ก่อนที่จะลงทุนในกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนรวมหุ้น เราต้องรู้ก่อนว่ากองทุนที่เรากำลังจะลงทุนนั้นเป็นกองทุนประเภทไหน และผู้จัดการกองทุนมีแนวทางในการบริหารกองทุนอย่างไร ซึ่งกลยุทธ์ที่ผู้จัดการกองทุนใช้ในการบริหารกองทุนแบ่งได้เป็นการบริหารแบบเชิงรับ หรือ Passive Fund และการบริหารแบบเชิงรุก หรือ Active Fund
กองทุนรวม เชิงรุกvs เชิงรับ
กองทุนแบบ Passive Fund มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กองทุนรวมดัชนี หรือ Index Fund โดยกองทุนรวมประเภทนี้เป็นกองทุนรวมเชิงรับ มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีที่ใช้อ้างอิงให้มากที่สุด เช่น กองทุนรวมดัชนีที่อ้างอิงตลาดหุ้นไทย หาก SET Index +5% กองทุนรวมดัชนีก็ต้อง +5% หรือ +4.9% หรือ +5.1% โดยประมาณ เป็นต้น โดยชื่อกองทุนจะบอกได้ว่ากองทุนนั้นใช้ดัชนีอ้างอิงเป็นดัชนีใด เช่น กองทุน Passive Fund ที่ใช้ดัชนี SET50 เป็นดัชนีอ้างอิง ก็มักจะมีคำว่า SET50 อยู่ในชื่อกองทุนนั้นด้วย นอกจากนี้แนวทางการลงทุนจะถูกแจ้งอยู่ในหนังสือชี้ชวนเช่นกัน
กองทุนแบบ Passive Fund จะมีความเสี่ยงในระดับเดียวกับดัชนีที่ใช้อ้างอิง และมีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนแบบ Active Fund จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตน้อยมาก แต่ข้อเสียของกองทุนแบบ Passive Fund ก็คือ นักลงทุนจะไม่สามารถคาดหวังผลตอบแทนที่ชนะตลาดได้ และหากตลาดหุ้นเป็นขาลง ผลตอบแทนก็จะลดลงตามดัชนีอ้างอิง เพราะผู้จัดการกองทุนไม่สามารถปรับพอร์ตได้ตามภาวะของตลาด กองทุน Passive Fund จึงเหมาะกับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นระยะยาว ผู้ที่ไม่มีเวลาคัดเลือกหุ้นรายตัว และต้องการมืออาชีพมาคัดเลือกหุ้นดีๆ ให้
ส่วนกองทุน Active Fund เป็นการบริหารแบบเชิงรุก ต้องใช้ความสามารถของผู้จัดการกองทุนเป็นหลักในการคัดเลือกสินทรัพย์ที่จะเข้าลงทุน โดยเป้าหมายคือการได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ซึ่งสามารถแบ่งการวิเคราะห์การลงทุนของผู้จัดการกองทุนได้ 2 รูปแบบ
1. การวิเคราะห์แบบ Top-Down Analysis ผ่านการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค อุตสาหกรรม แล้วจึงมาดูพื้นฐานของสินทรัพย์ที่จะเข้าลงทุนว่าในภาวะนี้จะเหมาะที่จะลงทุนหรือไม่
2. การวิเคราะห์แบบ Bottom-Up Analysis จะเริ่มพิจารณาจากสินทรัพย์ที่เข้าลงทุนก่อนว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพหรือไม่ แล้วค่อยดูว่าสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมนั้นดีหรือไม่ และสุดท้ายจึงดูว่าเป็นเวลาเหมาะสมทางเศรษฐกิจที่จะลงทุนหรือไม่
กองทุนแบบ Active Fund เหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในผู้จัดการกองทุนว่าจะสามารถบริหารกองทุนรวมให้ได้ผลตอบแทนที่ดี และชนะตลาดได้ในระยะยาว แม้ว่าจะมีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บที่แพงกว่ากองทุนแบบ Passive Fund ก็ตาม ดังนั้นผู้ลงทุนจึงต้องศึกษาข้อมูลในการคัดเลือกกองทุนให้ดีด้วย เพราะอย่าลืมว่ากองทุนรวมหุ้นส่วนใหญ่แพ้ตลาด
กองทุนทั้ง 2 ประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน นักลงทุนจึงต้องเลือกลงทุนโดยพิจารณาจากเป้าหมายการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน ความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง และอย่าลืมอ่านหนังสือชี้ชวนให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่อยากกระจายความเสี่ยง ก็สามารถลงทุนได้ทั้งกองทุนรวมแบบ Passive Fund และ Active Fund โดยสามารถค้นหากองทุนรวมดีๆ จากหลากหลาย บลจ. มาเก็บไว้ในพอร์ตได้ ผ่านแอปพลิเคชัน EASY INVEST หรือดูรายละเอียดได้ที่
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
