22 ก.ย. 2021 เวลา 11:30 • ประวัติศาสตร์
ตำแหน่งไหน? ใหญ่ที่สุดใน "สาธารณรัฐประชาชนจีน"
แต่ละประเทศมีรูปแบบการปกครองที่แตกต่างกัน และตำแหน่งของผู้นำก็ต่างกันไปตามระบอบการปกครอง บางประเทศมีการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดโดยตรง ผู้นำมีตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี บางประเทศมีการเลือกตั้งทางอ้อม ผู้นำพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี บางประเทศใช้ระบบผู้สืบสายเลือดในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่บางประเทศก็ใช้ระบบสืบสายเลือดแบบประธานาธิบดี บางประเทศเป็นลักษณะของรัฐบาลหุ่น การคัดเลือกเกิดจากอำนาจที่มองไม่เห็นที่อยู่นอกประเทศ ซึ่งวันนี้เราไม่ได้จะมาพูดว่าระบบไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่เราจะมาพูดกันเรื่องผู้นำของสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศที่อายุค่อนข้างน้อย คือมีระบอบการปกครองที่สถาปนาขึ้นเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยเหมาเจ๋อตง เมื่อ ค.ศ.1949 เท่านั้นเอง จะเรียกว่าเป็นประเทศเกิดใหม่ก็คงไม่ผิด ดังนั้นเรื่องของผู้นำจึงน่าสนใจมาก
2
ร่วมสนับสนุน SpokeDark แบบรายเดือน คลิกที่นี่ครับ https://www.youtube.com/c/SpokeDarkTV/join
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
และนอกจากนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ2 ของโลก และยังถือเป็นมหาอำนาจทางการทหารที่ได้แผ่ขยายอิทธิพลออกไปแทบจะทุกมุมโลกแล้ว จึงน่าทำความรู้จักกับระบบทางการเมืองของประเทศนี้
1
สาธารณรัฐประชาชนจีนมีการปกครองในระบบพรรคการเมืองเดียว นั่นก็คือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนปกครองประเทศมาตั้งแต่เหมาเจ๋อตงประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้น ในปี ค.ศ 1949
จนถึงบัดนี้สาธารณรัฐประชาชนจีนก็มีอายุ 70 กว่าปี ใน 70 ปีที่ผ่านมา จีนมีผู้นำสูงสุดมาแล้ว 6 คน โดยสี่คนแรกถือเป็นรุ่นก่อตั้ง นั่นก็คือเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการปฏิวัติ การรบในสงครามกลางเมืองกับพรรคก๊กมินตั๋ง และมีส่วนร่วมในการรบกับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย สี่คนนี้ก็คือ เหมาเจ๋อตง, หลิว เส้าฉี, เติ้งเสี่ยวผิง และ เจียงเจ๋อหมิน ส่วนสองคนหลังได้แก่ นายหู จิ่นเทา และ นายสี จิ้นผิง ผู้นำคนปัจจุบัน เป็นคนที่เกิดไม่ทันช่วงนั้น ถือเป็นคน“รุ่นใหม่” ก็คงได้
เวลาที่เราพูดถึงผู้นำ“สูงสุด” ของจีน เราคงพูดว่าเป็นคนที่มีตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไม่ได้ เนื่องจากประธานเหมาเจ๋อตง ซึ่งถือเป็นผู้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็มีตำแหน่งเป็นประธานของทุกอย่าง ตั้งแต่ประธานของกรมการเมือง หรือ โพลิตบูโร (Chairman of the CPC Central Politburo) ประธานกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (Chairman of the CPC Central Committee) ประธานรัฐบาลกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chairman of the PRC Central People’s Government) ยันไปถึงประธานประเทศ (Chairman of PRC) กันเลยทีเดียว
4
ประธานเหมาได้ลาออกจากทุกตำแหน่ง ยกเว้นตำแหน่งประธานพรรคในปี ค.ศ. 1959 และ นายหลิว เส้าฉี ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุด คือ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายหลิวอยู่ในตำแหน่งสูงสุดราว15 ปี แต่การเป็นอันดับ2 นั้นย่อมอันตราย เมื่อเหมาเจ๋อตงเริ่มเคลื่อนไหวปฏิวัติวัฒนธรรมจุดจบของนายหลิวก็เริ่มต้นขึ้น ในปี ค.ศ. 1967 นายหลิวถูกจับขังในบ้านตัวเอง ถูก ซ้อมทรมาน ถูกลากตัวออกมาประจานในที่สาธารณะและในการประชุมพรรค ในที่สุดหลิว เส้าฉี ก็เสียชีวิตในคุกและถูกผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในตอนนั้นเรียกอย่างเป็นทางการว่าเป็นคนขายชาติ ภรรยานายหลิวก็ถูกขังคุกและทรมานต่อมาอีกอย่างยาวนานจนเหมาเจ๋อตงเสียชีวิตและการปฏิวัติวัฒนธรรมจบลง
2
เรื่องที่น่าสนใจในแง่ของตำแหน่งผู้นำประเทศก็คือ หลังจากที่นายหลิวเส้าฉี ถูกจับและหายไปจากสังคม ตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนก็ว่างลง แล้วก็ว่างอยู่แบบนั้นจนกระทั่งหมดยุคเหมาเจ๋อตง การปฏิวัติวัฒนธรรมกินเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 - 1976 สิบปีนี้ไม่มีใครเป็นประธานาธิบดี แต่ผู้นำสูงสุดที่รู้ ๆ กันก็คือ เหมาเจ๋อตง และ แก๊งค์สี่คนซึ่งเข้ามากุมอำนาจหลังจากที่เหมาล้มป่วย
2
หลังจากประธานเหมา ซึ่งเหมาตำแหน่งประธานทุกอย่างได้เสียชีวิตลง และไม่มีประธานาธิบดีมายาวนานเป็นสิบปี เติ้งเสี่ยวผิง ก็ขึ้นมาเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศจีน เติ้งเสี่ยวผิงมีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนแรกของ กรรมการแห่งรัฐ (State Council) หรือรัฐบาลจีนนั่นเอง แล้วก็เป็นประธานของกองทัพ (Chairman of Central Military Commission) และประธานสภาที่ปรึกษา (Chairman of Central Advisory Commission) ดูไม่ได้มีตำแหน่งแบบเดียวกับประธานเหมาเลย และไม่ได้เป็นประธานของกรมการเมือง หรือ Politburo ที่ว่ากันว่าคือตำแหน่งที่ใหญ่มากๆ และไม่ได้เป็นประธานาธิบดีหรือประธานประเทศ ดูคล้าย ๆ กับว่าเติ้งเสี่ยวผิงเป็นผู้นำได้ด้วยบารมีมากกว่า
1
ร่วมสนับสนุน SpokeDark แบบรายเดือน คลิกที่นี่ครับ https://www.youtube.com/c/SpokeDarkTV/join
1
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ต่อจากเติ้งเสี่ยวผิง ก็เป็นเจียง เจ๋อหมิน ซึ่งในตอนนี้ก็เริ่มมีตำแหน่งที่ชัดเจนว่านี่คือผู้นำ นั่นก็คือมีตำแหน่ง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งก็จะเป็นประธานาธิบดีโดยอัตโนมัตินั่นเอง เช่นเดียวกับ หู จิ่นเทา ที่รับตำแหน่งต่อจากเจียงเจ๋อหมิน และ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดีคนปัจจุบันก็คือ คุณสี จิ้นผิง นั่นเอง
1
ตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นเป็นตำแหน่งบริหารจริงๆ ไม่ใช่ตำแหน่งประมุขเฉยๆ ถัดจากประธานาธิบดีเป็นตำแหน่งของเลขาธิการพรรค ซึ่งมักจะเลือกกันใหม่ในทุกๆ 10 ปี เมื่อเปลี่ยนประธานาธิบดีก็จะเปลี่ยนการตัวคีย์แมนกันยกทีม ประธานาธิบดีใหม่ก็จะมาพร้อมกับนายกรัฐมนตรีใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่ ตำแหน่งบริหารใหม่หมด ในประเทศที่มีคนเป็นพันล้านและมีหลากหลายเชื้อชาติต่างภาษา ก็ย่อมต้องมีระบบการปกครองและโครงสร้างรัฐบาลที่ซับซ้อนตามไปด้วย แต่สำหรับใครก็ตามที่จะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง อย่างแรกเลยที่จะต้องเป็นก็คือเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน
4
เมื่อพูดถึงพรรคในสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็มีอยู่พรรคเดียวคือสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน ณ ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 90 ล้านคน เยอะกว่าประชากรประเทศไทยเสียอีก แต่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมีกลุ่มผู้นำสูงสุดอยู่ในคณะกรรมการการเมือง หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า Politburo โปลิต นี่คือ Political ไม่ใช่โพลิสแบบตำรวจ ในโพลิตบูโรมีสมาชิกทั้งหมด25 คน แต่จะมีสมาชิกที่เป็นวงใน คือมีอำนาจมากๆ อยู่ 7 คน ซึ่งจาก 7 คนนี่แหละที่จะมีสิทธิได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคหรือประธานาธิบดีนั่นเอง
4
อยากเป็นโพลิตบูโร ต้องทำอย่างไร?
ระบบการส่งต่ออำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นดูคล้ายๆ จะมีการเลือกตั้ง แต่ที่จริงแล้วการเลือกที่สมาชิกพรรคมารวมกันเยอ ๆ ในการประชุมใหญ่ของพรรคในเดือนตุลาคมของทุกๆ ปีนั้น โดยมากมักจะเป็นการเลือกแบบเป็นพิธี หรือ เลือกจากที่ผู้มีอำนาจเลือกไว้ให้แล้วมากกว่า การได้เข้าไปเป็นสมาชิกของโพลิตบูโรก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าระบบจริงๆ คืออย่างไร แต่เท่าที่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองพอจะประมวลได้ก็คือ ระบบการถ่ายทอดอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นก็ค่อนข้างจะเป็นไปในแนวของระบบสายเลือด ระบบชนชั้นในพรรค
5
นั่นก็คือคุณจะเป็นสมาชิกชั้นหนึ่งได้ด้วยสองวิธี คือ โดยสืบสายเลือดหรือที่เรียกกันว่าเป็น Princeling ก็คือเป็นลูกหลานของสมาชิกพรรคชั้น 1 คือเป็นลูกหลานของคนที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประธานเหมา สีจิ้นผิงเองก็เป็นสมาชิกประเภท Princeling แบบนี้ พ่อของเขาคือ สี จงชุน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในยุคประธานเหมา คือเกิดมาก็มีอภิสิทธิ์ในพรรคประมาณหนึ่งแล้ว สมาชิกประเภท Princeling นี้มักจะมาจากฝั่งตะวันออกของประเทศที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฟูเจี้ยน หูเป่ย อีกวิธีหนึ่งคือคุณเป็นสมาชิกในระดับภูมิภาคที่มีอิทธิพล มักจะเติบโตมาจากปีกเยาวชนของพรรค เรียกว่า Tuanpai มักมีฐานอำนาจอยู่ทางประเทศชั้นในไปทางตะวันตก เช่นทางเสฉวน ยุนนาน เป็นต้น
3
แต่คนนอกไม่มีทางรู้ระบบที่แท้จริงได้และหัวข้อนี้ก็ดูจะค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่ที่แน่ๆ คือที่นั่งของใครก็ตามในโพลิตบูโรทั้งห้องใหญ่และกลุ่มซุปเปอร์บอร์ดนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นแล้วจะคงอยู่ยงถาวร ทั้งนี้ก็เพราะด้วยขนาดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ใหญ่มาก พรรคการเมืองนี้มีสมาชิกเกือบ 100 ล้านคน ก็ต้องมีกลุ่มการเมืองต่างๆ มากมายเพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งหมด
1
ดังนั้นการเลื่อยขาเก้าอี้หรือกำจัดศัตรูทางการเมืองก็เกิดอยู่ตลอดเวลา การกำจัดหรือการ purge กันเองก็เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติมากๆ การกำจัดที่หนักหน่วงและน่ากลัวที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมในปลายสมัยของเหมาเจ๋อตง เรียกว่ามีการกำจัดคนที่ดูเหมือนมีแนวโน้มว่าจะเอาใจออกห่างผู้นำ หรืออาจจะมีความนิยมเกินหน้าเกินตาก็จะถูกกำจัด ในสมัยเหมานี้เรียกว่าใครไม่โดนกำจัดนี่คือเรื่องแปลก เติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งก็เป็นผู้นำคนต่อมาก็ถูกส่งไปใช้แรงงานหนักและลูกชายก็ต้องพิการเพราะโดนเรดการ์ดโยนลงมาจากตึก หรือพ่อของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีของประธานเหมาก็ถูกกำจัดและส่งไปใช้แรงงานหนัก พี่สาวก็รับสภาพไม่ไหวจนต้องฆ่าตัวตายไป
3
นายจ้าว จื่อหยาง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ คนโปรดของ นายเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำที่เปิดประเทศจีนหลังหมดยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ก็ถูกนายเติ้งเองนี่แหละ สั่งปลดและขังในบ้านตัวเองตั้งแต่ปี1989 จนเสียชีวิตในปี 2005 เพราะนายจ้าว มีท่าทีที่โอนอ่อนต่อข้อเรียกร้องของนักศึกษาและประชาชน สวนทางกับสมาชิกระดับสูงอื่น ๆ ในโพลิตบูโรซึ่งต้องการให้ทหารเข้าปราบปราม นอกจากนายจ้าวจะถูกขังอยู่ในบ้านตัวเองจนเสียชีวิต ทางการจีนยังพยายามลบชื่อและการมีอยู่ของเขาออกจากประวัติศาสตร์ประเทศ เขาเสียชีวิตในปี 2005 และกว่าที่ครอบครัวของเขาจะประกอบพิธีฝังศพหรือฝังเถ้ากระดูกของเขาในฮวงซุ้ยเดียวกันกับภรรยาก็ใช้เวลาในการขออนุญาตจากรัฐบาลจีนอยู่ถึง4 ปี และทำได้สำเร็จโดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นพิธีที่เงียบและเป็นการภายในที่สุด ห้ามเชิญแขกจากนอกครอบครัวและห้ามแจ้งให้สาธารณะทราบ
3
นายหู เย่าปัง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เช่นเดียวกัน ก็ถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากมีความสนิทสนมและดูจะสนับสนุนขบวนการนักศึกษามากเกินไปเช่นเดียวกัน นายหูเย่าปังเสียชีวิตในวันที่ 15 เมษายน1989 นักศึกษาพากันออกมารำลึกและแสดงความเคารพเขาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินจนลุกลามใหญ่โตเป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
5
อีกคนที่มีจุดจบทั้งทางการเมืองและชีวิตที่รันทดมากก็คือนายพลหลินเปียว นายพลหลินเปียวเป็นอีกคนหนึ่งที่ใกล้ชิดเหมาเจ๋อตงมากๆ เป็นมือขวาทางด้านการทหาร นายพลหลินเปียวนี้นำกองทัพประชาชนต่อสู้กับกองทัพของเจียงไคเช็คจนได้รับชัยชนะทำให้เหมาเจ๋อตงสามารถก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นมาได้ และก็ยังเป็นกำลังสำคัญในการปฏิวัติวัฒนธรรมอีกด้วย แต่คนที่มีความใหญ่โตอยู่ในอันดับ 2 ถ้าไม่จัดการอันดับ1 ก็มักจะถูกอันดับ1 จัดการ หลินเปียวก็เช่นกัน แต่ในรายละเอียดนั้นไม่สามารถยืนยันอะไรได้ เหมือนกับความลับหลาย ๆ อย่างในโลก มีเพียงแต่“เค้าว่ากันว่า” เท่านั้น
2
ร่วมสนับสนุน SpokeDark แบบรายเดือน คลิกที่นี่ครับ https://www.youtube.com/c/SpokeDarkTV/join
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ซึ่งเรื่องที่ “เค้าว่ากันว่า” ก็คือ หลินเปียวไปเสนอเหมาเจ๋อตง ให้รื้อฟื้นตำแหน่งประธานาธิบดีขึ้นมา หลังจากที่หลิว เส้าฉี เสียชีวิตไปแล้วหลายปี และไม่มีการแต่งตั้งประธานาธิบดีใหม่ นี่คือจุดเริ่มต้นของความไม่ไว้วางใจหลินเปียวของประธานเหมา คืออยากจะมีตำแหน่งเกินหน้าเกินตาหรือเปล่า? เหมาเจ๋อตงไม่พอใจกับเรื่องนี้ทำให้หลินเปียวเริ่มกังวลว่าเหมาคงไม่ปล่อยตัวเองไว้แน่ๆ ก็เลยวางแผนจะรัฐประหารยึดอำนาจ แต่แผนดันรั่วเสียก่อน
และในทีนี้เรื่องเล่าจากฝ่ายเหมาเจ๋อตง คือหลินเปียววางแผนรัฐประหารไม่สำเร็จ ก็เลยพาลูกเมียและคนใกล้ชิดขึ้นเครื่องบินหนีไปสหภาพโซเวียตผ่านมองโกเลีย ซึ่งสหภาพโซเวียตแม้จะเป็นประเทศคอมมิวนิสต์เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับจีน ส่วนเรื่องเล่าอย่างเป็นทางการคือขณะกำลังบินข้ามมองโกเลียเครื่องบินน้ำมันหมดก็เลยตกทำให้เสียชีวิตทั้งลำ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้แต่เรื่องที่คนส่วนมากเชื่อก็คือเครื่องบินโดนทหารของเหมาเจ๋อตงยิงตกเสียมากกว่า
2
แต่อีกเจ็ดถึงแปดปีต่อมามีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ออกมาเนื้อหาประมาณว่าต้นฉบับถูกลักลอบนำออกมาจากจีนมาพิมพ์ในโลกตะวันตก และคนเขียนเป็นใครก็ไม่อาจทราบได้ มีเพียงสำนักพิมพ์ที่ยืนยันว่าคนเขียนเป็นคนวงใน ในหนังสือเล่มนี้บอกว่าเครื่องบินนั้นถูกยิงตกจริงๆ ในมองโกเลีย แต่ด้วยความที่มองโกเลียเป็นพันธมิตรของสหภาพโซเวียต สหภาพโซเวียตจึงได้นำเครื่องบินและศพไปตรวจสอบ และก็พบว่าคนบนเครื่องบินนั้น ยกเว้นนักบินเสียชีวิตตั้งแต่ก่อนจะขึ้นเครื่องเสียอีก คนเขียนเรื่องนี้อ้างว่า หลินเปียวและคณะถูกสังหารตั้งแต่ถูกชวนไปรับประทานอาหารเย็นกับประธานเหมาแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องราวที่พิสดารพันลึก และต้องย้ำอีกครั้งว่าทั้งหมดนี้ไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดาในรัฐที่มีความลับเยอะๆ ใครที่อยู่ในรัฐประเภทนี้ก็อาจจะคุ้นเคยกับเรื่องเล่าเหนือจริงต่างๆ ที่ถูกนำมาอธิบายสิ่งที่อธิบายไม่ได้
นี่คือตัวอย่างของการเลื่อยขาเก้าอี้และกำจัดศัตรูทางการเมืองในอดีต ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ตามปกติของการเมือง โดยเฉพาะเมื่อมีการชิงตำแหน่งที่สำคัญ ก่อนที่นายสีจิ้นผิงเองจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด ก็มีการกำจัด กันขนานใหญ่ภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีนเช่นกัน เพราะกลุ่ม princeling หรือลูกหลานของผู้ใหญ่ในพรรคก็มีหลายคน ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแบบใหญ่โตสุด ๆ คือ นายป๋อ สี่หลาย ซึ่งเป็นลูกชายของนาย ป๋อ ยี่ป๋อ ซึ่งร่วมเดินใน Long March กับประธานเหมา ถูกจับเข้าคุกในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมและกลับมาเปิดประเทศเคียงบ่าเคียงไหล่กับเติ้งเสี่ยวผิง รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนการใช้กำลังทหารปราบปรามนักศึกษาในเหตุการณ์เทียนอันเหมินอย่างไม่ปิดบัง
1
นายป๋อ สี่หลาย เป็นนักการเมืองดาวรุ่ง นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังมีผลงานยอดเยี่ยมในฐานะเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในต้าเหลียนเป็นผู้นำเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาที่เมืองต้าเหลียนจนกลายเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นผู้ว่าราชการเมืองฉงชิ่งที่ได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้ก็ยังชอบคุยกับนักข่าวและมีภาพลักษณ์ของคนติดดินที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย อย่างไรก็ตาม เรื่องจริงๆ แล้วนายป๋อเป็นคนอย่างไรก็คงไม่มีใครได้รู้ชัดเจน เพราะเมื่อใกล้ถึงเวลาของการคัดเลือกสมาชิกโพลิตบูโรชั้นในชุดใหม่ ก็เกิดเรื่องอื้อฉาวอย่างยิ่ง มีเรื่องของการฆาตกรรมนักธุรกิจชาวอังกฤษในฉงชิ่
1
หัวหน้าตำรวจฉงชิ่งที่เป็นคู่หูของป๋อสี่หลายขับรถบุกเข้าไปขอลี้ภัยที่กงสุลอเมริกันโดยบอกว่ากลัวจะโดนป๋อสี่หลายทำร้าย มีการขุดเรื่องราวคอรัปชั่นมากมายของนายป๋อ ภรรยาและครอบบครัวออกมา สุดท้ายศาลตัดสินลงโทษประหารชีวิตแต่ลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตภรรยานายป๋อในข้อหาฆาตกรรมนาย นีล เฮย์วู๊ด นายหน้าชาวอังกฤษ ทั้งหมดนี้ไม่มีข้อมูลเป็นทางการ เป็นเพียงข่าวลือที่เล่าต่อ ๆ กันมาทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวตะวันตกเวลาเขียนข่าวเรื่องของป๋อสี่หลายก็ต้องย้ำตลอดเวลาว่าสิ่งที่นำเสนอคือเรื่องที่ “เค้าว่ากันว่า” ทั้งสิ้น การพูดถึงนายป๋อในแอปเว่ยโป๋ ซึ่งก็คือ social media ของจีนนั้นถูกเซ็นเซอร์ทั้งหมด แม้กระทั่งคำว่า มะเขือเทศ ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่ชาวเน็ตจีนใช้เรียกนายป๋อก็ถูกเซ็นเซอร์ ความลำบากในวงการอาหารก็เกิดขึ้นเพราะสูตรซอสประมาณ 80% ประกอบด้วยมือเขือเทศ
3
เรื่องของนายป๋อ ภรรยา ที่เป็นทนายความ นายนีล เฮวู้ด ชาวอังกฤษ และ ป๋อกัวกัว ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายป๋อ ที่ถือว่าเป็น princeling รุ่นที่ 2 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนี่ อ่านเหมือนนิยายผจญภัยฆาตกรรมในครอบครัวผู้มากด้วยอำนาจบารมี มีทั้งเรื่องชู้สาว หึงหวง แบล็กเมล คอรัปชั่น แต่ก็อย่างที่ว่า ไม่มีอะไรที่พิสูจน์หรือตรวจสอบหาความจริงได้เอาซะเลย
ร่วมสนับสนุน SpokeDark แบบรายเดือน คลิกที่นี่ครับ https://www.youtube.com/c/SpokeDarkTV/join
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย 0193426433 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
เรื่องของอำนาจและตำแหน่งผู้นำจีนเป็นอะไรอย่างไร ก็คงต้องบอกว่าก็เป็นประมาณนี้ ความเป็นไปในศูนย์กลางอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นเรียกว่าทึบแสง เราก็ได้แต่สังเกตและจดบันทึกเพื่อจะพยายามคาดการณ์ก้าวต่อไปของประเทศมหาอำนาจนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีสีสันมาก ๆ เลยทีเดียว
1
โฆษณา