19 ก.ย. 2021 เวลา 13:07 • สิ่งแวดล้อม
หายไปครึ่งหนึ่ง - แนวปะการังทั่วโลกลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่ปี 1950
นี่ไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่เกิดจากการดีดนิ้วของธานอส และไม่ใช่เรื่องราวในจักรวาล MCU
แต่การหายไป “ครึ่งหนึ่ง” ของแนวปะการังทั่วโลกเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกที่เราอาศัยอยู่จริง
ภาพที่เห็นเด่นชัดคือการฟอกขาวของ ‘เกรตแบร์ริเออร์รีฟ’ แหล่งมรดกโลกของออสเตรเลียที่เป็นข่าวใหญ่โตมาหลายทศวรรษ
ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
สิ่งมีชีวิตที่มากคุณอนันต์แต่เปราะบางนี้ คือ สัญญาณเตือนลำดับต้นๆ ที่ทำให้เราทราบว่าโลกใบนี้กำลังไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
จากข่าวล่าสุด อ้างอิงการวิเคราะห์ในเชิงลึกโดย One Earth ที่ได้สำรวจฐานข้อมูลแนวปะการังหลายพันครั้ง ข้อมูลบันทึกความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลแต่ละแห่ง และข้อมูลการทำประมงแต่ละพื้นที่ จากทั้งหมด 87 ประเทศ เผยให้เห็นว่าแนวปะการังครึ่งหนึ่งได้สูญหายไปตั้งแต่ทศวรรษ 1950
ซึ่งเป็นปีที่ผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเริ่มส่งสัญญาณบางอย่างให้เราเห็น
แต่น่าเสียดาย ณ เวลานั้นข้อมูลการสำรวจแนวปะการังยังมีไม่มากนัก จึงทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าในปฐมบทการสูญสลายนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งสันนิษฐานง่ายๆ ได้ว่า สายพันธุ์ที่เปราะบางจะตายไปก่อนกลุ่มที่แข็งแรง
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจับปลามากเกินไป และมลภาวะคือตัวการสำคัญ
แนวปะการังในแถบในปาปัวนิวกินี จาไมกา และเบลีซ ถือเป็นจุดที่แนวปะการังลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เพียงเวลา 5 ทศวรรษ ปะการังของเบลีซลดลงจาก 80% เป็น 20%
ทั่วทั้งทะเลแคริบเบียน แนวปะการังลดลงประมาณ 0.25% ต่อปี
การหายไปของแนวปะการัง อาจหมายถึงการสูญเสียองค์ความรู้ทางนิเวศ ปะการังบางชนิดอาจสูญพันธุ์ไปจากโลกก่อนที่เราจะได้รู้จัก
รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลที่ลดลงถึง 63% จากการหายไปครึ่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบต่อมนุษย์เราโดยตรง
ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัด คือ การทำประมง
นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา จำนวนปลาที่จับได้ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ
ความหวังในการกู้คืนแนวปะการังให้กลับคืนมายังคงริบรี่
แม้จะลดผลกระทบทางตรงที่เกิดจากมนุษย์ได้หมด แต่วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมไปทั่วโลกก็ยังคงทำร้ายมหาสมุทรและปะการังต่อไป
ในแต่ละปี มหาสมุทรจะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณหนึ่งในสี่ที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งผลให้คลื่นความร้อนในทะเลทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่เหตุการณ์การฟอกขาวที่บ่อยครั้งขึ้น
ในโลกที่ร้อนสรรพชีวิตยังคงแตกร้าว
และมันจะดำเนินต่อไปเช่นนี้เรื่อยๆ จนกว่าทั่วทั้งโลกจะมีสำนึกแก้ไขร่วมกัน
#IsLIFE #CoralReef #ClimateCrisis
อ้างอิง
The Guardian : https://bit.ly/3zoCPUS
Photo : Alexis Rosenfeld l Getty Images
โฆษณา