25 ก.ย. 2021 เวลา 01:58 • ธุรกิจ
(ถอดรหัสปรากฏการณ์ยานแม่ SCBX)
Business Model ของธุรกิจใหญ่ที่ต้องการเติบโตระดับ 10X เผื่อช่วยให้หลายคนเข้าใจเบื้องหลัง ของวิธีคิดแบบโตสิบเท่า
การเติบโตของธุรกิจ เมื่อเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว โตในระดับเปอร์เซ็นต์เลขหลักเดียว หรือมากสุดหลักสิบกว่า ไม่มีทางเลยที่จะเพิ่มการเติบโตให้มากกว่านี้ได้ ถ้าไม่มี growth engine ตัวใหม่ๆมาช่วยดึงขึ้นไป
.
.
การเปลี่ยนแปลง จึงไม่ใช่ระดับ BU แต่ต้องเป็นระดับโครงสร้าง, Mindset, กลยุทธ์ และเรื่องแบบนี้มันมีการตัดสินใจสำคัญๆอยู่เยอะ
.
ไม่สามารถตัดสินใจแบบชั่วข้ามคืนแล้วทำได้ ต้องลงทุนลงแรงลงสมองอีกเยอะมากๆ
.
การเติบโตระดับ 10X จะต้องมีองค์ประกอบหลัก คือ
1. ต้องมีธุรกิจเทคโนโลยีที่สามารถโตได้แบบ exponential อยู่ในมือ เช่น AI, Data (จะลงทุน หรือจับมือสร้างร่วมกับพาร์ทเนอร์ก็ได้ ดีกว่าเสียเวลาสร้างเอง และอาจจะทำได้ไม่ดี หรือไม่เกิดเลย)
2. ต้องมี ข้อ 1 หลายๆอันมารวมกัน (multiple expotential growth) และต้องสร้าง value ให้กับธุรกิจโดยรวม ในรูปแบบที่ไม่ใช่ 1+1 = 2 (คือ เป็นแบบคูณกัน ไม่ใช่บวกกัน อย่างที่ traditional business ทำ เวลา M&A กับธุรกิจอื่นๆ แล้วเป็นแค่รวม P&L หรือฐานลูกค้าเข้าด้วยกัน)
3. ต้องแก้ปัญหาสำหรับกลุ่มคนขนาดใหญ่มากๆ (แค่ในประเทศคงไม่พอ ต้องระดับภูมิภาค ทวีปหรือระดับโลก)
4. ถ้ามี product & service ที่เป็นดิจิตัล จะได้เปรียบเพราะมีตัวคูณการเติบโต สามารถสเกลได้ง่าย อะไรที่เป็น physical แบบมีตัวตน สัมผัสได้ จะยากในการสเกลและการกระจายของให้ถึงคน
5. การสร้างผลผลิตต้องมาจากระบบอัตโนมัติ มีเทคโนโลยีมาช่วย ไม่ใช่การจ้างแรงงานคนเข้ามาเยอะๆ (โต 10 เท่า แบบไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม 10 เท่า)
6. มี community ที่แข็งแรงคอยสนับสนุน (ว่าง่ายๆ คือ มีสาวก )
7. ชื่อ ต้องต่อด้วย X (เช่น Google X, SpaceX …ผู้นำเรื่องนี้ คือ Apple ที่ตั้งก่อนใครเมื่อ 20 ปีก่อน = Mac OS X…อันนี้พูดเล่น🤣 )
ตัวอย่างธุรกิจที่เข้าข่ายเติบโตแบบ 10X เช่น
Alphabet ที่เป็นยานแม่ของ Google และมีบริษัทชื่อ X (ชื่อเดิมคือ Google X) ที่สร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาระดับโลกหลายอย่าง
โดยสิ่งที่ X ทำ คือ
Waymo (Self-driving car),
Loon (บอลลูนที่ปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ต …อันนี้เปิดตัวฮือฮา แต่ตอนนี้เจ๊ง ปิดตัวไปแล้ว),
Wing (โดรนที่บินส่งของได้ แบบ Amazon Prime Air)
Google Glass อันโด่งดัง ก็สร้างโดย X เช่นกัน
และ Alphabet ยังมี GV (Google Ventures) ที่เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีกว่า 300 บริษัท (IPO ไปแล้ว 20 กว่าบริษัท และ M&A อีกหลักร้อย)
เป้าหมายของ GV ไม่ได้ลงทุนเพราะหวังรวยเป็นหลัก
แต่เป็นการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อเอาความรู้ ความเชี่ยวชาญจากทั่วโลก มาเพิ่มให้กับตัวเอง และเอาความเก่งของตัวเอง ไปเสริมให้กับบริษัทที่ไปลงทุนด้วย
3
ธุรกิจใหญ่ๆ จะขยับตัว โตด้วยความคิดและการกระทำแบบเดิม ก็คงไม่มีทางที่จะได้ผลลัพท์ใหม่ๆ ถ้ามีอะไรที่เติบโต แต่อยู่ในโครงสร้างเดิม การโตก็จะถูกจำกัด
อยู่ที่การตัดสินใจในระดับบอร์ดบริหาร ที่ต้องพร้อมและยอมเจ็บ (เพราะ growth มักจะแลกมาด้วยกำไรและความเสี่ยงกับอนาคตที่ไม่แน่นอน)
ถ้าอยากโต ต้องให้เรื่องโตมีความสำคัญสูงสุด แล้วเก็บเกี่ยวกำไรทีหลัง
ความยากของการเติบโตแบบ 10X คือ การทำให้มันเกิดขึ้นจริง
ต้องมี A-Team มาทำงานด้วย ต้องหา Business Model ที่ใช่และ repeat & scale ได้
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี การมีระบบบริหารจัดการที่คล่องตัว การทำให้ลูกค้าพอใจมากๆในระดับที่แปลงเป็นสาวกได้
การแสวงหา Growth ชีวิตจะอยู่กับการทดลองต่างๆมากมาย เพื่อลองผิดลองถูก
แม้ว่าจะตัดสินใจผิดพลาดได้ แต่ต้องตัดสินใจให้ถูกในจังหวะที่ไม่ควรผิด และต้องมีผู้บริหารแถว 2 (2nd level management) ที่เก่งมากๆ เพื่อไม่ให้เกิดคอขวด
ยังต้องอุทิศตัวเองทั้งพลังชีวิตและเวลา เพราะบริหารบริษัทที่ต้องวิ่ง ไม่เหมือนกับบริษัทที่กำลังเดิน หรืออยู่กับที่
เป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆของ SCBX และบริษัทอื่นๆ ที่น่าจะมองโมเดลนี้เป็นแบบอย่าง
(รูปจากหนังสือ Business Model Shifts)
โฆษณา