เหนือชั้น! Sensory Marketing ใช้ “กลิ่น” ตรึงลูกค้า เพิ่มยอดขาย
Sensory Marketing คือการตลาดที่ใช้ประสบการณ์ด้านสัมผัสต่างๆ เช่นหู ตา จมูก และผิวสัมผัส
จุดเด่นของ Sensory Marketing โดยเฉพาะการใช้ “กลิ่น” มีข้อดีคือการที่กลิ่นส่งข้อมูลโดยตรงไปยังสมอง ตราบใดที่เรายังหายใจอยู่ “กลิ่น” เป็นสิ่งที่มนุษย์จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เด็ดขาด
สินค้าในต่างประเทศหลายชนิดใช้หลักการนี้ ทำให้คนจดจำสินค้าหรือสร้างความผูกพันให้เกิดขึ้นได้ โดยมี “กลิ่น” เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
ยกตัวอย่าง โรงแรมกลุ่ม Westin จะใช้กลิ่นที่เรียกว่าให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลายจากกลิ่นของ white tea (ชาขาว)
ร้าน Sony จะใช้กลิ่นของส้มแมนดาริน วานิลลาและ bourbon เพื่อทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ
Disney Land จะทำกลิ่นของข้าวโพดคั่วปล่อยและพ่นตามทางเดินต่างๆในสวนสนุก
ร้านช๊อกโกแลตอย่าง Hershey ก็ใช้กลิ่น Chocolate พ่นในร้านให้รู้สึกถึงขนม สร้างบรรยากาศให้น่าสนใจมากขึ้น
หรือแม้แต่ Burger King ก็ทำการออกแบบกลิ่น Burger ในร้านเพื่อให้คนรู้สึกว่านี่คือร้านเบอร์เกอร์แท้ๆ
แม้นักการตลาดส่วนใหญ่ ยังคงถกเถียงกันว่า Sensory Marketing ได้ผลในการทำตลาดได้หรือไม่ มากน้อยอย่างไร
แต่ก็มีการออกมาทดลองในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะร้าน Dunkin’Donuts ในเกาหลีใต้ที่ได้ทำการทดลองสร้าง “กลิ่น” กาแฟของ Dunkin โดยกำหนดระยะเวลาและกลุ่มเป้าหมายในการทดลองชัดเจน
ผลปรากฏว่าคนได้กลิ่นอโรมาโฆษณากาแฟของ Dunkin’Donuts ส่งผลให้คนเข้าร้านเพิ่มขึ้นกว่า 16% และยอดขายก็โตกว่า 29%
ข้อมูลนี้อาจจะยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า Sensory Marketing เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่นำมาใช้ในด้านการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ และการผสมผสานใช้ Sensory Marketing รวมกับกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ เพราะในสมัยนี้การตลาดทางใดทางหนึ่งอาจไม่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะในยุคที่คู่แข่งมีมาก ผู้บริโภคมีช่องทางเข้าถึงร้านค้าได้หลากหลาย การสร้างภาพลักษณ์ การจดจำ ความรู้สึกดีๆ ให้เกิดขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
#Marketing #การตลาด #แฟรนไชส์ #MarketingMore
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
