20 ก.ย. 2021 เวลา 11:00 • สุขภาพ
ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮีสตามีน เป็นยาที่ใช้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะมีอาการจาม น้ำมูก คัดจมูก ไอ คันตามตัว มีผื่นแพ้ผิวหนัง โรคภูมิแพ้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะใช้ยาเป็นเวลานาน ดังนั้นหมอขอไขข้อข้องใจเกี่ยวกับยาตัวนี้กันค่ะ
1. ผู้ป่วยกลุ่มไหนควรได้รับยากลุ่มนี้
ข้อมูลจากการศึกษาต่างๆ พบว่า การใช้ยาแก้แพ้หรือต้านฮีสตามีน มีประโยชน์ในคนที่เป็นโรคโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้ ผื่นแพ้ผิวหนัง ลมพิษ แต่ไม่มีประโยชน์ในคนที่มีน้ำมูกจากเป็นหวัด เพราะคนไข้กลุ่มนี้อาการมักดีขึ้นเองและการใช้ยากลุ่มนี้มีโอกาสทำให้เสมหะแห้งและเหนียวได้ โดยเฉพาะถ้าใช้ยาต้านฮีสตามีนรุ่นเก่า
ประเภทของยาแก้แพ้หรือต้านฮีสตามีนแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ
ยาต้านฮีสตามีน รุ่นที่ 1 เป็นยาที่มีใช้มานานแล้ว ที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะชอบรับประทาน เพราะออกฤทธิ์เร็วแต่ระยะเวลาออกฤทธิ์เพียง 6 ชั่วโมงจึงควรรับประทานวันละ 3 ครั้ง ยากลุ่มนี้ทำให้ง่วงนอน เพราะมีคุณสมบัติผ่านเข้าสมองได้ดี นอกจากนี้มีคุณสมบัติต้านโคลิเนอร์จิก ซึ่งมีผลทำให้คอแห้ง ปากแห้ง ท้องผูก ใจสั่น และถ้ากรณีเป็นต้อหินรุนแรงอาจทำให้กำเริบได้ ตัวอย่างยากลุ่มนี้ ได้แก่ chlorpheniramine, diphenhydramine, hydroxyzine
ยาต้านฮีสตามีน รุ่นที่ 2 ยาชนิดที่ไม่ง่วงหรือง่วงน้อย และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบด้วย ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ได้นานเกือบ 24 ชั่วโมง จึงรับประทานเพียงวันละครั้ง นอกจากนี้มีคุณสมบัติจับกับตัวรับได้ดีจึงได้ผลการรักษาดีและผลข้างเคียงน้อยมาก โดยไม่ทำให้ง่วง ไม่ผลทำให้เสมหะแห้งเหนียว และไม่มีผลต่อระบบอื่นของร่างกาย ตัวอย่างของยา กลุ่มนี้ ได้แก่ loratadine, cetirizine, fexofenadine, desloratadine, levocetirizine, bilastin, rupatadine
2. ยากลุ่มนี้สามารถใช้ในเด็กและผู้สูงอายุได้หรือไม่ ข้อควรระวังมีอะไรบ้าง
การใช้ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮีสตามีนรุ่นที่ 1 ในเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะมีผลข้างเคียงค่อนข้างมากเช่น มีผลต่อระบบประสาท กระสับกระส่าย ใจสั่น เห็นภาพหลอน ร้อนวูบวาบ หรือในเด็กเล็กอาจทำให้ชักได้ ดังนั้นองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ใช้ในกรณีทีมีอาการคันรุนแรงที่ต้องการผลของยาที่ทำให้ง่วง หรือกรณีผู้ป่วยที่มีผื่นแพ้ผิวหนังชนิดลมพิษเฉียบพลัน จนมีอาการของระบบอื่น (anaphylaxis) กรณีจำเป็นต้องใช้ยาต้านฮีสตามีน เช่น แพ้อากาศ ลมพิษ ผื่นแพ้ผิวหนัง แนะนำให้ใช้ยารุ่นที่สอง จะดีกว่าและผลข้างเคียงน้อยกว่า
3. เมื่อใช้ยากลุ่มนี้ไปนานๆ จะทำให้ดื้อยาหรือไม่
ยากลุ่มนี้เมื่อใช้ไปนานๆ ไม่ทำให้เกิดยาดื้อยา เหมือนยาปฏิชีวนะ แต่ควรใช้ยาเมื่อจำเป็นเท่านั้น เมื่ออาการดีขึ้นควรหยุดยา กรณีที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานานให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
4. การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ไม่แนะนำให้ซื้อยาใช้เอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ ในกรณีที่มีอาการน้ำมูก หรือคัดจมูก แนะนำให้ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หรือถ้ามีอาการแพ้อากาศรุนแรงให้ใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก (มียาเพียงบางตัวเท่านั้นที่ใช้ได้) หากมีอาการลมพิษ แนะนำให้ใช้ยาบางตัวได้ (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
โดย : ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอรพรรณ โพชนุกูล
ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านโรคภูมิแพ้ โรคหืดและระบบหายใจ
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
สามารถติดตามช่องทางต่างๆของโรงพยาบาล ได้ที่
• Call center : 0-2926-9999
• LINE Official : https://lin.ee/C9QBk04
• Youtube :
รายการ 5 นาทีกับแพทย์ธรรมศาสตร์ :https://www.youtube.com/channel/UCMkq9zBgdYzw8WOmfFddLYg
โฆษณา