Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Sky Crew Hub
•
ติดตาม
21 ก.ย. 2021 เวลา 10:32 • หนังสือ
## จากที่ขี้เกียจออกกำลังกายมา 5 ปี แต่กลับออกไปวิ่งได้ 20-45 นาทีต่อวัน เพราะใช้ 1 ในเคล็ดลับที่ได้อ่านจากหนังสือ ‘Atomic Habits’ ที่จะมารีวิวให้ทุกท่านได้ฟังกันในวันนี้ค่ะ ##
.
ก่อนอื่นเลย จุ๋ม (ชื่อจุ๋มนะคะ) ขอบอกก่อนเลยว่า เว่อร์ชั่นที่จุ๋มอ่านเป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่คุณเจมส์ เคลียร์ ได้เขียนเอาไว้ หากคุณได้อ่านฉบับภาษาไทย และอยากจะแชร์มุมมอง สามารถแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้เลยนะคะ ☺️
.
หนังสือเล่มนี้ เรียกได้ว่า เป็นหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตของจุ๋มเลยก็ว่าได้ … เพราะพื้นฐาน จุ๋มเป็นคนที่ขี้เกียจมาก ๆ ขี้เกียจชนิดที่ ออกจากงานมา 1 ปี นอนใช้เงินเก็บตัวเองอยู่บ้านจนเงินเกือบหมดน่ะค่ะ คือขี้เกียจเบอร์นั้น … ปล.จุ๋มเป็นอดีตแอร์โฮสเตสของสายการบินแห่งหนึ่งในแถบตะวันออกกลาง ทำงานมา 9 ปี เพิ่งออกจากงานมาเมื่อปลายปี 2020 นี้เอง
.
ความจริง จุ๋มไม่อยากโทษอาชีพแอร์โฮสเตสนะคะ ที่ทำให้เราเป็นคนที่ขี้เกียจได้ขนาดนี้ แต่ด้วยความที่ 4-5 ปีหลังที่บิน จุ๋มบินหนักมาก หนักชนิดที่แทบไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลากิน ไม่มีเวลานอน ผิดวิสัยของไ ลฟ์สไตล์แบบคนปกติมาก ๆ ทำให้จัดการกับเวลาได้ยากมาก
.
จุ๋มในสมัยก่อน จะเป็นคนง่วงนอนตลอดเวลา ขี้เกียจทำงานบ้าน ขี้เกียจทำกับข้าวกินเอง ขี้เกียจออกกำลังกาย ขี้เกียจขับรถ … คือ มันไม่มีอารมณ์อยากทำอะไรเลย วัน ๆ อยากเอาแต่นอนอย่างเดียว!
.
ซึ่งเรื่องนี้มันกระทบกับสุขภาพร่างกายของจุ๋มมาก ๆ เลยคิดว่า ไม่ไหวแระ… เราต้องทำอะไรสักอย่าง! ไม่งั้น เราต้องจมอยู่กับชีวิตแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แน่ หาเงินมาได้เท่าไหร่ ชีวิตเราก็คงไม่มีความสุขอยู่ดี เลยตัดสินใจออกงานเพราะเหตุผลนี้
.
พอกลับไทย แน่นอนว่า นิสัยขี้เกียจมันยังติดตัวเราอยู่ ทั้ง ๆ ที่จุ๋มพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงในเรื่องอะไรก็ตาม มักจะทำได้ไม่เกิน 2 วัน แล้วความขี้เกียจมันก็กลับมาอีก
.
จนจุ๋มได้เห็นคนหลายกลุ่ม ได้พูดคุยกันถึงหนังสือเล่มนี้กันเยอะมากกกก เลยลองไปหามาอ่านดูบ้าง และก็ดีใจที่เราได้อ่านมัน …
.
ซึ่งจากที่เคยเป็นคนขี้เกียจในทุกอย่าง กลับสร้างนิสัยใหม่ ที่ตรงกันข้าม เช่น ตื่น กิน นอน ได้เป็นเวลา ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ และทำกับข้าวกินเองทุกวัน และที่สำคัญ เราทำมันได้อย่างต่อเนื่อง! ไม่ทำ ๆ หยุด ๆ เหมือนเมื่อก่อนที่เราเคยเป็นแล้ว โดยสิ่งที่จุ๋มค้นพบจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ที่ได้นำมาใช้ ก็คือ
.
.
# 1% Better Everyday #
.
การทำสิ่งดีแค่นิดหน่อยในแต่ละวัน ในตอนแรกคุณอาจจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
.
ยกตัวอย่างในเคสของจุ๋มเรื่องออกกำลังกาย เนื่องจากจุ๋มมีอาการปวดหลังพ่วงมาจากอาชีพเดิมด้วย และรู้ว่าเราต้องทำการยืดกล้ามเนื้อและออกกำลังกายในส่วนอื่น แต่สมัยก่อนจุ๋มคิดว่า เดี๋ยวรอให้โควิดหายก่อน รอยิมเปิดก่อน แล้วเราค่อยไปเรียนโยคะ ไปออกกำลังกาย
.
.
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ… 1 ปีผ่านไป เราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะมัวแต่รอ! โควิดไม่หายไป หลังก็ไม่หายเจ็บ! 😓
.
.
แต่พอเราใช้กฎ 1% Better Everyday ในการเริ่มยืดกล้ามเนื้อตอนตื่นนอน แค่วันละ 5 นาทีต่อวัน เริ่มออกไปวิ่งแถวรอบ ๆ หมู่บ้าน แค่วันละ 10 นาทีต่อวัน และตอนนี้เพิ่มเป็น 20-45 นาทีต่อวัน จนตอนนี้ อาการปวดหลังดีขึ้นเยอะมาก และสุขภาพโดยรวมก็แข็งแรงขึ้นด้วย (สดชื่นมากขึ้น ไม่ได้อยากนอนตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน)
.
จุ๋มยังใช้วิธีนี้ ในการสร้างนิสัยการอ่านของตัวเองด้วย จากเมื่อก่อน เวลาเราจะอ่านหนังสืออะไรซักเล่ม เราจะตะบี้ตะบันอ่านทั้งวันทั้งคืน อ่านจนติด แต่พอหมดวัน มาวันรุ่งขึ้น อารมณ์ในการอ่านมันก็หายหมด ทำให้เราเป็นคนที่อ่านหนังสือไม่เคยจบ หรือถ้าอ่านเล่มไหนจบ ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะการอ่านรอบเดียวจบ แต่ไม่นำไปใช้ ซักพักจุ๋มก็จะลืมเนื้อหาที่อ่าน
.
พอจุ๋มเปลี่ยนมาใช้กฎ 1% Better Everyday เป็นการอ่านหนังสือวันละ 15 นาที แต่อ่านทุกวัน ปรากฏว่า พอเนื้อหามันน้อย เราจึงได้ใช้เวลาทำความเข้าใจกับมันได้มากขึ้น อีกอย่าง การที่เราได้อ่านแค่วันละนิด ทำให้เราอยากอ่านในวันต่อ ๆ ไป (มันกระตุ้นต่อมอยากรู้ของเราทุกวัน)
.
ที่สำคัญ เมื่อเราอ่านได้ในทุก ๆ วัน เราจะได้รับเซนส์ของความฉลาด ความสำเร็จ (ประมาณว่า วันนี้ได้อ่านหนังสือละ เราฉลาดละ เราทำสำเร็จละ >\<) และจุ๋มยังได้ค้นพบว่า การอ่านแบบนี้ ได้ความรู้มากกว่าการมีหนังสือหลายเล่ม แต่อ่านไม่จบซักเล่ม เหมือนเมื่อก่อนที่เราเคยเป็น 555
.
สรุป ทุกวันนี้จุ๋มอ่านหนังสือทีละเล่ม วันละ 15-30 นาที แต่อ่านทุกวันก่อนนอน
.
.
# Build identity-based habits, not outcome-based habits #
.
จงเปลี่ยนนิสัยจาก ‘ตัวตนข้างใน (Identity-Based)’ ไม่ใช่เปลี่ยนจาก ‘ผลลัพธ์ที่อยากได้ (Outcome-Based)’
.
จุ๋มได้สังเกตพฤติกรรมตัวเองในสมัยก่อนว่า ที่เราล้มเหลวจากการสร้างนิสัยใหม่ นอกจากจุ๋มจะมัวแต่รอหรือมีข้อแก้ตัวอย่างอื่นแล้ว จุ๋มมักจะโฟกัสในสิ่งที่เราอยากได้มากเกินไป (ผลลัพธ์ของมัน) แทนที่จะโฟกัสในกระบวนการการเปลี่ยนแปลง
.
ยกตัวอย่าง เมื่อตอนที่จุ๋มยังพอออกกำลังกายบ้าง จุ๋มจะออกกำลังกายเพราะเราอยากได้สุขภาพที่ดี (Outcome-based habits) ซึ่งมองผิวเผิน มันก็เป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อเราต้องการอะไร เราก็ต้องทำสิ่งนั้น ใช่มั้ยคะ?
.
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นคือ … เมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องออกกำลังกาย จุ๋มมักจะหาข้ออ้างอย่างอื่นเข้ามาเสมอ เช่น วันนี้เหนื่อยแล้ว ถ้าไปออกกำลังกายอีก จะเหนื่อยยิ่งขึ้น สุขภาพจะกลายเป็นแย่ลงนะ! (เหตุผลเหมือนจะดี)
.
และสิ่งที่ตามมาอีกคือ … จุ๋มเริ่มใช้ข้ออ้างเดิมเยอะขึ้น มากขึ้น จนในที่สุด เราเลิกออกกำลังกายไปโดยปริยาย
.
แต่สิ่งที่คุณเจมส์ เคลียร์ ได้บอกไว้เกี่ยวกับ ‘Identity-Based habits’ ก็คือ เราควรเปลี่ยนจากการโฟกัสถึง ‘สิ่งที่อยากได้’ มาเป็น ‘คนที่เราอยากจะเป็น’ เช่น เปลี่ยนจาก ‘การอยากได้สุขภาพดี’ มาเป็น ‘เราอยากเป็นคนที่มีสุขภาพดี’
.
เวลาเราเปลี่ยนความอยากได้สุขภาพดี มาเป็น เราอยาก ‘เป็น’ คนสุขภาพดี วิธีนี้ กระตุ้นให้สมองของเราคิดต่างจากเดิมว่า ถ้าเราอยากเป็นคนนั้น เราต้องทำยังไงล่ะ? ผลที่ได้ก็คือ จุ๋มออกไปวิ่งได้โดยที่ไม่ต้องบังคับตัวเอง คือ แรงขับในร่างกายมันไปของมันเอง และยังได้ผลพลอยได้ในเรื่องของการเลือกรับประทานอาหารอีกด้วย
.
ในตอนแรกจุ๋มยังไม่เห็นความแตกต่างเท่าไหร่ แต่หลังจาก 1 อาทิตย์ 2 อาทิตย์ผ่านไป เราก็เอ๊ะ ทำไมเราวิ่งได้ต่อเนื่อง! ทำไมเราอยากออกไปวิ่งเองมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ปกติวิ่ง 1 วัน หยุดไป 1 เดือน หรือคิดได้ที มีอารมณ์อยากวิ่งที ก็ไปที ไม่ได้วิ่งจนเป็นนิสัย จนมาได้คำตอบว่า เป็นเพราะเราเริ่มเปลี่ยนจาก ‘Identity-based’ นั่นเอง
.
อีก 1 ตัวอย่างที่จุ๋มใช้วิธีเปลี่ยนแบบ Identity-based habits ก็คือ เรื่องการทำความสะอาดบ้าน เมื่อก่อนจุ๋มแค่อยากให้บ้านสะอาด แต่พอบินมาเหนื่อย ๆ หรือต้องทำงานอะไรก็ตาม มักจะพูดคำว่า ‘เดี๋ยวก่อนก็ได้ วันหยุดหน้าค่อยทำ’ จนกลายเป็นติดนิสัยขี้เกียจทำความสะอาดบ้านมายาวนาน
.
พอตอนนี้ จุ๋มลองเปลี่ยนความคิดเป็น เราอยาก ‘เป็น’ คนสะอาด คนที่มีบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกวันนี้ จุ๋มกลายเป็นคนเก็บบ้านเอง เห็นอะไรสกปรก รก ขวางหูขวางตาไม่ได้ ต้องเก็บให้เรียบร้อย ที่สำคัญ จุ๋มทำได้เป็นประจำทุกวัน
.
จนพี่สาวที่อยู่บ้านเดียวกันงงเป็นไก่ตาแตก เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เรามักจะอ้างว่าเราไม่ว่าง เราเครียด (ซึ่งจริง ๆ แล้ว เรายังติดนิสัยเดิมอยู่ คือขี้เกียจ อยากนอน และติดเกมส์🤦♀️) แต่ตอนนี้นางแฮปปี้กับเรามาก ๆ ซึ่งมันทำให้เราแฮปปี้มาก ๆ ด้วย
.
.
# Make it easy (2 minutes rule) #
.
ทำให้การสร้างนิสัยใหม่เป็นเรื่องที่ง่าย โดยใช้กฎ 2 นาที ซึ่งวิธีนี้จุ๋มขอยกให้เป็น My favourite คือจุ๋มชอบมาก และมันเปลี่ยนนิสัยหลายอย่างของจุ๋มได้จริง ๆ โดยในหนังสือได้อธิบายไว้ว่า หากเราอยากเปลี่ยนนิสัย ให้เริ่มจากสิ่งที่ทำได้ง่ายภายใน 2 นาที
.
จุ๋มขอยกตัวอย่างเรื่องการวิ่งเหมือนเดิม ที่แต่ก่อนจุ๋มมักจะตั้งเป้าว่า วันนี้เราจะต้องออกไปวิ่งให้ได้อย่างน้อย 20 นาที ถึงแม้จะเซ็ตเวลาไว้เรียบร้อย แต่พอถึงเวลาที่จะต้องออกไปวิ่งจริง ๆ ก็หาข้ออ้าง ขี้เกียจเหมือนเดิม
.
พอเจอเทคนิค 2 minutes rule จุ๋มเลยลองเปลี่ยนใหม่เป็น งั้นแค่แต่งตัวเหมือนจะออกไปวิ่งเฉย ๆ แต่ไม่ต้องวิ่งก็ได้! (โดยธรรมชาติ จุ๋มจะชอบแต่งตัวและไม่ขี้เกียจในเรื่องนี้) พอเราบอกกับตัวเองแบบนี้ หัวสมองจึงรู้สึกทำได้ง่าย และสิ่งที่ตามมาก็คือ เมื่อเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าเตรียมวิ่งเรียบร้อยแล้ว เราก็อยากออกไปวิ่งเองอย่างอัตโนมัติ (เพราะเราแต่งตัวเสร็จแล้วไง จะไม่ไปวิ่งก็กะไรอยู่😅)
.
จุ๋มใช้วิธีนี้บอกตัวเองทุกวัน และเตรียมใส่ชุดวิ่งตั้งแต่ตอนเช้า พอทำงานเสร็จปุ๊บ ก็ออกไปวิ่งได้ทันที จนทุกวันนี้วิ่งได้ 20-45 นาที เหมือนอย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้นนั่นแหละค่ะ ถ้าคุณ WFH เหมือนจุ๋ม วิธีนี้จะช่วยได้เยอะมาก
.
จุ๋มยังใช้วิธีนี้กับเรื่อง สร้างนิสัยการอ่าน, การทำสมาธิ, การเขียนบันทึกประจำวัน, การทำอาหารกินเอง และนิสัยที่ดีอื่น ๆ ที่เราอยากเปลี่ยน ปรากฎว่า มันใช้ได้กับทุก ๆ เรื่อง ทุก ๆ นิสัย ที่เราอยากเปลี่ยนเลยค่ะ
.
และนี่เป็นเพียงแค่เสี้ยวนึงเท่านั้นเองนะคะ ที่จุ๋มนำมารีวิวให้กับเพื่อนพี่น้องได้อ่านกัน… ยังมีเนื้อหาส่วนอื่นอีกมาก ที่จุ๋มยังนำมาเล่าให้ฟังได้ไม่หมด (คือถ้าเล่าจริง ๆ ไม่รู้ว่า 100 หน้ากระดาษ A4 จะพอรึป่าว😅)
.
เอาเป็นว่าวันนี้ ขอมารีวิวให้ฟังกันแบบพอหอมปากหอมคอนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ อยากอ่านรีวิวเนื้อหาส่วนอื่นเพิ่มเติม พิมพ์ ‘อยากฟังเพิ่ม’ ใต้คอมเมนท์ได้เลย แล้วจุ๋มจะมาเล่าให้ฟังกันอีกค่ะ
.
ส่วนใครที่ยังลังเล ไม่รู้ว่าหนังสือจะดีจริงรึป่าว จุ๋มบอกได้เลยว่า ‘ดีจริง’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเป็นคนเปลี่ยนนิสัยยากมาก ขี้เกียจแบบจุ๋ม อ่านเล่มนี้แล้วทำตาม จะเปลี่ยนได้แน่นอนค่ะ
.
.
ใครที่อยากซื้อหนังสือ รบกวนไม่ Inbox มานะค้าา จุ๋มแค่รีวิวไม่ได้ขายค่าา 🙏☺️
.
.
ถ้าอยากซื้อ เข้าไปซื้อได้ที่ลิงก์นี้ได้เลยค่ะ จุ๋มหาพิกัดมาให้แล้ว
.
.
📍bit.ly/3Anz5UU
(ฉบับภาษาไทย)
📍bit.ly/3nIDe2f
(ฉบับภาษาอังกฤษ)
.
.
ลองไปหาอ่านแล้วทำตามกันดูนะคะ แล้วจะพบว่า ชีวิตใหม่ในร่างเดิมนั้น มีอยู่จริง!
.
.
#รีวิวAtomicHabitsbyจุ๋ม
#thaniinspire
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย