24 ก.ย. 2021 เวลา 02:03 • ประวัติศาสตร์
“กรงเหล็กตะแลงแกง (Gibbeting)” การแขวนคอศพนักโทษประหาร
ในสมัยโบราณ การลงโทษหรือประหารชีวิตนักโทษ มักจะกระทำด้วยวิธีการที่โหดร้ายสยดสยอง
อีกหนึ่งวิธีการที่น่าสลดคือ “กรงเหล็กตะแลงแกง (Gibbeting)” ซึ่งไม่เพียงแค่ลงโทษนักโทษขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น หากแต่เมื่อนักโทษตายไปแล้ว วิธีนี้ก็ยังใช้ลงโทษศพนักโทษ
1
วิธีการนี้ คือการนำนักโทษมาขังไว้ในกรงที่มีขนาดเท่าตัวนักโทษ และแขวนตัวนักโทษ ประจานกลางที่สาธารณะ เป็นการเตือนไม่ให้คนทำผิด
1
โดยปกติแล้ว ในหลายๆ กรณี นักโทษจะถูกประหารก่อนนำศพมาใส่กรงเหล็กตะแลงแกง แต่ในหลายๆ กรณี นักโทษก็ถูกนำใส่กรงเหล็กตะแลงแกงทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และถูกปล่อยไว้อย่างนั้น ทิ้งให้เสียชีวิตไปเอง
1
วิธีการประหารนี้ถือกำเนิดขึ้นในยุคกลาง แต่ได้รับความนิยมที่ประเทศอังกฤษในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะค่อยๆ เสื่อมความนิยมในเวลาต่อมา
นักโทษที่ถูกลงโทษด้วยกรงเหล็กตะแลงแกงมักจะเป็นนักโทษชาย เนื่องจากศพของสตรี มักจะเป็นที่ต้องการของแพทย์ เพื่อนำไปทำการผ่า ศึกษาอวัยวะ ดังนั้นศพของนักโทษหญิงจึงมักจะนำไปทำการผ่าเพื่อศึกษา
ที่น่าทึ่งอีกเรื่องก็คือ ประชาชนมักให้ความสนใจในการลงโทษนักโทษด้วยวิธีนี้อย่างมาก และมักจะมามุงดูนักโทษที่ถูกลงโทษด้วยวิธีการนี้
1
แต่ถึงแม้ว่าการดูนักโทษถูกขังในกรงเหล็กตะแลงแกงจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้คน หากแต่สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในย่านที่ลงโทษนักโทษ อาจจะไม่ชอบนัก เนื่องจากต้องทนกับกลิ่นเหม็นจากศพของนักโทษ แทบจะเปิดหน้าต่างบ้านไม่ได้เลย อีกทั้งยังรู้สึกขนลุกอีกต่างหาก
1
แต่ถึงอย่างนั้น ทางการก็ยังคงให้การลงโทษด้วยวิธีนี้คงอยู่
ในเวลานั้น ทางการมีแนวคิดว่าวิธีการหยุดยั้งอาชญากรรม ก็คือการเสนอให้คนเห็นการลงโทษ เพื่อที่จะได้หวาดกลัว ไม่กล้าทำผิด และการลงโทษด้วยกรงเหล็กตะแลงแกงก็ทำให้คนหวาดกลัว ไม่กล้าทำผิด
แต่ผลปรากฎว่าอาชญากรรมในอังกฤษยังคงสูงต่อเนื่อง และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้วิธีการลงโทษอย่างนี้ค่อยๆ ลดความนิยมและยกเลิกไปในปีค.ศ.1834 (พ.ศ.2377)
2
แต่ถึงจะยกเลิกไปแล้ว แต่วิธีการประหารด้วยกรงเหล็กตะแลงแกง ก็ยังคงเป็นหนึ่งวิธีที่น่าสยดสยอง และติดอยู่ในประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน
1
โฆษณา