่ายภาพมากนัก เพราะภาพสะพานที่มีตัวผมอยู่ด้านหน้า ถ้าสะพานไม่เอียง ก็เป็นยอดสะพานที่ขาดหายไปบนขอบของภาพด้านบน
1
บรรยากาศริมแม่น้ำ Spree ใกล้สะพาน Oberbaum และมีแนวกำแพงเบอร์ลินอยู่ข้าง ๆ
อิ่มเอมกับการบันทึกภาพสะพานยามโพล้เพล้จนไม่มีเวลาดื่มด่ำกับความงดงามของสถานที่เป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินเรียบไปตามแนวกำแพงเบอร์ลินและพยายามสอดส่ายสายตา และชะโงกไปดูด้านหลังของกำแพงในจุดที่กำแพงถูกรื้ออกเป็นช่อง “เพื่อหวังจะได้เห็นภาพ Brezhnev อดีตผู้นำสหภาพโซเวียตจุมพิตกับ Honecker อดีตผู้นำเยอรมันตะวันออก” ซึ่งเป็นภาพที่คุ้นตาและเคยเห็นผ่านสื่อต่างๆหลายครั้ง จึงยากจะมาเห็นของจริง ๆ ด้วยตาตนเอง
กำแพงเบอร์ลินส่วนที่สงวนไว้
แต่ไม่ว่าจะมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่ชะโงกเข้าไปดูเป็นระยะ และแม้ว่าจะเดินจนสุดแนวกำแพงแล้ว แต่ก็ไม่เห็นแต่อย่างใด…. เพื่อนถามว่าจะไปที่กำแพงเบอร์ลินอีกจุดหนึ่งไหมเผื่อจะภาพที่ตั้งใจจะมาดูอยู่ที่นั่น ผมเห็นว่าเย็นมากแล้ว (เวลาตอนนั้น 1 ทุ่มเศษ) จึงปฏิเสธไป แล้วจึงเข้าสถานีรถไฟที่อยู่ตรงปลายสุดกำแพงพอดี ขึ้นรถสายที่วิ่งมายังสถานีที่ใกล้ทีพักมากที่สุดเวลา 20:18 นาที จากนั้นเดินจากสถานีปลายทางกลับที่พักราว 1 กิโลเมตร ถึงที่พักเวลาประมาณ 3 ทุ่ม 20 นาที
สรุปการเดินทางวันนี้จ่ายค่าตั๋วรถไฟแบบเหมาวัน ราคา 10 ยูโร จ่ายค่าเข้าห้องน้ำ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ยูโร และไม่ได้ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอะไรเลยตลอดการเดินทาง (เพราะไม่อยากเข้าห้องน้ำบ่อยๆ) ถามเพื่อนว่าไม่มีห้องน้ำฟรีบ้างเลยหรือ เพื่อนบอกว่าไม่มีอะไรฟรีในเบอร์ลิน ….
1
หมายเหตุ ตามสถานีรถไฟต่าง ๆ ในเบอร์ลินแม้จะใหญ่โตและทันสมัยแต่ไม่มีห้องน้ำบริการ มีเฉพาะในสถานีกลางแห่งเดียวและต้องจ่ายค่าเข้า เช่นเดียวกับห้องน้ำสาธารณะทั่วไป หรือห้องน้ำในร้านสะดวกซื้อที่อยู่ตามสถานีบริการน้ำมันก็ต้องจ่ายค่าบริการเช่นกัน
โฆษณา