22 ก.ย. 2021 เวลา 08:01 • ธุรกิจ
กลยุทธ์การตั้งราคาแบบ Skimming Pricing ของ Apple
บริษัท Apple ได้เปิดตัว Iphone13 อย่างเป็นทางการไปเมื่อ วันที่ 14 กันยายน 2564 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 25,900 บาท และสูงสุดที 62,900 บาท (ราคาสั่งซื้อล่วงหน้า วันที่ 1 ตุลาคม 2564) ซึ่งเราอาจจะได้ยินเสียงบ่นจากโลกออนไลน์บางส่วนมาบ้างแล้วว่า Iphone13 พัฒนาน้อยมากทั้งรูปลักษณ์และเทคโนโลยี แต่ถึงอย่างนั้นก็มีลูกค้าที่เต็มใจจ่าย ถึงแม้จะราคาสูงก็ตามที
ทุกท่านอาจจะสังเกตุเห็นว่า กลยุทธ์การตั้งราคาของ บริษัท Apple จะเป็นแบบ Skimming Pricing ซึ่งเป็นการตั้งราคาสูงในช่วงแรกที่จำหน่ายสินค้า จากนั้นลดราคาลงเมื่อเวลาผ่านไปหรือปล่อยสินค้าใหม่ออกมาแทนที่
สินค้าเทคโนโลยี หรือสมาร์ทโฟน จะมีจุดเด่นคือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน และถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องให้มีประสิทธิภาพการใช้งานมากขึ้นนอกเหนือจากการรับสาย และโทรออก
ด้วยความที่สมาร์ทโฟนมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา วันนี้เพิ่งปล่อยเทคโนโลยีใหม่ออกมา แต่ในวันถัดไปคู่แข่งอาจจะพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือกว่าขึ้นมาได้ จึงต้องมีการพัฒนา ปรับปรุงประสิทธิภาพขึ้นมาขายอยู่ตลอด จึงกล่าวได้ว่า สินค้าประเภทเทคโนโลยี รวมไปถึงสมมาร์ทโฟนเป็นสินค้าที่มีวงจรชีวิตของสินค้าสั้น (Product Life Cycle)
1
และเนื่องจากสมาร์ทโฟน เป็นสินค้าที่มีวงจรชีวิตสั้น ทำให้จำเป็นต้องใช้
การตั้งราคาด้วยกลยุทธ์ Skimming pricing ที่ทำการตั้งราคาจำหน่ายช่วงเปิดตัวสูงเพื่อที่จะสร้างรายได้และกำไรให้คุ้มกับเงินที่ลงทุนไปในการพัฒนา และปรับปรุงเทคโนโลยีใหม่ๆให้ได้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้คู่แข่งพัฒนาสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพเท่าเทียมกับมาดึงลูกค้า และกำไรไป
อีกอย่างคือ กลยุทธ์นี้ถือเป็นการสร้างและโปรโมทภาพลักษณ์ของแบรนด์ Apple ให้ความรู้สึกว่ามีคุณภาพ รวมไปถึงการรับรู้ของผู้คนว่าเป็นสินค้าที่ทันสมัย มีราคาสูง
ในทางเศรษฐศาสตร์ บริษัท Apple ค่อนข้างมั่นใจว่า ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาของแบรนด์ค่อนข้างต่ำ อธิบายสั้นๆ คือ ราคาจะไม่ค่อยมีผลต่อการซื้อเท่าไรนัก ถึงแม้ราคาจะสูงหรือต่ำ ลูกค้าก็มีความต้องการซื้ออยู่ดี
เหตุผลอย่งแรก คือระบบปฏิบัติการ IOS ที่โดดเด่นและแตกต่าง มีเพียงบริษัท Apple เท่านั้นที่เป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการนี้ ด้วยความที่สมาร์ทโฟนเป็นสินค้าที่ใช้ในระยะยาวทำให้สามารถสร้างความภักดีหรือความรู้สึกคุ้นเคย คอยดึงดูดลูกค้าอยู่เสมอ
อย่างที่สองคือ บริษัท Apple มีการวางขายสินค้าที่เฉพาะตัว และจำเป็นต้องใช้ร่วมกับสินค้าของแบรนด์ Apple เอง จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้งานดีและลื่นไหลยิ่งขึ้น ลองจินตานาการว่า คุณพกโทรศัพท์ติดตัวทั้งวัน ในขณะที่ต้องใช้ไอแพด และโน๊ตบุ๊คทำงานอยู่ตลอดเวลา การใช้อุปกรณ์ที่สามารถส่งข้อมูลระหว่างกันได้ง่ายจะช่วยให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ซื้อมา
แต่ก็มีข้อเสียที่สำคัญคือ หาก Iphone ไม่ดึงดูดลูกค้าเพียงพอ ลูกค้าจะยอมรอซื้อเฉพาะเวลาที่ลดราคาเท่านั้น ซึ่งจะทำให้รายได้ลดลงจากที่คาดการณ์ (หรือเรียกว่าลูกค้ารู้ทันก็ได้นะ)
เคยสังเกตไหมว่า กลยุทธ์การตั้งราคาของ บริษัท Apple จะเป็นแบบ Skimming Pricing ซึ่งเป็นการตั้งราคาสูงในช่วงแรกที่จำหน่ายสินค้า จากนั้นลดราคาลงเมื่อเวลาผ่านไปหรือปล่อยสินค้าใหม่ออกมาแทนที่
อ้างอิง
1. รูปภาพจาก https://www.apple.com
2. Skimming or Penetration Pricing? จาก https://www.simon-kucher.com/en/blog/skimming-or-penetration-pricing
3. คุ้มไม่คุ้ม? ส่องกระแสหลังเปิดตัว iPhone 13 จาก https://www.posttoday.com/world/663247
โฆษณา