27 ก.ย. 2021 เวลา 01:00 • การศึกษา
ทำไมผู้นำ ควรสนับสนุนให้ ลูกทีมทุกคนมี “ภาวะผู้นำ”
4
แน่นอนว่าคนที่ขึ้นมาเป็นระดับ “ผู้นำองค์กร” มักจะมาด้วยความสามารถในการทำงาน ในระดับที่ไม่ธรรมดา แต่หลายคนก็ยังเป็นมือใหม่ สำหรับเรื่องของการบริหารทีม
ซึ่งหัวหน้ามือใหม่ที่ต้องเจอกับการต้องคอยเชียร์ คอยนั่งปั้นลูกทีมให้มีความสร้างสรรค์
หรือพยายามสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับทีมอยู่บ่อย ๆ
หลายคนก็คงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เพราะต้องใช้พลังมหาศาล
1
ซึ่งถ้าหัวหน้าต้องมานั่งสอน นั่งสร้างแรงจูงใจให้กับลูกทีมทุกคน ในทุก ๆ วัน โดยใช้เวลาที่มากเกินไป ก็อาจจะกระทบกับประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเองและภาพรวมขององค์กร
ดังนั้นหัวหน้าควรจะหาวิธี “สร้างภาวะผู้นำ” ให้กับลูกทีม เพื่อที่จะให้พวกเขาขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้า และพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย โดยที่ไม่ต้องรอคำสั่งจากเรา
ถ้าลูกทีมทุกคนมี “ภาวะผู้นำ” จะดีต่อใครบ้าง ?
1. ทีมงานจะพัฒนาตัวเองได้เร็ว
คนที่สามารถนำตนเองได้ พวกเขาจะขอเพียงเป้าหมายที่ชัดเจน
และขอการสนับสนุนหรือความช่วยเหลือ ที่พวกเขาต้องการ
เพื่อให้ตัวเองมีความสามารถที่ก้าวหน้า และมีความเชี่ยวชาญได้เร็วขึ้น
1
2. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
คนที่สามารถนำตนเองได้ จะมีความมุ่งมั่นที่สูงและจะมีส่วนร่วมในทุก ๆ งานอย่างสม่ำเสมอ หากทีมงานส่วนใหญ่มีภาวะผู้นำ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ให้กับทั้งองค์กรได้
3. รับผิดชอบต่อเป้าหมาย
คนที่สามารถนำตนเองได้ แน่นอนว่าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบ
เพราะต้องการให้งานที่ทำนั้นบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
3
4. สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
คนที่สามารถนำตนเองได้ จะหาวิธีเอาชนะทุกข้อจำกัด สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างดี
และนำไปสู่ความต้องการ ที่จะพัฒนาโซลูชันหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ
และการจะสร้างภาวะผู้นำให้กับลูกทีมได้ ก็ต้องปรับกันตั้งแต่ วิธีคิด..
ลองมาดู 3 ทักษะ ที่จะช่วยพัฒนา Self-Leadership จาก The Ken Blanchard Companies สถาบันผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาคนและการทำงานในองค์กร มานานกว่า 42 ปี
1. ตั้งเป้าให้ชัด (Goal Setting)
ขั้นแรกของการฝึกทักษะ Self-Leadership คือ ต้องให้ทีมงานฝึกปักธงปลายทางว่าจะไปที่ไหน และกำหนดด้วยว่าจะไปถึงเมื่อไร ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน และที่สำคัญคือ เป้าหมายนั้นต้องทำให้เรารู้สึก “อยากไป” โดยไม่ลังเล
2
2. วิเคราะห์และเข้าใจในตัวเอง (Diagnosing)
ชักชวนทีมงานให้ฝึกสังเกต ฝึกวิเคราะห์และเข้าใจความสามารถและความมุ่งมั่นของตัวเองในงานที่ทำ
เพราะการทำให้ทีมรู้จักสังเกตและวิเคราะห์ตัวเองในขณะที่ทำโปรเจกต์ต่าง ๆ จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจบทบาทหน้าที่และความต้องการของตัวเองมากขึ้น
2
สำคัญที่สุดคือ แต่ละคนจะรู้ตัวเองว่า ต้องขอความช่วยเหลือจากทีมหรือหัวหน้าในส่วนไหนบ้าง เพื่อที่จะได้ช่วยเสริมการพัฒนาตัวเองและงานที่ทำ ได้อย่างเต็มความสามารถ
3. เลือกสไตล์ความเป็นผู้นำ ให้เหมาะกับตัวเอง (Matching)
5
เมื่อทำให้ทีมงานรู้เป้าหมาย รู้ระดับความสามารถ และความมุ่งมั่นของตนเองแล้ว ก็ถึงเวลาชวนให้พวกเขากำหนดว่า ตัวเองต้องการอะไร เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น
เช่น อยากเป็นผู้นำด้านการขาย แน่นอนว่าก็จะต้องมีทักษะด้านการพูดที่ดี
 
ซึ่งเมื่อตัวเขารู้แล้วว่า อยากเป็นผู้นำด้านไหน ก็จะได้ขอคำแนะนำจากหัวหน้าหรือผู้มีประสบการณ์อย่างถูกจุด เช่น ขอเทคนิคการนำเสนอที่ดึงดูดคนฟังมากขึ้น
เมื่อทีมงานได้วิธีการที่เหมาะสม พวกเขาก็จะทำเป้าหมายสำเร็จได้ทีละขั้น จากนั้นเขาก็จะเกิดความมั่นใจ และเริ่มมีภาวะที่สามารถนำตนเองได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ทั้งหมดนี้ ก็คือทักษะเบื้องต้น ที่จะช่วยสร้าง “Self-Leadership” หรือความเป็นผู้นำตัวเอง ให้กับทีมงาน ซึ่งทาง SEAC ยังมีเครื่องมือที่น่าสนใจอีกมากมาย จาก The Ken Blanchard Companies ซึ่งจะมาช่วยพัฒนาทีมงานและหัวหน้า ให้ทุกคนสามารถเป็นผู้นำได้ด้วยตัวเอง
สำหรับผู้สนใจ ที่ไม่อยากพลาดโอกาสการเรียนรู้ ฝึกฝนตัวเองให้มี Self-Leadership
ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่: https://bit.ly/3unh7io
#SEAC #lifelonglearning #YourNextU #essentialskills #upskill #reskill #ทักษะแห่งอนาคต #transformation #mindset #nownormal #SelfLeadership #KenBlanchard #HR
1
#SEAC THE RIGHT MINDSETS, SKILLSETS, AND TOOLSETS FOR YOUR TRANSFORMATION.
โฆษณา