23 ก.ย. 2021 เวลา 12:15 • นิยาย เรื่องสั้น
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 31-32)
เช้ามืดของวันงานสมโภช เจ้าพ่อเจ้าแม่คลองจระเข้เผือก ชาวจีนในตลาดเเละคณะกรรมการจัดงานจำนวน สิบสองคน ที่มีคัดเลือกจากเจ้าพ่อเจ้าเเม่ที่ศาล ด้วยวิธีเสี่ยงทาย ที่เรียกว่า "ปั่วปวย" ได้อัญเชิญองค์จำลองเจ้าพ่อเจ้าเเม่ ออกมาจากศาลขึ้นเกี้ยวประทับหามเเห่ไปรอบเมือง
จากศาลเจ้าพ่อเจ้าเเม่ คนหามต้องหามผ่านลัดเลาะทางที่เป็นดินที่เรียกว่า ถนนริมแม่น้ำน่าน
ขบวนเเห่เจ้า เริ่มจาก ธงมงคลที่เรียกว่า "ถั่วเปีย" ที่ใช้สาวๆ เชื้อสายจีนมา ถือธงมงคล ข้อสำคัญต้องใช้ สาวพรหมจรรย์ ส่วนใหญ่เป็นสาวเเรกรุ่น ตั้งเเต่อายุ สิบสองขึ้นไป
คณะกรรมการจัดงานหรือเรียกตามภาษาจีนว่า " เถ่านั้ง" จะนำส้มไปเชิญ ลูกสาวของห้างร้านต่างๆ มาเป็นคนถือธงมงคล ฮ่องเตียง ในวัยสิบเจ็ดปี สาวจากร้าน เจี่ยเส็ง ได้รับส้มเชิญ ในปีนี้ด้วย
จากขบวนธงมงคล ในผืนผ้าของธงมีคำอวยพรเป็นภาษาจีนปักด้วยมือ ซึ่งมาจากเยาวราช ในพระนครฯ ที่นำเข้ามาจากเมืองจีน
ต่อจากขบวนธงอวยพรเเล้ว ยังมี คณะดนตรีจีน ทั้ง เอ้อหู ผีผา กว้านจือ รวมถึงขลุ่ย เป็นเครื่องดนตรีนำ เกี้ยวเจ้าพ่อเจ้าเเม่ ที่เรียกว่า "หล่อโก้ว"
เช้าวันนั้น ขบวนเเห่ ถึงริมทางรถไฟ ก่อนถึงศาลชั่วคราว บรรดาชายหนุ่ม ต่างถิ่น มาดักรอดู สาวๆ ในขบวนธงมงคล
"เฮ้ย พวกมึงดูหนังหมวยคนนั้นดิ หน้าตา น่ารักดีว่ะ"
"คนไหน ของมึงวะ?"
"คนถือธงสีเขียวนั่นไง"
"เเต่กูว่า คนถือธงเหลืองๆ นั่นสวยกว่า"
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ สาวๆ ป็นเรื่องปกติของหนุ่มๆ
เเต่ที่เเปลกคือ หนุ่มอีกคนในกลุ่มนั้น ไม่พูด ไม่ปริปากใดๆ ทั้งสิ้น ได้เเต่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ มองด้วยสายตาเยือกเย็นไม่มีอาการใดๆ
นายเซี๊ยะ ลูกชายชาวจีนตลาดปากน้ำโพ วัยยี่สิบสองปี โดยสารมากับรถไฟตั้งเเต่เช้ากับเพื่อนกลุ่มนี้ เพื่อมาดูขบวนเเห่เจ้าของตลาดชุมแสง
เนื่องจากได้ยินว่า งานยิ่งใหญ่ จนเป็นที่เลื่องลือ เพราะจัดริมทางรถไฟ ศาลเจ้าชั่วคราวที่สร้างด้วยไม้ไผ่ตั้ง ใกล้ตัวสถานี ทำให้ รถไฟเเต่ละขบวนที่ผ่าน จะเห็นไฟประดับกับผู้คนมากมาย ในงานได้ชัดในตอนกลางคืน
นายเซี๊ยะ มองสาวหมวยใบหน้าเรียว ผมประบ่า ถือธงมงคลสีฟ้า ที่มาจากร้าน เจี่ยเส็ง
ขบวนได้หยุด เมื่อถึงศาลชั่วคราวที่สร้างด้วยไม่ไผ่ ผ้าใบผืนใหญ่ คลุมไว้เป็นหลังคา ด้านหน้ามีโต๊ะไม้คล้ายแท่นบูชา
บรรดาสาวๆ ยืนตั้งธงใกล้ๆ ศาลชั่วคราว
มีเสียงสื่อสารด้วยภาษาจีน จากกลุ่มอาเเปะที่ไว้หนวดยาวใต้คาง
พ่อค้าขนมปลากริม หาบมาถึงตรงขบวนที่หยุด ตรงศาลเจ้าชั่วคราว ธงปลงหาบ ควักผ้าเช็ดหน้า ผืนเล็กสีขาว ยื่นส่งให้ฮ่องเตียงที่ยืนไม่ห่างจากกลุ่มสาวๆ ที่ถือธงมงคล มาด้วยกัน
"ขอบคุณค่ะ" ฮ่องเตียงยิ้มหวานรับ พร้อมใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าของเธอ
ความหวานซึ้งในยามนี้ คงมากกว่าความหวานจากขนมปลากริม ในหม้อดินที่หาบมา
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 32)
ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่ใช้ซับเหงื่อนั้น ถูกกำไว้แน่นในมือของฮ่องเตียง
ขบวนเเห่ พักตรงศาลเจ้าชั่วคราว เกี้ยวที่หาม ตามขบวนดนตรีจีนมา อันเชิญขึ้นประทับอยู่ด้านใน กลิ่นควันจากธูปที่จุดฟุ้งกระจายอยู่ทั่ว
ผู้คนเริ่มทยอยมากราบไหว้ขอพร เจ้าพ่อเจ้าเเม่คลองจระเข้เผือก กันมากขึ้นในช่วงเวลาช่วงสาย
ฝั่งตรงข้ามศาลเจ้าชั่วคราว ปลูกเป็นเพิงเสาไม้ไผ่ขนาดย่อม หลังคามุงผ้าใบมีเสาไม้ไผ่สูงอยู่ด้านหน้า ภาย มีโต๊ะเเทนบูชาตั้งไว้ มีผ้าลายสีปูประดับทับโต๊ะบูชานั้น พร้อมเครื่องสักการะพร้อมธูปเทียนสำหรับไหว้ เรียกเพิงเสาไม้ไผ่ตรงนี้ว่า "ศาลเทวดา"
การสร้างศาลเทวดาไว้ด้วยการนับถือของวัฒนธรรม ไหว้ฟ้า เเละดินของชาวจีน แต้จิ๋วไม่น้อยมีความเชื่อว่าชาวฮกเกี้ยนเป็นบรรพบุรุษของพวกตน ประจักษ์ชัดจากภาษิตจีนแต้จิ๋วว่า..
เตี่ยว์จิวนั้ง ฮกเกี่ยงโจ๊ว แปลว่า คนแต้จิ๋ว บรรพบุรุษเป็นฮกเกี้ยน
ชาวฮกเกี้ยนมีวัฒนการไหว้ฟ้ามาช้านาน หรือ เรียกว่า "ทีกง" ซึ่งจะมีเสาไม้ไผ่สูง เเขวนโคมไฟที่สานด้วยไม้ไผ่เเขวนไว้ ( เต็งลั้ง) เรียกว่า "เสาเทวดา" เป็นที่ สื่อสารระหว่างเทพกับมนุษย์
ด้านหลังศาลเทวดา มีโรงงิ้วเเต้จิ๋วปลูกด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยผ้าใบ เช่นกันสองโรง
ตรงกลาง มีผ้าใบกั้นระหว่างงิ้วสองโรงที่ประชันกัน มีชาวจีนตลาดชุมแสงไปนั่งเเละยืน ดูงิ้วทั้งสองโรง ที่เริ่มเเสดง ตั้งเเต่ตอนสายหลังจากอันเชิญเจ้าพ่อเจ้าเเม่ประทับในเซ็งเชี่ยง(ศาลชั่วคราว) แล้ว
บรรดาเด็กๆ วิ่งเล่นสนุก ตั้งเเต่เริ่มงานในเเห่เจ้าวันเเรกนี้ บรรดาชายหนุ่มที่มารอดูสาว ถือ ธงมงคล (ธงเรียก ถั่วเปีย การถือเรียกว่า เขี่ยเปีย) เพราะเป็นวันเเรกที่สาวๆจะออกจากบ้านมาเดินให้เห็นเเบบ เดินเรียงกัน และอีกวันคือวันเเห่ รอบตลาด ในวันที่สามของงาน ซึ่งยิ่งใหญ่กว่า เเละสาวจะมาเดินเขี่ยเปีย เยอะกว่า
ฮ่องเตียงในชุดสีฟ้าอ่ออน กำลังจะกลับบ้าน ธงจึงขอเดินหาบขนมไปส่งเธอ ทั้งสองเดินคลอเคลียกันไป โดยไม่รู้ว่า มีชายคนหนึ่ง เดินตามทั้งคู่ไป
ระหว่างทางมีลูกค้า เรียกซื้อขนมปลากริม ธงจึงปลงหาบเเล้วบอกให้ฮ่องเตียงล่วงหน้าไปก่อน
"เตียง เธอเดินล่วงหน้าไปก่อนเถอะ ขอขายขนมก่อน"
"สองกระทงจ่ะ พ่อค้า"
ผู้คนในตลาดชุลมุน ระหว่างที่ ธงตักขนมขาย ไม่ทันสังเกต สิ่งใด
นายเซี๊ยะ ทิ้งกลุ่มเพื่อนปากน้ำโพเเล้ว เดินสะกดรอย ตามฮ่องเตียงไป บนถนนเเสงทินกร ที่ตั้งของร้านพี่สาวเธอ
พอฮ่องเตียงหยุดยืน ซับหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนน้อยของธง นายเซี๊ยะ ก็หยุดยืนเช่นกัน ทันใดนั้น มีเเม่ค้าหาบของ เดินชนนายเซี๊ยะเข้าอย่างจัง ชนเซเเทบล้ม ถนนเเคบนั้น มีเสียงดังจากเเม่ค้าต่อว่า นายเซี๊ยะ ที่อึกอักหยุดยืนขวางทาง
"เดินยังไงล่ะ ไอ้ตี๋นี่ !!!! จะหยุดจะเดินไม่เลี่ยงทางเลย !!! หม้อไหข้าวของเสียหายหมด"
นายเซี๊ยะ รีบขอโทษขอโพย ช่วยจับหาบจับกระบุงแม่ค้าคนนั้น เป็นการใหญ่
ฮ่องเตียง หันมองตามเสียงนั้น เเต่ไม่ได้สนใจอะไร จึงเดินทอดน่องต่อไป จนถึงร้านของตน เเล้วหันมามองหา พ่อค้าขนมปลากริม ว่าเดินมาใกล้หรือยัง
เเต่ก็เเอบยิ้มเล็กน้อย ก่อนก้าวเข้าไปในบ้าน เพราะรู้ว่า ธง ชายรักของเธอ ยังอยู่ในถนนเส้นนี้
นายเซี๊ยะ เดินตามเเละสังเกตว่า ฮ่องเตียง หยุดเเละเดินเข้าร้าน ห้องตรงหัวมุมตลาดไปแล้ว
ธงหาบขนมเดินตามฮ่องเตียงมา เเต่รู้ว่า เธอคงเข้าบ้านไปแล้ว เพราะระหว่างทาง ยังมีลูกค้าเรียกซื้อขนมตลอดทาง
นายเซี๊ยะ เดินมาจนใกล้ร้านของฮ่องเตียง มองเห็นป้ายด้านบน มีอักษรไทยเเละจีน " เจี่ยเส็ง" นายเซี๊ยะอ่านภาษาจีนได้ชำนาญเพราะเรียนหนังสือจากโรงเรียนจีนตงฮั้ว ที่ปากน้ำโพ
นายเซี๊ยะประทับใจหน้าตาของเธอผู้นี้ตั้งเเต่ครั้งเเรกที่เห็น เเละมีใจปรารถนาจะได้เธอมาเป็นคู่ครอง
ด้วยเเยบยล กลเล่ห์ เสน่หา
อยากเคียงคู่ ได้เธอมา คราใฝ่ฝัน
ใช้ผู้ใหญ่ ชักใยต่อ ก่อสัมพันธ์
เเม่สื่อ สาน ของกำนัล ด้นดั้นมา..
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 33)
พ่อค้าขนมปลากริม หาบน้ำกลับถึงบ้าน
พร้อมรายได้ที่ดี สำหรับการขายในทุกๆ วัน ขนมหมดหม้อเสมอ เพราะกำลังใจที่ได้จากเธอ เเละใจหวัง สะสมสตางค์ เพื่อวันหนึ่ง ได้ใช้ไปสู่ขอเธอ
ป้าจัน สุขภาพดีขึ้นมาก สี่ห้าเดือนที่ผ่านมา ได้พักผ่อน เพราะลูกชายหาบขนมไปขายเเทน มีรายได้ที่ดีเพราะขายที่ฝั่งตลาด ลูกค้ามากหน้าหลายตา หมุนเวียนซื้อขนมสูตรที่ ป้าจัน ได้รับการตกทอดจากในตระกูล
ธงมองอยากขายอย่างอื่นเสริมด้วย เเต่ป้าจันร้องห้าม เพราะ ห่วงลูกชายจะหาบคอนไม่ไหว
ไอ้เเหลม ไอ้มิ่ง เพื่อนรักเพื่อนสนิท เเวะมาเยี่ยม ป้าจัน เเละธงที่บ้านเสมอ
วันนี้ ไปซ้อนกุ้งฝอย ในบ่อ กลางทุ่ง หลังวัดร้าง จึงเอามาฝากป้าจันด้วย
"ป้าจัน ฉันกับไอ้มิ่ง ได้กุ้งมาเยอะเลย ป้าเเบ่งไปซิ"
"เออๆ ขอบใจนะ ไอ้เเหลม เเล้วไปซ้อนที่ไหนกันมา ตัวดำเป็นเหนี่ยง ทั้งคู่เลย"
"โน่น บ่อหลา หลังวัดร้าง น่ะป้า ปีนี้ น้ำไม่มาก ฉันลองไปกับไอ้เเหลม เห็นทางทางดี ยังสุ่มได้ไอ้ช่อน ตัวเขื่องตัวหลายตัว เเวะขายตามบ้านมา พอได้แบ่งกันน่ะจ่ะ เหลือกุ้งเลยเอามาฝาก ป้ากับไอ้ธงนี่ล่ะ"
ไอ้มิ่งพูดจบ บุ้ยปากไปทาง ธงที่นั่งขูดมะพร้าวอยู่
"ขยันจังนะโว้ย ไอ้ธง สอยมะพร้าวขูดมะพร้าว ทุกวัน ขายที่ตลาด ไปติดใจสาวตลาด รึป่าววะเนี๊ยะ"
เสียงไอ้เเหลมแซว เเล้วหัวเราะพร้อมกับไอ้มิ่ง ที่ดังพร้อมกัน
"มึงสองคนเงียบไปเลย ไม่ช่วยกู ยังเเซวกูอีก ว่าเเต่คืนนี้ มึงไปเที่ยวงานเจ้าพ่อ ฝั่งตลาดกันรึป่าว"
"โอ้ย ยังไม่ไปโว้ย กูยังคุยกับไอ้แหลมอยู่ว่าจะข้ามไปเที่ยว คืนสามทีเดียวดีกว่า สาวเยอะนะโว้ย ฮ่าฮ่าๆ "
"ต้องไปกลางวันซิวะ กลางคืนมึงจะเห็นใคร กลางวันพวกลูกสาวเจ๊ก เดินเขี่ยเปีย เป็นเเถวยาว มึงไปพร้อมกูซิ"
ธงชวนเพื่อนทั้งสองไปพร้อมกับตน ในตอนกลางวันที่หาบขนมไปขาย เเต่ไอ้เเหลมกลับบอกว่า
"ไอ้ธง กูได้ยินพวกอีอ้อย ลูกยายเอียด จะข้ามไปตลาดพร้อมมึงนะ เห็นว่าให้เพื่อนมันบอกว่า อยากข้ามไปพร้อมมึง จะไปรอที่ท่าเรือจ้าง กูยังงง ว่า ทำไม อยากไปพร้อมมึง"
"อ้าว ไอ้เเหลม มึงไม่รู้อะไร อีอ้อย มันชอบไอ้ธง กูได้ยินอีพวกมันพูดกันอยู่ "
ไอ้มิ่งรีบบอกสวนขึ้นมา เพราะใจจริงไอ้มิ่ง ชอบนางอ้อย อยู่ เเต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
"มึงอย่าดังไป เดี้ยวเเม่กูได้ยิน "
ธงหันหลังมอง พร้อมกระซิบบอกอย่างเสียงเบาๆ เพราะกลัวเเม่ ที่เดินไปหลังบ้าน จะได้ยิน
"สรุปพวกมึงไปเที่ยววันที่สามกลางวัน พร้อมกู ล่ะกัน กูรอที่บ้าน มึงมาเเต่เช้าๆ นะ ส่วนเรื่อง อีอ้อยกับเพื่อนมัน ไม่ต้องใส่ใจ พวกมึงข้ามเรือที่บ้านพร้อมกูก็เเล้วกัน อย่าลืม เเต่งตัวหล่อ ๆล่ะ อย่าใสชุดหาปลาไปล่ะ ไอ้ห่า อายลูกสาวเจ๊ก นะโว้ย"
ธงพูดจบพลางหัวเราะขึ้นมา ไอ้สองคนเกาหัวเเล้ว ตอบพร้อมกันด้วยสูงที่พูดกันเป็นประจำว่า
"เออ ไอ้หล่อ ลากไส้ "
ตามด้วยเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกันทั้งหมด ใต้ถุนบ้านป้าจัน
เวลาสองคืน ที่นายเซี๊ยะ เเละเพื่อนๆ ลูกเถ้าเเก่ตลาดปากน้ำโพ มานอนพัก ค้างโรงเเรมที่ชุมแสง เพื่อรอเวลาเช้า วันที่สามของงาน ซึ่งได้ยินอย่างหนาหูว่า การเเห่เจ้า จะมีสาวสวย มากมาย มาเดินอวดโฉม ถือธงมงคล ที่เรียกในภาษาจีนว่า "เขี่ยเปีย"
เพื่อนๆนายเซี๊ยะ คุยกันว่า เจ้าพ่อเจ้าเเม่ของชุมแสง ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ เดี้ยวจะไปขอลูกสาวเจ้าพ่อ กลับไปเป็นคู่สักคน
ต่างคุยชวนหัว สนุกกัน นายเซี๊ยะ นิ่งฟัง พร้อมนึกถึงสาวชุดสีฟ้าอ่อนเมื่อวันเเรก ที่ตนเดินตามไปถึงร้านของเธอ
ใบหน้าเรียว ผมประบ่า ดวงตาคม เเต่ยิ้มหวานอ่อนโยน เป็นที่ถูกตา ถูกใจ ยิ่งนัก
หากวันนี้ ได้เจอเธออีกครั้ง ตนต้องขอใกล้ เเละทำความรู้จัก ให้ได้
ไอ้เเหลม ไอ้มิ่ง เเต่งตัวหล่อ มารอ ธงที่บ้าน ตั้งเเต่เช้าตรู่ เสื้อเชิ้ต เเขนสั้นสีขาว กางเกงขาก๊วย เคียนผ้าขาวม้า ของทั้งสองคน รู้สึกว่าหล่อที่สุดเเล้ว ในวันนี้
"จะไปตอนไหนวะ ไอ้ธง กูรอนานเเล้วเนี่ย"
" เออๆ กู เสร็จเเล้ว ไปไป"
ทั้งสามคนออกเดินตรงไปยังท่าเรือ โดยไม่รู้ว่า นางอ้อยเเละกลุ่มเพื่อนสาวยืนมารอที่ท่าเรือจ้าง เเล้ว
"พี่เเหลม พี่ธง มาโน่นเเล้ว พวกเรา"
เสียงเเหลมสูง จากกลุ่มสาว ๆ ใต้ต้นฉำฉาใหญ่ ริมตลิ่งท่าเรือ ดูสดชื่นรื่นเริงร่าเป็นที่สุด
"ยุ่งเเล้วล่ะ ไอ้ธง ไอ้มิ่ง กูว่างานนี้ ตามติดเป็นตังเม ซะมั้ง อีพวกนี้"
ไอ้เเหลมบ่นเบาๆ เพราะ รำคาญพวกเพื่อนของอ้อย ที่ชอบถามโน่นนี่ ตลอดเวลา
เเล้วจะไปเจอฮ่องเตียงได้อย่างไร ถ้าพวกสาวๆนี่ ติดสอยห้อยตาม เเละเกรงว่า เธอจะเข้าใจผิด ธงครุ่นคิดอยู่นาน..
เเต่ต้องจำยอม เหมือน ตกบันไดพลอยโจน ในคราวนี้
เรือจ้างพาถึงฝั่งตลาดชุมแสง เสียงดนตรีจีน ดั่งเเว่วเบาๆ มาเเต่ไกล พอรู้เป็นสำเนียง
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 34)
เสียงดนตรีจีน เรียกความตื่นเต้นของเหล่าชายหนุ่มได้ เพราะเป็นสัญญาณให้รู้ว่า จะมีเหล่าบรรดาลูกสาวคนจีน ได้มาเดินอวดโฉมในขบวนเเห่เจ้าที่เป็นประเพณีสืบทอดต่อๆกันมา
เช้าวันนั้น ฮ่องเตียงตื่นตั้งเเต่เช้ามืด ด้วยต้องช่วยหุงหาอาหารเเละดูเเลหลานๆ ก่อนจะได้ออกจากบ้านไปร่วมขบวนเเห่
เธอเตรียมชุดกระโปรงยาวสีขาว ที่ตัดเย็บอย่างดี จากตลาดเมืองปากน้ำโพ
ฮ่องล้วน นำสร้อยไข่มุก ที่ อาเเปะ ให้ไว้ ก่อนกลับเมืองจีน มาให้น้องสาวสวมใส่
สายสร้อยไข่มุกสีขาว กับชุดกระโปรงยาวสีขาว ที่เธอสวม ทำให้ดูสวยงาม เด่นสะดุดตา
ด้านท่าเรือจ้างตาหลุยส์ ที่มีนายไม้ เป็นคนเเจวเรือ เหมือนจะความโกลาหลนิดหน่อย เมื่อหนุ่มๆ เเละสาวๆ ใกล้วัดชุมแสง มาเจอกัน
"โอ้โห อีสร้อย มึงเเต่งตัวอะไรของมึง มึงจะไปเที่ยวป่ารึ นุ่งผ้าซะเขียวเป็นพระอินทร์เลยนะมึง !!!! "
"โอ้ย ไอ้พี่เเหลมบ้า มาว่าชั้น ดูตัวเองซะบ้างดิ เคียนผ้าขาวม้า เหมือนจะไปหาปลาน่ะ"
ทั้งเสียงไอ้เเหลม กับนางสร้อย เพื่อนนางอ้อย ต่อว่า ถกเถียงกันวุ่นวาย ตั้งเเต่ยังไม่ลงเรือ
ไอ้มิ่ง หัวเราะชอบใจ ที่ไอ้เเหลมว่านางสร้อย เเต่ตาเหลือบมองไปทางนางอ้อย ซึ่งตนเองมีใจชอบอยู่
ไอ้มิ่งเป็นคนเงียบๆ ขยันงานมากกว่า ขยันพูด เพราะไอ้เเหลมคู่หู พูดเเทนซะหมดทุกอย่าง
นางอ้อยพยายามชวนธงให้พูดคุยด้วย เเต่ธงก็บ่ายเบี่ยง ถามคำตอบคำ เเละพูดน้อยมาก เพราะใจคิดถึงเเต่ฮ่องเตียง
ไอ้เเหลมพูดคุยสนุกกับนางสร้อย นางสินเเละกลุ่มเพื่อนสาวที่มาด้วยกัน อย่างสนุกสนาน จนเรือเทียบถึงฝั่งตลาด
บรรยากาศช่วงสายของเช้าวันเเห่ มีชาวบ้านเเละชาวตลาด มายืนรอดูพิธีเเห่ รอบตลาด กลุ่มเถ้าเเก่ร้านต่างๆ ได้รับมอบหมายให้เป็นคณะกรรมการ จัดขบวน ซึ่งเรียกว่า " เถ่านั้ง" ซึ่งภาษาจีน เถ่า เเปลว่า หัว นั้ง เเปลว่า คน รวมกันได้ความหมายว่า "คนหัว" เปรียบคือ ผู้นำ
ธงเล็กๆ ที่อยู่ในมือ เถ่านั้ง ทั้งสีเขียว เเละสีเเดง ผลัดสลับขึ้นลงเป็นสัญลักษณ์ การหยุดเเละเดินขบวน ของหัวเเถว เเละมี เถ่านั้ง ดูเเล เป็นช่วงๆ
บรรดาสาวๆลูกหลานเชื้อสายจีน ต่างเเต่งตัวให้สวยที่สุดในวันนี้ เปรียบเหมือน เดินประกวดนางงาม อย่างไงอย่างนั้น
เเต่ด้วยประเพณีที่ต้องออกมาโชว์ตัว ความเหนียมอาย เป็นเรื่องธรรมดาของสาวเเรกรุ่น ที่ต้องพบเจอคนหมู่มาก
แว่นตากันเเดด สีดำ พอจะช่วยให้ปกปิดเเละหลบซ่อนการเก็บซ่อน ความรู้สึกของผู้สวม ในทางหนึ่งคือปกปิด แต่อีกทางหนึ่งมันก็ประกาศชัดเจนว่า ผู้สวมแว่นดำกำลังเก็บซ่อนบางอย่างอยู่
สาวเเทบจะทุกคนเตรียมเเว่นตาสีดำที่ซื้อมาจากร้านขายทองในตลาดชุมแสง ที่เเทบจะทุกร้านนำเข้ามาขายโดยการนี้
หัวขบวน เริ่มเดินจาก ศาลเจ้าชั่วคราวที่ ใกล้กับสถานีรถไฟ ขึ้นไปทางทิศเหนือ ตามรางรถไฟ ทางเดินที่กระท่อนกระแท่น คล้ายจะลำบาก เเต่ด้วยความเต็มใจของเหล่าอาหมวย ที่จะช่วยให้ชุมแสงเป็นมงคล ด้วย ธงผ้าอวยพรที่ตนเเบกอยู่บนบ่า
ทางเดินวกกลับ จากทางรถไฟเลี้ยวซ้าย เพื่อไป ทางด้านริมแม่น้ำ พ่อค้าขนมปลากริม หาบไปขายไป โดยมีเพื่อนสนิท เดิน ตามโดยมองโน่นนี่ ในตลาดเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง เพราะเคยอยู่เเต่กลางทุ่ง
"เฮ้ย ไอ้มิ่ง มึงดูโคมไฟดิ เค้าเเขวนหน้าบ้าน ทุกบ้านเลย สวยดีว่ะ"
"เออๆ กูเห็นเเล้ว มึงก็พูดซะดังเลย อายเค้า "
นางอ้อย นางสร้อย นางสินเเละกลุ่มเพื่อนสาว เดินเที่ยวเกาะกลุ่มมากับ ไอ้เเหลม ไอ้มิ่ง พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เเละรอดูขบวนเเห่ที่กำลังจะมาถึง
ฝั่งนายเซี๊ยะ อยู่ที่โรงเเรม ด้านสถานีรถไฟ จึงได้ชมขบวนเเห่ ก่อน พยายามมองหาสาวที่มา จากร้าน เจี่ยเส็ง จนสุดท้ายมาสะดุดที่ชุดกระโปรงยาวสีขาว
ที่ใบหน้าของเธอ เป็นคนเดียวกับชุดสีฟ้าอ่อนในวันเเห่รับเจ้าวันเเรก
ใบหน้าที่งามของเธอ ในวันนี้ ทำให้ชายหนุ่ม ลูกเถ้าเเก่ ตลาดปากน้ำโพ
มีความหลงไหล อย่างยิ่ง
นายเซี๊ยะบอกกับกลุ่มเพื่อนลูกเถ้าเเก่ที่มาด้วยกัน ให้เดินตามขบวนเเห่ไป
ทั้งหมดจึงค่อยๆ เดินตามดูสาวไปกับขบวน
ขบวนมาถึงตลาดด้านริมน้ำ เเละหยุดพัก เพราะ คนจอเเจ เเน่นมาก นายเซี๊ยะเเละกลุ่มเพื่อนๆ เบียดเสียด เข้าไป
เเต่ด้วยความบังเอิญ ที่คล่องเเคล้วในวัยหนุ่มของนายเซี๊ยะ เเละความแออัดทำให้ ชนสาวนางหนึ่งล้มลง กับพื้นถนน
"โอ้ย" เสียงร้องเจ็บจากการกระเเทกที่นายเซี๊ยะชนดังขึ้น ระหว่างกลุ่มสาวๆ สี่ห้าคน
"อ้อย ! เป็นไงบ้าง"
นางสร้อย นางสิน นั่งยองจับอ้อยที่ล้มลงกับพื้นถนน เเละช่วยกันพยุงลุกขึ้นมา
"ขอโทษนะครับ เจ็บมากไหมครับ"
นายเซี๊ยะกล่าวขอโทษ เเละ ทำท่าจะเข้าช่วยประคองอ้อย เเต่กลุ่มเพื่อนปัดมือ เเละต่อว่า นายเซี๊ยะ
"เดินยังไง ไม่ดูตาม้าตาเรือ ชนมาได้"
นางสิน ต่อว่า เเละถาม อ้อย ว่า เจ็บมากไหม
" ไม่เจ็บมากค่ะ เเต่รู้สึกปวดๆ ตรงข้อขา"
อ้อย หน้าตาเหยเก นายเซี๊ยะ กล่าวขอโทษอีกครั้งพร้อมชวนให้ หาที่นั่งพัก
ใกล้กันนั้น เป็นห้องแถวไม้ ขายกาเเฟ เเละก๋วยเตี๋ยว เพื่อนนายเซี๊ยะจึงชักชวนทั้งกลุ่มไปนั่งที่ร้านกาเเฟ นั้น
นายเซี๊ยะกล่าวขอโทษไม่หยุด เเต่กลุ่มเพื่อนอ้อย ก็ต่อว่าต่อขาน นายเซี๊ยะ อย่างไม่หยุดเช่นกัน เพื่อนของนายเซี๊ยะจึง พูดเจรจาไกล่เกลี่ย ว่า จะเลี้ยงกาเเฟ เเละก๋วยเตี๊ยวอ้อยรวมทั้ง กลุ่มเพื่อนทั้งหมด
ธงเห็นเหตุการณ์จึงสบโอกาส หาบขนมชิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น พร้อมกับไอ้เเหลมไอ้มิ่ง ที่รีบเดินหายไปพร้อมๆกัน
นายเซี๊ยะ ได้พูดคุยกับอ้อย ระหว่างรอกาเเฟเเละเครื่องดื่ม กลุ่มเพื่อนนายเซี๊ยะ ถือโอกาส พูดคุย พร้อมจีบ เพื่อนของอ้อย ตามประสา หนุ่มสาว
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 35)
ในร้านกาเเฟ ทัังกลุ่มนายเซี๊ยะ และนางอ้อยพร้อมเพื่อนๆ ได้พูดคุยกัน อย่างมีอัธยาศัยที่ดี ต่างขอโทษขอโพย ให้อภัย กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การพบเจอทุกสิ่งอย่างไม่ใช่ความบังเอิญ เพียงอย่างเดียว หลังจากกลุ่มนายเซี๊ยะกลับปากน้ำโพไป ยังมีลูกเถ้าเเก่ในกลุ่มเพื่อนนายเซี๊ยะ ส่งเเม่สื่อมาดูตัว นางสิน เพื่อนของนายอ้อย เเละ ได้เเต่งงานกันในที่สุด
ส่วนนายเซี๊ยะเล่าเรื่องที่ตนไปเจอสาวคนหนึ่ง ที่ตนรู้สึกชอบ ให้กับ ครอบครัวฟัง เเละบอกชื่อร้าน "เจี่ยเส็ง" เป็นร้านของเธอ กลางตลาดชุมแสง ฝ่ายเตี่ยเเละเเม่ ได้ยินว่า ลูกชายชอบผู้หญิงคนนี้ ไม่คัดค้านอะไร เพราะรู้เพียง มีเชื้อสายจีน ด้วยกัน เเต่ยังไม่ทราบนิสัยใจคอ
จึงติดต่อ แม่สื่อในเมืองปากน้ำโพ ให้จัดการสืบเสาะว่า เป็นลูกหลานตระกูลไหน
แม่สื่อทางนายเซี๊ยะ พอทราบความว่า ฝ่ายผู้หญิง มีเชื้อสายจีน ร้านชื่อ "เจี่ยเส็ง" จึงเริ่มสืบหาข้อมูล พูดคุยกับร้านต่างๆ ในตลาดปากน้ำโพ ที่ตนเคยเป็นผู้สื่อแม่ชักให้
จนได้คุยกับ ร้านจึงเซ่งฮง ที่นายเจี่ย เคยทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ จึงได้ความว่า เป็นน้องสาวของฮ่องล้วน เมียนายเจี่ย พอเเม่สื่อ รู้ข้อมูล จึงนำเรื่องไปบอกกับ ทางเตี่ยกับเเม่นายเซี๊ยะ ว่าจะไปชุมแสง
เพื่อดูตัว พูดคุยเเละ ดูโหงวเฮ้ง ก่อน
ก่อนนายเซี๊ยะ กลับเมืองปากน้ำโพ ได้ขอพรเจ้าพ่อเจ้าเเม่ชุมแสง ว่าตนขอเป็นเขยชุมแสง เป็นฝั่งเป็นฝา ในเร็ววัน
ผ่านมาเป็นเดือน นางกิมฮวย แม่สื่อปากน้ำโพ ขึ้นรถไฟ มาลงสถานีชุมแสง
เดินเข้าไปในตลาดเเวะถามตามร้านค้าที่มีป้ายภาษาจีน ด้วย สำเนียงจีน จึงทราบ
ที่ตั้งของร้าน "เจี่ยเส็ง"
พอมาถึงร้านของนายเจี่ย นางกิมฮวย ในฐานะเเม่สื่อ เอ่ย สำเนียงจีนก่อน
นายเจี่ย จึงเชิญเข้าบ้าน ให้นั่งที่เก้าอี้รับรอง ฮ่องล้วน เอ่ยปากให้น้องสาว ยก น้ำมาเสิร์ฟ รับรองแขก
นางกิมฮวยได้พิจารณา ท่าทางเเละกริยา ของฮ่องเตียงระหว่างที่ยกน้ำมาใก้ตน เเละมองลักษณะ โหงวเฮ้ง ตามที่ตนพอมีความรู้
จุดเเรก มองที่ริมฝีปาก หรือเรียกว่าจุด จุ๊ยเเซ
สาวที่มีขอบริมฝีปากเรียบ คือสาวที่มีทรัพย์มีบริวารมาก
มีแววว่าจะเป็นใหญ่กว่าคนอื่น ด้วยริมฝีปากแดงเรื่อ ของฮ่องเตียง ที่ไม่ได้ทาลิปสติกใด ๆ เลยกลับมีสีแดงเรื่อ
ตำราว่า เป็นสาวที่มีเสน่ห์ ใครเห็นใครรักจะชื่นชม หนุ่มใดเจอจะหลงใหล
ปากกว้างรับใบหน้าที่เรียว ริมฝีปากอวบอิ่ม รูปทรงปากชัดได้รูป ตำราว่าจะทำให้มีทรัพย์สินเงินทอง ช่างพูด ช่างเจรจา
หลังจากนางกิมฮวย เเอบมองอย่างพิจารณาเเล้วคร่าวๆ เเล้ว จึงเเจ้งบอกถึงการมาเยือนว่า ตนรับหน้าที่ เป็นเเม่สื่อ มาจากเมืองปากน้ำโพ มาขอดูตัวลูกสาวบ้านนี้
ฮ่องล้วนจึงรีบบอกว่า "อั๊วมีลูกสาว อายุไม่พอขวบดี เห็นทีจะเข้าใจผิด "
นางกิมฮวยจึงกล่าวขอโทษฮ่องล้วนที่ทำให้เข้าใจผิด "อั๊วมาดูตัวอาหมวย คนเมื่อกี้น่ะ อาเถ้าเเก่เนี้ย "
ฮ่องล้วนจึงนึกได้ว่า หมายถึง ฮ่องเตียง น้องสาวของตน จึงกล่าวว่า ..
"ด้วยเหตุใด แม่สื่อ ถึงได้มาถึงที่ชุมแสงนี้"
"อาเซี๊ยะ ลูกเถ้าเเก่ซ้ง ร้านลิ้มซ่งเฮง ตลาดปากน้ำโพ อีมาเที่ยวงานเจ้าพ่อชุมแสง เมื่อที่ผ่านมา ได้พบอาหมวย อยู่ที่หน้า เซ็งเชี่ยง หน้าตาน่ารักมารยาทงามดี จึงเดินตามมารู้ว่า อยู่บ้านนี้
อาเถ้าเเก่เนี้ย เเม่อี จึงให้อั๊วมาดูตัวน้อ"
"ออๆ น้องสาวอั๊วเอง อยู่บ้านนี้"
เเม่สื่อจึงสืบถาม ชื่อเเซ่ ได้ความว่า ตระกูลฮ่องเตียง เเซ่ฉั่ว มีเเม่เป็นคนไทยเเท้ ชาวตำบลท่าไม้ อำเภอชุมแสง
"เเม่เป็นฮวงนั้งน๊อ" นางกิมฮวยเอ่ย
"ใช่จ่ะ เเม่อั๊วเป็นคนไทยเเท้ เตี่ยมาจากเมืองจีน "
เเม่สื่อ มองบ้านช่องของฮ่องล้วนโดยรอบ เห็นธรรมเนียมของจีน ของ นายเจี่ย ที่ปฎิบัติเเละ มองถึง ความเป็นครอบครัวค้าขายเเละมีสินค้าหลากหลายในร้าน จึงมองเเล้วเหมาะใจ อัธยาศัยของฮ่องล้วน พี่สาว พูดจาเป็นผู้ใหญ่
นางกิมฮวย ดื่มน้ำชา จอกเเรกเเล้ว จึงเอ่ยปาก เรื่องการสู่ขอ หากทางพอใจทั้งสองฝ่าย จะมาติดต่ออีกครั้ง
คำถามที่ตอบเเทนได้ยาก ของฮ่องล้วน ในเวลานี้ เเละตัวฮ่องเตียง ยังไม่รู้เรื่อง การมาของเเม่สื่อ ในฐานะพี่สาวจึงตอบแบ่งรับ แบ่งสู้ว่า..
"ขอให้เเม่สื่อ กลับไปก่อน ทางอั๊วกับสามีจะค่อยๆ ปรึกษากันในครอบครัว ฝากขอบคุณน้ำใจของเถ้าเเก่ ลิ้มซ่งเฮง ด้วยนะ
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 36)
เช้าวันใหม่ ของเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2481 บรรยากาศภายในร้าน " เจี่ยเส็ง " ห้องเช่าริมตลาด ที่เรียกบริเวณย่านการค้าตรงนี้ว่า "ตลาดกลาง " เป็นไปอย่างเรียบง่าย เเต่ใจของฮ่องเตียง ไม่ออกจะสู้ดี เมื่อได้ฟังคำจากพี่สาว ที่บอกกล่าวว่า แม่สื่อแม่ชัก จะนำหนุ่มซินตึ้งจากปากน้ำโพมาสู่ขอ เธอ
หัวใจของเธอยามนี้ มีให้เเต่พ่อค้าขนมปลากริม หนุ่มไทยเเท้ที่อยู่อีกฝากฝั่งหนึ่งของเเม่น้ำเท่านั้น
จะบอกอย่างไรล่ะพี่ธง จะทำอย่างไรเล่าพี่ธง ..
ในยามนี้ วุ่นวายใจไปหมด ที่พึ่งทางใจ น่าจะมีเพียง ปึงเถ่ากงม่า ที่ศาลเจ้าคลองจระเข้เผือกเท่านั้น
ยามสายวันนั้น ฮ่องเตียง บอกกับฮ่องล้วนว่า จะขอไปหาเจ้เน้ยที่บ้าน เพราะ อยากถามความเห็นพี่สาวอีกคน เเต่ไม่ทันได้ออกจากบ้าน ฮ่องเน้ย เเวะมาหาที่ร้านพอดี
การปรึกษาหารือในบรรดาพี่น้องจึงเกิดขึ้น
ความเห็นฮ่องเน้ย เมื่อได้ฟังเรื่องราว การมาของแม่สื่อจากปากน้ำโพเเล้ว
ให้ความเห็นเเบบพี่สาวคนโต ว่า..
ฮ่องเตียงเป็นน้องสาวคนเล็ก อายุอานาม ก็พร้อมจะออกเรือน มีคู่ครองได้ เเต่การใช้ชีวิตคู่ จำต้องตัดสินใจให้ดี
การเลือกคนดี ก็จะอยู่กับคนดี หากเราเลือกคนไม่ดี ก็จะอยู่กับคนไม่ดี ตอนนี้ มีเเม่สื่อทางเขามา ว่าฝ่ายชายดี แต่เราไม่รู้ว่า ดีที่เขาว่า คือดีอย่างไร เพราะ จำนวนของเงินทอง วัดค่าความดีไม่ได้..
ฮ่องล้วน จึงเอ่ยขึ้นว่า เปรียบ ช่วงที่ตัวเองเเต่งงานกับนายเจี่ย ไม่เคยรู้ว่านายเจี่ย ดีหรือไม่ เชื่อเพียงคำของผู้ใหญ่คือ อาเเปะ ซึ่งก่อนกลับเมืองจีน อาเเปะก็เป็นห่วง จึงจัดเเจงหาคู่ให้ บอกว่าดี ตนก็เชื่อ
นายเจี่ย ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เริ่มต้นชีวิตด้วยเงินไม่กี่บาท แต่ตลอดหลายปีทีาใช้ชีวิตร่วมกันก็มีเงินมีทองขึ้นมาได้ด้วยความมานะขยันอดออม ฉะนั้นความรวยจน จริงๆ ก็ใช่ว่าสำคัญ เพราะเราสร้างขึ้นมาได้
"เตียง เจ้ถามลื้อนะว่า ตอนนี้ มีใครอยู่ในใจบ้างไหม?"
ฮ่องล้วน ถามน้องสาว ด้วยน้ำเสียงเบาๆ
พร้อมฮ่องเน้ย ที่คว้ามือฮ่องเตียง ที่กำลังก้มหน้า เหมือนน้ำตากำลังจะร่วงหล่นมา
การพยักหน้าของเธอคือ กริยาที่เเทนคำตอบ
"ชายคนไหน เอาดวงใจ ของน้องสาวพี่ไปกันนี้เล่า"
ฮ่องเน้ยมีคำพูด ตามเเบบสำเนียงลิเก อย่างพี่ทิดดำ ผู้เป็นสามี
ฮ่องล้วนจึงตัดบท ถามต่อ ด้วยห่วงน้องสาว ..…
"เตียง รักใครชอบใคร ก็ดูๆ กันไป ไม่มีอะไรเสียหาย สรุปว่า จะบอกเเม่สื่อเค้านะว่า เราไม่พร้อมจะออกเรือน ขอเวลาให้ดูๆ กันไปก่อน ฝ่ายชายรีบก็ชั่งเขา ให้เขาเเต่งกับใครไปก่อน ถ้ารีบนักก็ "
ฮ่องเตียงพยักหน้ารับคำ ฮ่องเน้ยกอดน้องสาวคนเล็ก ให้กำลังใจ
พ่อค้าขนมปลากริม ข้ามฝั่งมาขาย ด้วยหัวใจมุ่งมั่นเพื่ออนาคต เก็บเงิน มาสู่ขอ เธอผู้เป็นดวงใจ ในยามนี้ ความขยันยิ่งเพิ่มทวีคูณ
เมื่อได้เจอกันในเช้าหนึ่ง ฮ่องเตียงบอกเล่า เรื่องที่ หนุ่มปากน้ำโพ ส่งแม่สื่อ มาตัว เเต่ทางพี่สาว ไม่บังคับ ธงจึงไม่ค่อยสบายใจ จึงคิดหนทาง รีบชิงตัวฮ่องเตียงเพื่อได้เป็นเจ้าของเธอ ให้ไวที่สุด
เรื่องราวยุ่งๆ จึงเริ่มเกิดขึ้น ..
ธงถามฮ่องเตียงว่า รักตนหรือไม่
ฮ่องเตียงตอบว่า " รัก "
ธง บอกว่า ถ้ารักเราต้องหนีไปด้วยกัน
ฮ่องเตียงตอบตกลง เเต่เราจะไปไหนกันดี
ธงบอกยังคิดไม่ออก เพราะตนไม่เคยไปไหนนอกจากชุมแสง ฮ่องเตียงจึงบอกว่า
ตัวเองมีญาติอยู่จังหวัดสิงห์บุรี เราไปอยู่ สิงห์บุรีกันได้
ทั้งฮ่องเตียงเเละธง จึงนัดวันเวลาที่หนีไปด้วยกัน
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 37
พ่อค้าขนมปลากริม กลับถึงบ้าน ปลงหาบลงจากบ่า ด้วยอาการกระหายน้ำ จึง เดินดิ่งตรงไปที่ตุ่มน้ำที่ฝาไม้ปิดอยู่ เเต่หาขัน ไม่เจอ หันมองซ้ายเเละขวา ยังไม่เห็นขันตักน้ำเลย
ขันน้ำ วางอยู่ที่เเคร่ มุมเสากลางใต้ถุนบ้าน เมื่อธงเห็นเเล้วจึงเดินไป หยิบ ในขันนั้นมีน้ำอยู่เต็มขัน พร้อมดอกมะลิ ที่ลอยอยู่ สองสามดอก
"เเม่ตักน้ำไว้คอยเรา" ธงพูดในใจ ความกระหายน้ำทุเลาเบาบางลงในทันใด กลับอิ่มในใจ มีเเม่ที่รักลูกมากขนาดนี้
"กินน้ำ กินท่า ซะก่อนนะธงเอ้ย มาเหนื่อยๆ ร้อนๆ " เสียงป้าจันจากหลังบ้านบอกกับลูกชาย
"จ่ะ เเม่" ธงตอบรับคำ เเล้วดื่มน้ำจากขันใบนั้น
" เดี๋ยว ไปอาบน้ำ อาบท่า ซะก่อน เเม่เตรียมข้าวปลาไว้ คอย วันนี้ เเม่ย่างปลาไว้ ไอ้เเหลมมันเอามาฝากเองน่ะ"
" ไอ้เเหลม ไอ้มิ่ง " ธงพูดในใจ
ในคืนวันนั้น ธงนอนคิดถึงเรื่อง ฮ่องเตียง เรื่องที่จะหนีไปด้วยกัน ฉุกคิดเรื่อง เเม่ ที่ตนต้องทิ้งไปอยู่กับคนที่รัก ใครจะดูเเลเเม่ ชาวบ้านชาวช่อง จะว่า ไอ้ธงเป็นอย่างไร ที่ทิ้งเเม่ ให้อยู่คนเดียว
ถึงวันเวลาที่นัดเเนะ เจอกันที่สถานีรถไฟชุมแสง ธงนั่งรอหญิงผู้เป็นที่รัก ด้วยในหัวที่เต็มที่ไปด้วยความคิดต่างๆนาๆ
จนเเทบจะเลยเวลารถไฟออก ฮ่องเตียงจึงมาถึง
ในมือของฮ่องเตียง ไม่มีห่อผ้า เธอมาตัวเปล่า เธอบอกกับชายที่รักว่า
"พี่ธง เราไม่ต้องหนีไปด้วยกันเเล้วนะจ๊ะ"
"ทำไมล่ะ เตียง"
"เจ้ล้วน รู้เรื่องของเราหมดเเล้วเมื่อกี้ เจ้ชวนให้พี่ธง ไปคุยที่บ้านจ่ะ"
ธงจับมือฮ่องเตียงเเน่น พร้อมบอกว่า
"เราไปกัน"
ทั้งสองคน เดินลงจากสถานีรถไฟ ตรงไปยังร้าน เจี่ยเส็ง
ในร้าน ฮ่องล้วน รอทั้งคู่อยู่ พอถึงจึงเรียกให้เข้ามานั่งคุยกันในบ้าน ธงยกมือไหว้ กล่าวสวัสดี พร้อมค่อยๆนั่งลงกับพื้นกระดาน ฮ่องล้วนบอกให้นั่งเก้าอี้รับรองในบ้าน เเต่ธงปฏิเสธ บอกว่า ผมขอนั่งกับพื้นดีกว่า ฮ่องเตียงเดินไปหลังบ้านยกขันน้ำมาตั้งต่อหน้าธง
ฮ่องล้วน เริ่มด้วยคำถามว่า เป็นลูกเต้าเหล่าใคร
ธงตอบ ด้วยเล่าเรื่องของตนว่า เป็นลูกเเม่ค้าขนมปลากริม ชื่อ นางจัน บ้านอยู่ฝั่งวัดชุมแสง พ่อชื่อ นายทวน เสียชีวิตไปหลายปีเเล้ว เลยอยู่กับเเม่สองคน
" รักฮ่องเตียงมันจริงรึ "
"ผมรักจริง ครับ"
"ลื้อ ให้คำมั่นเเล้วนะ" ฮ่องล้วนย้ำ
"ครับ" ธงตอบอย่างมั่นใจ
"ถ้ารักกัน ต้องยึดถือ ประเพณีด้วยนะ ไม่ว่า ประเพณีจีน หรือไทย ก็ต้องยึดถือตามโบราณให้ถูกต้อง อั๊วรู้เรื่องเพราะถามฮ่องเตียงมัน เพราะเห็นเก็บผ้าเก็บผ่อน ผิดปกติ จะหนีตามกันไปดูจะไม่เหมาะนะ อั๊วขอให้ลื้อมาสู่ขอมันให้ถูกเรื่องถูกราว ให้ผู้ใหญ่มาคุยมั่นหมายไว้ก่อน หรือ จะดูใจคบหากันต่ออีกสักหน่อย ก็ไม่ผิดอะไรนะ ไตร่ตรองดู"
"ครับ" ธงตอบ สั้นไป รับคำ
"ลื้อท่าทางไม่ใช้คนขี้เกียจ ถ้าอย่างนั้น อั๊วขอให้ แม่ของลื้อ เข้ามาคุยกับอั๊ว ก่อน ให้รับรู้กัน ว่าเป็นหลักประกันทั้งคู่ ไม่ให้คิดสั้น ๆ นอกลู่นอกทางอีก วันไหนจะมากันก็บอกฮ่องเตียงล่ะกันนะ"
"ครับ" ธงตอบพร้อมหันไปยิ้มน้อยๆให้กับฮ่องเตียงที่กำลังยิ้มน้อยๆ ตอบเช่นกัน
ฮ่องล้วนลุกไปขายของเเล้วบอกให้ทั้งคู่ คุยกันไปก่อน ฮ่องเตียงดูเเลหลานๆ ทั้งสาม ที่นั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขในใจของทั้งคู่ ด้วยความรัก จริงที่มีต่อกัน
ฝั่งทางวัดชุมแสง พระครูนิภากรโศภณ หรือหลวงพ่อนิ่ม เจ้าอาวาส ได้ดำเนินการสร้าง วัตถุมงคล เป็นเหรียญ ทรงใบโพธิ์
ด้านหน้า เเกะบล็อค เป็นรูปหลวงพ่อนิ่มนั่งขัดสมาธิ ด้านบน มีชื่อ นิภากรโศภณ
ด้านหลัง เเกะเป็น พระอาจารย์ของหลวงพ่อนิ่ม นั่งขัดสมาธิเช่นกัน ด้านบน มีชื่อ วิถีวิสุทธิอุตตม ต่อด้วยเลขไทย 81
บอกปี พ.ศ.2481
หลวงพ่อครุฑ เจ้าคณะจังหวัด นครสวรรค์ เดิมท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดเขาจอมคีรีนาคพรต
เป็นพระเกจิอาจารย์ ที่คงเเก่เรียน สรรพวิชาต่างๆทั้งคันถธุระเเละวิปัสสนาธุระ มีเรื่องเล่าว่า ท่าน ฟังเเละรู้ภาษา นก กา ได้ เป็นทั้งพระอาจารย์เเละอุปัชฌาย์ของ
หลวงพ่อนิ่ม
หลวงพ่อครุฑ ท่าน มรณภาพไปเมื่อปี พ.ศ. 2456 หลวงพ่อนิ่มจึงสร้าง เเทนคุณอาจารย์ในปีนี้
กำหนดวันงานพิธีพุทธาภิเษกมีหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์มาร่วมในครั้งนี้ด้วย
ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมา เช่าบูชา กันมากมาย รวมถึง ไอ้เเหลม ไอ้มิ่ง และเพื่อนฝูงเด็กใกล้ ๆ วัด ต่างได้รับเเจกกันคนละเหรียญ
"โห ไอ้มิ่ง ได้มารีบคล้องเลยนะมึง"
ไอ้เเหลม เเซวไอ้มิ่งที่กำลังลูบๆ คลำๆ เหรียญในคอ เพิ่งได้มาใหม่ๆ
"เเล้ว ไอ้ธง มันได้เหรียญหรือยังวะ ไอ้เเหลม"
"ไม่รู้ว่ะ ไม่ค่อยเจอมันเลย กูว่า เราไปหามันที่บ้าน ดีกว่า ไปๆ ไอ้มิ่ง "
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 38 -39)
ที่ หน้าบ้านป้าจัน หอมละมุนของดอกมะลิ โชยเข้าจมูก ไอ้มิ่ง ไอ้เเหลม สองคู่หู
"ไอ้ธงโว้ย "
"โว้ย ไอ้เเหลม อะไรของมึงวะ เเหกปากก่อนเลย กูอยู่หลังบ้านนี่"
ไอ้เเหลมได้ยินเสียงธงที่ ตะโกนตอบ เลยบอกไอ้มิ่ง ว่า
"ได้ยินเสียงมันเเล้ว "
ธงกำลังเด็ดตำลึง เเละชะอมที่เลื้อยตามค้างไม้รวกหลังบ้าน เสียงป้าจันตะโกน บอกจากบนบ้านว่า ไม่ต้องเด็ดมาเยอะ จะเหลือทิ้งปล่าวๆ
"เป็นไงวะ ไอ้ธง ช่วงนี้ เงียบไปเลยนะมึง อีหมู่จะเป็นลูกเขยเจ๊ก หายหัวไปเลย งานวงงานวัด ที่ผ่านมาไม่เห็นมึงเลย"
ไอ้เเหลมพูดเชิงต่อว่า เพราะปกติ ถ้ามีงานที่วัด ธงไม่เคยขาด ทั้งสามคนต้องรวมตัวกันช่วยงาน ไปไหนไปด้วยกัน จนชาวบ้านมักเรียก" ไอ้สามเสือ"
"กูขอเหรียญ หลวงพ่อ มาเผื่อให้มึงเหรียญนึง เอ้า มึงเอาไป"
ธงรับเหรียญมาจากมือไอ้มิ่ง พิจารณาดูทั้งสองด้าน เเล้วพนมมือบอก อาราธนาขอให้ หลวงพ่อคุ้มครอง
ไอ้เเหลมบอกกับธงว่า หลวงพ่อจะไปขุดกรุเจดีย์เก่าตรงวัดร้าง ท่านสั่งพวกเราสามคนต้องไปช่วยพวกทายก จะทำพิธีในอีกสองวันข้างหน้า
วัดร้างที่ชาวบ้านเรียก มีพระเจดีย์เก่าที่ตั้งอยู่กลางทุ่ง ใกล้กันนั้น ยังมีพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหญ่ อยู่ไม่ห่างจากพระเจดีย์นั้น คนมักลักลอบขุดหาสมบัติอยู่บ่อยๆ เเต่มักเจอเรื่องอาถรรพ์ ลี้ลับ เเปลกๆ จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไป
ท่านเจ้าอาวาสจึงบอกเหล่าทายกทายิกา ให้มาช่วยกัน นำสมบัติที่ถูกฝังขึ้นมา ท่านทำนายว่า จะเกิดสองครามในไม่ช้าอีก เเละสมบัติทั้งหลายจะเสียหาย
พระเจดีย์เก่าเเละวัดที่ร้างเเห่งนี้ เพราะสงครามกับชาติอื่น สมัยอยุธยา
เวลาตอนนี้จึงให้รีบขุดขึ้นมา
วัดร้าง มีเพียงพระเจดีย์ กับพระพุทธรูป ปูนปั้นที่ชาวบ้านละแวกนั้นเรียกว่า "หลวงพ่อเเก้ว" เท่านั้น ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านของธงเท่าใดนัก วัดชุมแสง สร้างขึ้นราวปี พ ศ.2418 ห่างจากวัดร้าง ที่ว่าไป ราวสองกิโลเมตร บ้างเรียกว่า วัดหางตลาด เพราะ อยู่ไกลเลยฝั่งตลาดเเละยังห่างวัดชุมเเสงไปอีก
ข่าวเรื่องการขุดกรุพระเจดีย์วัดร้าง ดังอื้ออึงไปทั่วตลาดชุมแสง พอถึงกำหนดวันขุด ชาวบ้านหิ้วปิ่นโตที่ใส่ข้าวปลาอาหารมา เพราะ มีการจัดทำบุญในช่วงเช้าก่อนพิธีขุด
ธงหยุดขายขนมปลากริมเเละบอกฮ่องเตียง ก่อนหน้านี้เเล้วว่า ต้องหยุดช่วยงานขุดพระเจดีย์ก่อน จะไม่ได้เจอหน้ากันที่ตลาดนะ
เเต่ตกกลางคืนก่อนวันขุด ...
"ไอ้สามเสือ" เพื่อนเกลอ ได้เกิดฝันที่คล้ายๆ กัน ทั้งสามคน
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 39)
"ไอ้ธง มึงอย่าตายนะ"
เสียงไอ้เเหลม ตะโกนลั่น เมื่อเห็น ธง กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ ข้างเสากระท่อมไม้ไผ่หลังหนึ่ง เสียงกรีดร้องของหญิงสาว ดังระงมไปทั่ว ไฟกำลังลุกไหม้หลังคากระท่อม หลายหลัง ที่หนองน้ำใกล้ๆ หลายยศพที่ถูกฆ่าทิ้ง
กลิ่นคาวเลือด เหม็นคุ้งไปทั่ว ไอ้เเหลม รีบวิ่งไป ประคองเพื่อนรัก
"ไอ้ธง มึงตายไม่ได้นะ ไอ้ธง มึงตายอย่าตายนะ "
ธงกำลังจะหมดลมหายใจ มอง ไอ้เเหลม ที่ใบหน้าของมัน มีเเต่ น้ำตาไหลพราก
" เฮ้ยๆ ไอ้เเหลม เป็นไรวะ ไอ้ห่านี่ ฝันร้ายละมั้ง "
เสียงตาหลง พ่อไอ้เเหลม ตะโกนว่าลูกชายที่กำลังร้องเพ้อเสียงดังลั่นบ้านกลางดึก
"เเหกปากซะกลางดึก เเล้วกูจะนอนต่อได้ไหมวะเนี่ย"
ตาหลงยังบ่นต่อ จนยายลำเพย เเม่ไอ้เเหลมที่ตกใจตื่นเหมือนกัน บอกว่า
"ก็มันฝัน ชั่งเถอะน่ะ นอนต่อเลย จะบ่นให้น่ารำคาญทำไมละ ตาหลง เดี้ยวก็เเจ้ง เเล้ว ต้องไปวัดช่วยหลวงพ่ออีก"
" เออๆ นอนก็นอนวะ "
เสียงขันยามเช้าของไอ้โต้ง ร่วมสิบตัว ดังประสานที่ลานหน้าบ้าน "ยายบุญมี" แม่ของไอ้มิ่ง
สุ่มไก่ไม้ไผ่หลายใบ ของไอ้มิ่ง สานไว้ใช้งานเอง มีความสวยงามปราณีตระดับมืออาชีพที่ได้วิชา "ตาสาย" พ่อที่เสียชีวิตไปหลายปี
พ่อเเม่ไอ้มิ่ง มีฝีมือเรื่องการจักรสานไม้ไผ่ ทั้งคู่ เเละทำเป็นอาชีพ เเต่ตาสายเน้นหนักไปด้านสุ่มไก่ เพราะตัวเองเป็นนักเลงไก่ จน ไอ้มิ่ง เจริญรอยตาม เป็นนักเลงไก่เหมือนกับพ่อ
นางบุญมี ยึดอาชีพ สานกระบุง ตระกร้า กระด้ง กระจาด สารพัดจักรสานเพียงอย่างเดียว มีพ่อค้าเเม่ค้ามารับไปขายที่บ้านประจำ
ไอ้มิ่งสะดุ้งตื่นเเต่เช้ามืด นางบุญมีร้องถามลูกชายว่า ฝันอะไรถึงได้ร้องโวยวายเสียงดังเเข่งกับไก่ ใต้ถุนบ้าน
ไอ้มิ่งลุกจากที่นอน หาขันน้ำเเล้วกระดกดื่มอึกใหญ่ ด้วยความกระหาย สีหน้าเลิ่กลั่ก เหมือนเจอเรื่องอัศจรรย์ พร้อมเล่าให้เแม่ฟัง อย่างกะอึกกะอัก
"ฉันเห็น ไอ้ธงโดนฟันด้วยดาบ นอนจมกองเลือด ไอ้เเหลม โดนเเทงกลางหลัง มันตายทั้งคู่เลย "
นางบุญมี รู้สึกตกใจ จากคำที่ลูกชายเล่า เลยเอ่ยปากบอกให้ เช้านี้ ไปเล่าให้ท่านสมภารที่วัดฟังด้วย
ไอ้มิ่งรีบล้างหน้าล้างตา เเละเร่งฝีเท้าจากบ้าน ตรงสู่บ้านไอ้เเหลม ที่ไม่ห่างกันนัก โดยไม่ทันได้กินข้าวเช้า
ไอ้เเหลม นั่งกินข้าวเช้า อยู่นอกชานบ้านเมื่อเห็นไอ้มิ่ง จึงเรียกขึ้นบ้าน
"กินข้าวก่อนโว้ย มาเเต่เช้าเลยมึง"
"อืม กูกินไม่ค่อยลงเลยว่ะ"
ไอ้มิ่ง ทำหน้าทำตา เหมือนคนเจอผี
"เป็นไร ของมึงวะ" ไอ้เเหลมถาม พรางตักข้าวเข้าปาก
"เมื่อคืนกูฝัน แปลกๆ น่ากลัวชิบผายเลย"
ข้าวจากปาก ไอ้เเหลม พุ่งพรวดเต็มพื้นกระดานเเล้วรีบพูดด้วยเสียงดังๆ ออกมา
"อย่าบอกนะไอ้มิ่ง ว่า มึงก็ฝัน เหมือนกู"
"เเล้ว มึงก็ฝันด้วยรึไง วะ" ไอ้มิ่งรีบถาม
"เออ ไอ้ห่า ฝันสิ น่ากลัวว่ะ"
ไอ้มิ่งบอกให้ไอ้เเหลมกินข้าวต่อ เเต่ในเวลานี้ ใครจะกลืนได้ลงคอ เรื่องความฝันของเมื่อคืนทำให้ ทั้งคู่รู้สึกไม่ดี
ไอ้เเหลมเก็บสำรับข้าว รีบออกจากบ้านพร้อมไอ้มิ่ง เพื่อไปหาธง
ถึงบ้านป้าจัน นั่งอยู่ที่เเคร่หน้าบ้านกับธง เพราะรู้ว่า ไอ้เเหลม ไอ้มิ่ง ต้องมาหา เพราะเป็นทางผ่าน เพื่อจะไปวัด อยู่เเล้ว
เมื่อไอ้ธง ไอ้เเหลม เดินมาถึงบ้านของธง
ไอ้มิ่ง ชิงถามว่า ธงกินข้าวหรือยัง
ธงตอบว่า กินเเต่เช้ามืดเเล้ว ไอ้เเหลมจึงถามต่อว่า ทำไมตื่นเเต่เช้า ธงจึงตอบด้วยสีหน้า เรียบว่า
" กูตื่น เพราะฝันไม่ค่อยดี "
"เฮ้ย" ไอ้สองคน อุทานขึ้นมาพร้อมกัน
ธงทำหน้า งงๆ เเล้วถามว่า..
"อะไร ของมึงสองคนวะ? "
ไอ้เเหลม กระอึกกะอัก เล่าเรื่อง ความฝันของตัวเองเเละของไอ้มิ่งให้ธงฟัง
"ในความฝันกูเห็นมึงกับไอ้มิ่ง"
ไอ้มิ่งจึงเล่าต่อว่า ในความฝันก็เห็น ไอ้เเหลมกับธง
ธงร้องอุทานพร้อม เล่าว่า ในฝันก็เห็นเหมือนกันกับ ไอ้เเหลม ไอ้มิ่ง
"เราฝันเรื่องเดียวกัน"
ทั้งสามจึงร้องอุทานออกมา เกือบ พร้อม กันด้วยสำเนียงตกใจ
มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงฝันเช่นนั้น
ในช่วงเช้า ญาติโยมที่มาร่วมพิธีทำบุญในช่วงเช้าต่างทยอย มาพร้อมที่ป่าใกล้พระเจดีย์เก่า ที่เรียกว่า "วัดร้าง"
พระเจดีย์เก่า ตั้งอยู่บนโคกสูงไม่ห่างจาก พระพุทธรูป ปูนปั้น องใหญ่ มีสีขาวทั้งองค์ราวกับมีคนเอาเเป้งมาทาไว้ เรียกกันว่า "หลวงพ่อเเก้ว"
บริเวณ องค์พระ พอจะมีที่โล่ง สำหรับมากราบไหว้ได้ ญาติโยม มาถางป่าไว้ เเต่รอบๆ มีเเต่ป่ารกๆ
ในพิธีขุดกรุพระเจดีย์วันนี้ มีชาวบ้านต่างมารอดูมากมาย อีกส่วนคือมาร่วมทำบุญในตอนเช้า ซึ่งจัด ที่ใกล้ป่ากล้วย โดยเสื่อสาดไม่มี ใช้ใบตอง มาปูรองนั่งกัน
ไอ้สามเสือ มาทันพิธีสงฆ์ ข้าวปลามื้อเช้า แทบไม่ได้กินกันมา มีเพียงไอ้เเหลม
ที่ตักข้าวใส่ปากมา เพียงไม่กี่คำ
มีโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้หัวหมู ไก่ต้ม วางในกระด้งที่รองด้วยใบตอง ดอกไม้ธูปเทียนพร้อม บนโต๊ะที่ตั้งอยู่หน้าพระเจดีย์
ตาหลง พ่อไอ้เเหลม เเละพวกทายก บอกให้ชาวบ้านที่มาร่วมบุญ อยู่ในความสงบเพื่ออาราธนาศีล
ท่านพระครู วัดชุมแสงเเละคณะสงฆ์ เริ่มเจริญพระพุทธมนต์ บริเวณองค์ พระพุทธรูป "หลวงพ่อเเก้ว"
ไอ้สามเสือ นั่งอยู่กับพวกทายกด้านหน้า ใกล้กับ พระครูวัดชุมแสง
แสงเเดดในยามเช้าวันนั้น มีน้อยมาก จนดูอึมครึม คล้ายเวลาที่ฝนจะตก
เสียงสวดมนต์ช้าๆ ทำให้วังเวงจนรู้สึกได้
เหตุการณ์ผิดปกติ เริ่มเกิดขึ้น..
เหตุเกิดจาก ส้ม บนสถานีรถไฟ ชุมแสง
(ตอนที่ 40)
ระหว่างพระสงฆ์กำลังท่องสวดมนต์
ควันธูป ลอยฟุ้งผ่านหน้าธง ที่กำลังพนมมือไหว้พระอยู่ อาการ ตาลาย เวียนหัว อย่างบอกไม่ถูก ได้เกิดขึ้นกับตน
ในขณะเดียวกัน ไอ้เเหลม และไอ้มิ่ง ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
จิตใจที่เข้มเเข็งของธง พยายาม ครองสติ ดั่งที่เคยฝึกสมาธิในวัยเด็กช่วงบวชเรียนที่วัดนี้ เเต่กลับไม่เป็นผล ทุกอย่างหมุน จนทำให้ภาพที่มองอยู่ขณะนี้ เลือนลาง ความมั่นในสติ หายเลือนลับ ดับวูบเป็นสีดำ
ธง หมดสติ ฟุบลงต่อหน้า ท่านพระครู เเละหมู่คณะสงฆ์
ธงลืมตาขึ้นมาจากความดำมืด ชั่วขณะ ภาพที่เห็น ในตอนนี้ ไม่มี ท่านพระครู ไม่มีคนมาร่วมบุญ มีบ้านเรือนอยู่โดยรอบ ตัวเองยืนอยู่กลางลานวัดที่โล่งสะอาด มองพระเจดีย์ เหลืองอร่ามดั่งทองคำ ไม่มีความเก่าเหมือนที่ธงเคยเห็น
มีกลุ่มคนกำลังจุดธูปกราบไหว้อยู่ ใกล้กันนั้นมพระวิหาร สร้างด้วยไม้ สวยงาม ภายในเห็น พระพุทธรูป องค์สีขาว ไอ้เเหลม กับไอ้มิ่ง นั่งดูเเลคอย เติมน้ำมันตะเกียง จุดธูป ในวิหาร ผู้มากราบไหว้ ชาวบ้านที่มายิ้มแย้มแจ่มใส ศาลาเเละกุฎิ ตรงนี้ ตนไม่เคยเห็นมาก่อน
"เราอยู่ที่ไหน? "
ทำไมไอ้แหลม ไอ้มิ่ง ไปนั่งตรงนั้น?
ชาวบ้านที่นั่งทำบุญเเละที่ มาดูขุดกรุ ไปไหนกันหมด
ทำไมพระเจดีย์ยังใหม่อยู่?
ธงเริ่มออกเดินไปรอบๆหาคำตอบ
ภาพที่เห็นคือ บริเวณรอบวัด มีบ้านที่ปลูกเป็นลักษณะกระท่อมไม้ไผ่ เรียงรายเป็นกลุ่มๆ ห่างๆ รอบวัด ลานวัดกว้างมาก จนมองเห็นริมเเม่น้ำ ไม่มีป่ารก เหมือนที่ตนเดินผ่านทุกวัน
ชาวบ้านนุ่งผ้าเเบบโจงกระเบน ไม่มีใครใส่กางเกง เลยสักคน
ระหว่างที่ธง ยืนมองดูรอบๆ วัดนั้น มีพระรูปหนึ่งเดินมาใกล้ๆ ธง ด้วยการสำรวม เเล้วพูดว่า ..
"โยม .. ชาติภูมิ เเละจิตที่ผูกพันธ์ ทำให้โยมกลับมาในมิติที่คุ้นเคย โยมจงกลับไปสู่มิติปัจุบันที่โยมมานะ ด้วยเเรงบุญ สิ่งที่โยมอธิฐานในอดีตชาติ ส่งผลถึงอนาคตชาติ ในทางดีนะโยมนะ "
ธงนั่งคุกเข่าพร้อมก้มกราบสามครั้ง
ขณะที่ก้มกราบครั้งที่สามนี้ รู้สึกมีอาการหน้ามืด เเละทุกอย่างดำมืดอีกครั้ง เหมือนคนเป็นลม อย่างใดอย่างนั้น
ชั่วเวลาอึดใจ ธงฟื้นลืมตาขึ้นมาท่ามกลาง เหล่าทายก เเละชาวบ้าน ที่ พยายามมามุงดู
ยังอีกกลุ่ม ที่ล้อมดู ไอ้เเหลมและ ไอ้มิ่ง ที่มีอาการเดียวกับธง
พิธีสงฆ์ยังไม่จบดี เพราะเกิดเหตุที่ธง เเละเพื่อน ต่างหมดสติ อย่างกะทันหัน
แต่ชั่วเวลานั้น มีญาติโยมต่างถาม ท่านพระครูวัดชุมแสง เป็นการใหญ่ว่าจะมีเหตุ ร้ายใดๆ หรือไม่
ท่านพระครูนั่งหลับตา เข้าญาณสมาธิอยู่ครู่ใหญ่ เเละได้ตอบว่า ....
"บุพกรรม เเต่เดิม อดีตชาติเจ้าสามคนนี้
เป็นชาวบ้านที่ตำบลนี้ เเละเสียชีวิตที่นี่ ด้วยยอมพลีกาย ในสงครามครั้งเสียกรุงให้พม่า เเรงอธิษฐานที่ร่วมบุญกันมาทั้งสามด้วยรักบ้านเมืองเเห่งนี้ จึงได้กลับมาเกิด ที่บ้านนี้ อีกครั้ง "
ชาวบ้านต่างฮือฮาเรื่อง เจ้าสามคนที่เกิดเหตุการณ์ประหลาด ที่ต่างสงสัยพูดไปต่างๆ นาๆ
ท่านพระครูจึงบอกให้สบายใจ ไม่มีอะไรให้เป็นเหตุร้าย
เหล่ากรรมการวัดจึงบอกให้ ชาวบ้านอยู่ในความสงบ เเละต่อด้วยพิธีสงฆ์จนจบ
การถวายภัตตาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยดี จนท่านพระครู บอกให้ ญาติโยม ร่วมพิธีบวงสรวง บนโต๊ะที่มี ข้าวตอกดอกไม้ เครื่องเซ่นไหว้ พร้อม
เช้านี้ เเดดอ่อนๆ เริ่มมีให้ความร้อนบ้างหลังจากบวงสรวงเสร็จ อาการมึนงง ของ "ไอ้สามเสือ" เริ่มจางลงหลังจาก สลบ หมดสติ ไปชั่วขณะ
พระเจดีย์เก่าเริ่มทำการขุด จาก ฐานด้านล่าง
บทประพันธืโดย    อำนาจ กรเอี่ยม
โฆษณา