23 ก.ย. 2021 เวลา 03:36 • การตลาด
เชื่อว่าหลายคนที่เพิ่งเริ่มทำโฆษณาบน Facebook ยังสับสนอยู่ว่าระหว่าง Boost Post กับ Facebook Ads Manager มันมีความแตกต่างกันอย่างไร? แล้วถ้าจะทำโฆษณาซักแคมเปญต้องเลือกใช้วิธีไหนดี? มีข้อดี และข้อเสียอย่างไร? มาหาคำตอบในบทความนี้กันเลยค่ะ
Boost Post กับ Facebook Ads Manager
มาเริ่มต้นกันที่ Boost Post
ทุกคนที่มีแฟนเพจอาจจะเคยเห็นปุ่มคำว่า Boost Post หรือ โปรโมทโพสต์ ปรากฎอยู่ใต้โพสต์ที่ถูกโพสต์ลงบน Facebook Page ของตัวเองกันมาบ้างแล้ว แล้วรู้มั้ยคะว่า Boost Post คืออะไรกันนะ?
Boost Post เป็นการทำโฆษณาแบบรวดเร็ว และง่าย ทำบนหน้าเพจของตนเองได้เลย โดยสามารถกดได้จากปุ่ม Boost Post ใต้โพสต์ที่ต้องการได้ทันที หรือจะโปรโมทเพจก็ทำได้ค่ะ จะช่วยให้เข้าถึงผู้คนได้จำนวนมาก เข้าถึงแบบกว้างๆ ไม่ได้เจาะจงตรงกลุ่มเป้าหมายเป็นพิเศษ เน้นการเพิ่มจำนวน Like, Comment, Share และยอดรับชมวีดีโอ ตามงบประมาณที่มี และระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพราะฉะนั้น Boost Post จึงเหมาะกับการทำโฆษณาแบบ Awareness มากกว่าค่ะ
ต่อกันด้วย Facebook Ads Manager
Ads Manager เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างโฆษณา Facebook Ads หรือที่มักจะได้ยินกันบ่อยๆ อย่างคำว่า “ยิงแอด” ซึ่งการใช้ Ads Manager ในการสร้างโฆษณานั้น สามารถปรับตั้งค่าโฆษณาได้อย่างหลากหลาย จะมีความละเอียดมากกว่า Boost Post พอสมควรเลยค่ะ ช่วยให้แคมเปญโฆษณานั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด
สามารถกำหนดวัตถุประสงค์ได้อย่างละเอียด และหลากหลาย เช่น Reach, Engagement, Message, Traffic, App Installs เป็นต้น และสามารถกำหนดได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการคือใคร อายุเท่าไหร่, เพศอะไร, ระบุพื้นที่ได้ หรือแม้กระทั่งระบุความสนใจได้ รวมไปถึงสามารถเลือกพื้นที่ หรือ Placement ที่ต้องการให้โฆษณาแสดงผลได้หลาย Platform เลยล่ะค่ะ
นอกจากนี้แล้ว Ads Manager ยังสามารถเลือกรูปแบบโฆษณาได้หลากหลาย เช่น Single Image, Carousel เป็นต้น แถมยังใส่ Call To Action ลงไปในงานโฆษณาได้อีกด้วย
ทีนี้เรามาดูข้อดี และข้อเสีย ของการเลือกซื้อโฆษณาทั้ง 2 ประเภทนี้กันเลยค่ะ
ข้อดี ข้อเสียของ Boost Post กับ Facebook Ads Manager
ข้อดีของ Facebook Ads Manager คือ
1. สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดสร้าง Custom Audience กลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเองได้
2. กำหนดวัตถุประสงค์ในการโฆษณาได้ละเอียด
3. ในหนึ่งแคมเปญโฆษณาสามารถสร้าง Ad set ได้หลาย Ad set เพื่อเลือก
กลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันได้
4. มีรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย สามารสร้างโฆษณาแบบที่ไม่ปรากฎหน้าเพจได้
5. สามารถวัดผลประสิทธิภาพของโฆษณาแต่ละตัวได้
6. มีระบบ Analysis สามารถเอาข้อมูลมาใช้วิเคระห์เพื่อวางแผ่นการตลาด และทำ Retargeting ได้
7. ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมาก สามารถกำหนดเงินขั้นต่ำ และจัดสรรได้ตามวัตถุประสงค์ของเรา
ข้อเสียของ Facebook Ads Manager คือ
1. ต้องมีความรู้พื้นฐาน หรือความเข้าใจระบบโครงสร้างโฆษณาของ Facebook
2. ต้องรอการพิจารณาจาก Facebook
3. สามารถใช้ได้ผ่านคอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตเท่านั้น
ข้อดีของ Boost Post คือ
1. สามารถซื้อโฆษณาได้ง่าย ทำได้อย่างรวดเร็ว
2. เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นทำโฆษณาบน Facebook
3. สามารถทำผ่านอุปกรณ์ใดก็ได้ไม่ว่าบนคอมพิวเตอร์,มือถือ หรือแท็บเล็ต
4. เข้าถึงคนบน Facebook ได้มาก
5. มีงบจำกัดก็สามารถทำโฆษณาได้
ข้อเสียของ Boost Post คือ
1. มีข้อจำกัดในการจัดการแคมเปญโฆษณา
2. ไม่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ได้อย่างละเอียด
3. ดูข้อมูล Analysis และวิเคราะห์โฆษณาได้น้อย
💁‍♀️แน่นอนว่าหากต้องการทำโฆษณาให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด วัดผลได้ และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำโฆษณาบน Facebook ในครั้งต่อๆ ไปได้ เราขอแนะนำว่า ก็ควรจะใช้การสร้างโฆษณา โดยใช้ Facebook Ads Manager จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านะคะ
โฆษณา