SUKREE E-TAE - NARA UNITED
หนึ่งนักเตะที่ถือว่ามีประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลของไทยมาอย่างมากมาย เเละเขาถือว่าเป็นชาวนราธิวาสอีกหนึ่งคนที่สามารถสร้างผลงานด้านฟุตบอลในถ้วยเอเชียอย่าง AFC CUP กับทัพฉลามชล เรื่องรางของ "สุกรี อีเเต" จะเป็นอย่างไร มาเปิดมุมองใหม่ ๆ ไปพร้อมกับพวกเราครับ
สุกรี อีแต เกิดวันที่ 22 มกราคม 2529 ปัจจุบันอายุ 35 ปี พื้นเพเป็นคนจังหวัด นราธิวาส โดยเส้นทางการเล่นฟุตบอลอาชีพของเขานั้นเริ่มต้นขึ้นกับสโมสร นรา ยูไนเต็ด ทีมดังในโซนภาคใต้ จากการได้โอกาสลงเล่นฟุตบอลรายการ ไพรม์มิสเตอร์และฟุตบอลไทย คัพ จนฟอร์มการเล่นไปติดตาทีมสตาฟของ นรา ยูไนเต็ด อย่างโค้ชอ๊อด - พิทยา พิมานแมน โดยโค้ชอ๊อดได้ตัดสินใจเรียกตัวของ "สุกรี" เข้าไปร่วมคัดเลือกเพื่อเข้าสู่ นรา ยูไนเต็ด พร้อมกับเหล่านักเตะดาวรุ่งอีกกว่า 100 ชีวิต จน "สุกรี" สามารถผ่านการคัดเลือกเป็น 2 คนสุดท้ายได้สำเร็จ
เเละในที่สุดโอกาสเเรกของเขาก็มาถึง กับวัยเพียง 19 ปี เขาได้โอกาสสัมผัสเกมลีกอาชีพเป็นครั้งแรกในฐานะ 11 ผู้เล่นตัวจริงของ นรา ยูไนเต็ด เเละ 3 ปีให้หลัง ชลบุรี เอฟซี ก็ได้ตัดสินใจดึงตัวเขาไปร่วมทัพ จากการที่ได้เห็นฟอร์มของ "สุกรี" จากการที่ทัพกอเเละพิฆาต ได้ไปทำการเก็บตัว ณ จังหวัดชลบุรี ซึ่งการย้ายทีมในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งเเรกในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ หลังจากได้ย้ายทีมออกจากบ้านเกิด เเละถือว่าเป็นการออกจาก comfort zone ของเขา
"ช่วงเเรกก็ถือว่าค่อนข้างลำบากครับ กับ การปรับตัวให้เข้ากับระบบการซ้อมของทีม ซึ่งผมใช้เวลาราว 3 เดือนจนสามารถปรับตัวกับทีมได้ ซึ่งหลังจากที่ผมปรับตัวได้ ผมก็ได้โทรหา พ่อเเม่ เพื่อบอกว่าผมได้ย้ายมาอยู่ ชลบุรี เอฟซี เเล้วนะ ซึ่งตอนนั้นพ่อเเม่ก็ตกใจมาก เพราะท่านคิดว่าเรายังเล่นอยู่ที่นรา ยูไนเต็ด" ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เขาคงประทับใจไม่มีวันลืมมันเเน่นอน
หลังอยู่รับใช้ทัพฉลามชลมาอย่างยาวนานนับ 4 ฤดูกสล เขาก็ได้ออกเดินทางอีกครั้งด้วยสัญญายืมตัวกับ ภูเก็ต เอฟซี เนื่องด้วยเขาได้รับบาดบริเวณหัวเข่า จนต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำให้ต้องพักฟื้นเเละถูกส่งไปเก็บความฟิตพร้อมกับปรับร่างกายให้กลับมาคงที่เช่นเดิม ก่อนที่จะกลับรังฉลามอีกครั้งในระยะเวลาเพียงเเค่ 1 เลก
จากนั้น "สุกรี" ก็ได้ย้ายไปร่วมทัพ บางกอก เอฟซี , อยุธยา เอฟซี , ศรีสะเกษ เอฟซี , นรา ยูไนเต็ด (เลกแรก) , ชัยนาท ฮอร์นบิล (เลกสอง) , ภูเก็ต เอฟซี (รอบที่ 2) และ ลําพูน วอริเออร์ ก่อนจะแขวนสตั๊ดกว่า 2 ปี ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่รุมเร้าเขาเสมอมา ก่อนที่ “อาจารย์นิมิต” นิมิต ลิ่วตระกลู เฮดโค้ชของ นรา ยูไนเต็ด ได้ชักชวนให้กลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง "พอตอนนั้น อาจารย์นิมิต มาชักชนผมให้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ผมก็ตัดสินใจอย่างไม่ลังเลเลยครับ ว่าผมจะกลับไปเล่นบอลอีกครั้ง" ซึ่งเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทัพกอเเละพิฆาต ที่ทำผลงานจบอันดับ 3 ของโซนภาคใต้สำเร็จ เเละในฤดูกาลนี้กับวัย 35 ปี "สุกรี อีเเต" ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทีม ไล่ล่าความสำเร็จในศึกมังกรฟ้าลีก 2021-22 โซนภาคใต้
ขอขอบคุณรูปจาก : NARA UNITED
"เปลี่ยนความท้อให้เป็นเเรงผลักดันอีกครั้ง"
อย่างที่เพื่อน ๆ ได้อ่านกันไปในข้างต้นครับ ว่า "สุกรี" ได้รับบาดเจ็บเเละมีอาการบาดเจ็บรุมเร้าตลอดระยะเวลาที่ลงเล่น ทำให้เขาต้องเลิกเล่นฟุตบอลไป "คือช่วงนั้นผมเป็นนักเตะของ ลําพูน วอริเออร์ เเละจากอาการบาดเจ็บ ผมก็คิดว่าถึงเวลาเเล้วที่เราต้องเลิกอย่างจริงจัง เพื่อรักษาสภาพร่างกายของตัวเราเอง ตอนนั้นผมแทบไม่ดูฟุตบอลเลยครับ ไม่สนใจ ไม่ฟังเเละไม่ติดตามเลย เพราะมันเป็นความท้อที่ทำให้เราต้องเลิกในสิ่งที่เรารักไป เเต่สุดท้ายเเล้ว ผมก็กลับมาอีกครั้ง เพราะลึก ๆ เเล้วผมก็ไม่สามารถตัดฟุตบอลออกจากชีวิตได้เลย จนทำให้ผมต้องกลับมาเล่นฟุตบอลออีกครั้ง"
ขอขอบคุณรูปจาก : ลุงหนวดมีเดีย
"ความเเตกต่างของลีกสูงสุดเเะลลีกล่าง"
"คือถ้าพูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่ามันต่างกันมาก ๆ ครับผม ด้วยบอลสไตล์ ไทยลีก มีความเร็วเหนือกว่าบอลลีกล่าง รวมถึงจังหวะการเล่นก็เร็วกว่า บอลระบบดีกว่า สนามแข่งขันมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งต่างจากบอลลีกล่างที่เน้นตรงพละกำลังส่วนใหญ่จนเปลืองตัว สนามแขงขันก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง รวมถึงความต่างในการซ้อมแต่วันของฟุตบอลไทยลีกนั้น จะเน้นตรงระเบียบวินัยสูง, อาหารการกิน, ฟิตเนส แต่ทว่าบอลลีกล่างนั้นบางสโมสรขาดแคลนเรื่องของฟิตเนส จนนักเตะต้องเตรียมร่างกายเองด้วยซ้ำ" ซึ่งมุมมองของเขานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ทีมจากลีกล่างของพวกเราควรที่จะพัฒนาเพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นมืออาชีพต่อไปนะครับ
ขอขอบคุณรูปจาก : Sukree E-tae
"ภาพจำที่ไม่เคยลืม"
"ถ้าถามว่าเเมทช์ไหนที่อยู่ในความทรงจำของผม ผมก็ต้องขอเลือก 2 เเมตช์ที่จะจำไม่มีวันลืมเเน่นอนครับ เเมตช์เเรกคือเเมตช์ที่ผมได้ประเดิมสนามให้กับชลบุรี เอฟซี ในฐานะผู้เล่นสำรอง ซึ่งผมลงมาในนาทีที่ 89 และสามารถยิงประตูชัยให้ทีมชนะสโมสร การท่าเรือ เอฟซี ด้วยสกอร์ 2-1 เเละอีกเเมตช์ก็ต้องยกให้กับ เกมการเเข่งขันที่พบกับ South China จากฮ่องกง ในศึก AFC Cup ซึ๋งผมถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง ก่อนที่จะยิงได้ 2 ประตูให้กับทัพฉลากชล จนสามารถพาทีม ชลบุรี เอฟซี ชนะด้วยสกอร์ 3-0 ซึ่งในการเเข่งขันในนัดนี้ผมยังได้เผชิญกับ2 แข้งตำนานพรีเมียร์ลีก อังกฤษอย่าง นิกกี้ บัตต์ ตำนานกองกลางของ เเมนฯ ยูไนเต็ด และ มาเตยา เคชมัน อดีตกองหน้าของ เชลซี อีกด้วย ถือว่ามันเป็นอะไรที่จำไม่ลืมเเน่นอนครับ "
ขอขอบคุณรูปจาก : NARA UNITED
"พี่สอนน้อง....ให้น้องเติบโตสู่นักเตะอาชีพ"
"อยากฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ว่า เรามีโอกาสมากกกว่ารุ่นพี่ เนื่องด้วย ณ ปัจจุบัน มีโควตานักเตะดาวรุ่ง ซึ่งต่างจากยุคสมัยก่อนที่มีโอกาสค่อนข้างน้อยต่อการติดทีมชุดใหญ่ จึงอยากให้เก็บเกี่ยวโอกาสเหล่านี้ แม้ไม่ได้ลงแต่ก็ต้องอดทนฝึกซ้อมต่อไป รวมถึงรับฟังคำพูดของรุ่นพี่ ไม่ว่าเรื่องการวางตัวอย่างทำตัวอวดเก่ง อีกทั้งเรื่องของทัศนคติก็เป็นส่วนสำคัญ โดยขอยกตัวอย่างในตัวของ เทิดศักดิ์ ใจมั่น (โค้ชเทิด) ที่แม้จะอายุเกือบแตะหลัก 40 ปี แต่ยังสามารถเล่นในลีกสูงสุด ด้วยเหตุที่ว่ามีระเบียบวินัยและทัศนคติที่ดี จึงอยากให้ดูเป็นกรณีศึกษาครับ"
ขอขอบคุณรูปจาก : NARA UNITED
"อยากพาทีมไปเเชมเปี้ยนส์ลีก"
"หากพูดถึงเป้าหมายของเรา พวกเรามองไปถึงการไปรอบเเชมเปี้นส์ ลีก ให้ได้ครับ ทีมเราเป็นทีมที่ไม่มีซุปเปอร์สตาร์ ทุกคนช่วยกันวิ่ง ช่วยกันเล่น เเละสิ่งที่ขาดไม่ได้เเละขอยกให้เป็น คีย์เเมน เลยคือเเฟนบอลครับ เเละสุดท้ายสิ่งที่ผมอยากฝากถึงเเฟนบอลชาวนารา ยูไนเต็ดเเละชาวจังหวัดนราธิวาส คือตอนนี้ทีมเราซ้อมกันอย่างหนักเพื่อทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ เลยอยากขอกำลังใจจากเเฟนบอลทุกท่าน ขอให้ทุกท่านอย่างหมดหวังเเละอดทนไปกับพวกเรา เเล้วเราจะทำผลงานให้ออกมาดีที่สุดครับ"
.
.
บทสัมภาษณ์จาก : สุกรี อีเเต
ขอบคุณภาพประกอบ : NARA UNITED , Sukree E-tae เเละ ลุงหนวดมีเดีย
ภาพ : อุดมทรัพย์ โพธิ์สุวรรณ์
เขียน : กฤษฏิ์ โชคพนารัตน์
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
