25 ก.ย. 2021 เวลา 08:26 • สุขภาพ
I am sick ฉันป่วย
ตอนที่ 1
บทความนี้เป็นบทความที่เกี่ยวกับอาการป่วยของคนๆหนึ่ง เขียนขึ้นมาจากเรื่องจริง
เนื้อหาบางช่วงบางตอนอาจจะดูเปราะบางไปบ้างโปรดใช้วิจารณะญาณในการอ่านนะคะ
cr. ภาพจาก facebook
สวัสดีค่ะฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง ที่เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังป่วย phobia (โรคกลัว)
หลายคนคงเคยได้ยินได้อ่านกันมาบ้างแล้วนะคะ ไม่ว่าจะในละครหลังข่าวหรือเว็บไซต์ต่างๆ แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้จักและคิดว่ามันมีโรคแบบนี้ด้วยเหรอ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีฉันอยู่ด้วย 😄
ก่อนหน้านั้นฉันไม่เคยรู้เลยว่าในโลกนี้มันจะมีโรคแบบนี้อยู่ ฉันคิดแค่ว่าตัวฉันเองเป็นคนที่มีโรคส่วนตัวสูงในแบบที่หลายๆคนก็เป็น จนเมื่อปีที่แล้วฉันไปเจอบทความบทหนึ่ง หัวข้อของบทความเขียนไว้ว่า
เพราะความรักไม่ได้เป็นสิ่งสวยงามสำหรับทุกคนเสมอไป Philophobia (โรคกลัวความรัก)
ตอนนั้นตัวฉันเองแค่สงสัยจึงเข้าไปอ่านแบบผ่านๆ ในบทความเขียนไว้ถึงเรื่องการกลัวความรัก สาเหตุของการที่ปัจจุบันนี้มีคนโสดมากมายและหลายสิ่งหลายอย่าง
ฉันเองอ่านจบ ฉันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง สักพักจึงฉุดคิดขึ้นได้ว่าจะลองหาข้อมูลเรื่องนี้ดู ว่ามันมีโรคแบบนี้จริงๆใช่ไหม ฉันเริ่มจากการค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตในหัวข้อของโรคกลัวความรัก ตั้งใจอ่านทีละหัวข้ออย่างตั้งใจและใจจดใจจ่อกับมันจนลืมไปว่านี่คือเวลางาน 555😅 (ไม่น่ารักเลยว่าไหม😁)
ฉันเริ่มอ่านและทบทวนเรื่องราวต่างๆในชีวิตไปด้วยทีละนิดๆ เอาล่ะไหนๆก็ไหนๆแล้วฉันก็จะเล่าสาเหตุของโรคนี้ที่ฉันเป็นให้ฟัง😏 ถ้าคุณอ่านไปเรื่อยๆคุณจะรู้เลยว่าฉันสามารถเขียนบทละครน้ำเน่าได้เลยล่ะ😄😄😄 แต่อย่าลืมนะว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร และละครมักจะสะท้อนความจริงเสมอ ที่ไม่ใช่ละครแฟนชีนะจ๊ะ
เรามาเริ่มกันจาก Philophobia(โรคกลัวความรักกันก่อนเลยแล้วกันนะ
cr. ภาพจากfacebook
❤สาเหตุและปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค❤
❤1.เติบโตจากครอบครัวที่มีปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว จนปลูกฝังกลายเป็นทัศนคตริไม่ดี ฝังลึกมาตั้งแต่เด็กๆ
🌵จากข้อที่ 1 นั่นแหละฉันเลย ฉันเกิดในครอบครัวที่ยากจน ทุกสิ่งทุกอย่างคือปัญหา เรื่องนิดๆหน่อยๆก็เป็นปัญหา ความขัดแย้งเกิดขึ้นในทุกๆวัน ไม่สิ! ฉันหมายถึงในหนึ่งวันมันเกิดขึ้นหลายครั้ง😄😄 การไม่ลงรอยกันของคนในครอบครัวฉันเห็นมันมาตั้งแต่จำความได้ ตอนเด็กๆหลายต่อหลายครั้งที่ฉันร้องไห้ไปพร้อมๆกับแม่ นั่งมองหน้าพ่อที่กำลังถอนหายใจ ทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยด้วยซ้ำ
พี่สาวของฉันที่อยู่ในสถานะการเดียวกัน เมื่อโตขึ้นเธอเลือกที่จะเดินออกมาจากตรงนั้นและทิ้งฉันไว้ต่อสู้เพียงลำพัง อีกหนึ่งสาเหตุที่สำคัญของชีวิตคือ เรื่องที่มันเกิดขึ้นกับเราสองพี่น้อง มันละเอียดอ่อนจนไม่สามารถเรียบเรียงออกมาให้ฟังได้ ฉันจึงจะขอเก็บมันเอาไว้ให้มันเป็นสิ่งที่พูดไม่ได้ตลอดไป ซึ่งเมื่อมันเกิดขึ้นบ่อยๆ ตัวฉันก็เริ่มพูดน้อยลงและร้องไห้มากขึ้น
เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวมันมีมากมายจนเขียนไม่หมด และบอกไม่ได้ ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดสำหรับเรื่องครอบครัวมากนักนะคะ เพราะบางท่านที่เข้ามาอ่านอาจจะรับไม่ได้ และบางท่านที่ยังไม่มีความพร้อมที่จะรับมันเพราะมันอาจจะดูรุนแรงและละเอียดอ่อนเกินไป
❤2. การหล่อหลอมทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี หรือศาสนาที่เข้มงวด จนหล่อหลอมซึมลึกเข้าไปสู่จิตใต้สำนึก จากความเกรงกลัวต่อบทลงโทษ
🌵การหล่อหลอมทางสังคมนั้นตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และฉันจะไม่พูดไปถึงศาสนาหรอกนะเพราะยังคงต้องยกเว้นไว้ 55 แต่สังคมที่ฉันอยู่ค่อนข้างที่จะเรียกได้ว่าเป็นชนบท วัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นเก่า และยังคงฝังแน่นไว้อย่างนั้น นั่นอาจจะเป็นการดีที่ผู้คนล้วนอนุรักษ์ไว้ แต่ทว่าหากอยู่แต่กับความหลังแล้วไม่ฟังสิ่งใหม่เลยนั้น นั่นแหละปัญหา
ฉันถูกครอบครัวคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งเพื่อนบ้าน555😂ปลูกฝังความเป็นเด็กดีที่มีข้อห้ามมากมาย ห้ามไปเที่ยวบ้านคนอื่น ห้ามไปกินข้าวบ้านใคร ห้ามไปคุยกับคนแปลกหน้า ห้ามออกนอกบ้านหลังห้าโมงเย็น 55 ให้ตายสิ! ชีวิตวัยเด็กหลังเลิกเรียนของฉันไม่มีเพื่อนเลยไม่รู้จักใคร รู้จักแต่พ่อแม่ พี่สาวและป้าข้างบ้าน
ฉันใช้ชีวิตแบบนั้นเป็นเวลาหลายปีตั้งแต่จำความได้ ฉันแทบจะไม่มีสังคมเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพี่สาวฉันโตเธอก็ได้ตัดสินใจเดินออกไปจากบ้านหลังน้อยที่แสนปลอดภัยนี้ โดยการหนีออกจากบ้าน
หลายคนคงคิดว่าเธอทำไม่ถูก ใช่ค่ะ เธอทำไม่ถูกเลยสักนิดเธอทำให้ฉันโทษเธอมาจนถึงทุกวันนี้😄 เพราะอย่างที่ฉันได้บอกไปตั้งแต่ข้างต้นคือ เธอทิ้งฉันไว้ตรงนั้นพร้อมกับความเจ็บปวดมากมายที่บรรยายออกมาไม่ได้
หลังจากเหตุการความเจ็บปวดวันนั้นเหมือนว่าพ่อและแม่จะเข้าใจว่าการที่ซ่อนลูกน้อยไว้ในอกอุ่นๆเพียงอย่างเดียวนั้นมันไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป แต่ไม่เลย..
การหนีออกจากบ้านยังคงเป็นความผิดร้ายแรงของผู้คนในโลก ยังคงเป็นเรื่องที่น่าอายของสังคมไทย และนั้นแหละคือจุดพลิกของชีวิตน้อยๆของฉันอีกหนึ่งเรื่อง
เพราะหลังจากนั้นสังคมก็ตราหน้าว่าลูกบ้านนี้หนีออกจากบ้านบ้าง หนีตามผู้ชายบ้าง ทุกคนล้วนจับจ้องมาที่ฉัน นินทาต่างๆนาๆรอดูอนาคตของฉันอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่าหากฉันก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ชีวิตของทุกคนจะต้องดับสลายไปในพริบตา5555
คนที่ไปก็ไปแล้ว ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไปจากโลกใบเดิมๆที่มีเพียงบ้านกับหน้าบ้าน🤭 อ่อ และโรงเรียนด้วยนะ555 ส่วนคนที่ยังคงอยู่ก็ต้องแบกรับชะตากรรมต่อไป
หลังจากพ่อแม่เสียน้ำตามากมายในวันนั้น ความเจ็บปวดที่มันกัดกินในใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่มันทรมานจนล้นออกมาให้ฉันเห็น ฉันไม่เคยโทษความรักที่ทั้งสองมอบให้เพราะท่านก็เป็นเพียงแค่คนรุ่นหลังที่กลัวว่าลูกจะเจอสิ่งไม่ดีในโลกภายนอก จึงได้แต่กอดลูกเอาไว้ข้างกายยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
ถามว่าตอนนั้นฉันเข้าใจไหม ใช่ ฉันเข้าใจดี และฉันก็เข้าใจคนที่เดินออกไปด้วย ถึงฉันจะโทษเธอที่ทำแบบนั้น โทษที่เธอทิ้งความเจ็บปวดที่แสนทรมานเอาไว้กับฉัน แต่ฉันก็เข้าใจ ฉันเข้าใจดี..
❤3. ประสบการณ์ความรักที่ล้มเหลวซ้ำซาก จนเกิดเป็นบาดแผลฝังลึกให้กับจิต ทำให้ไม่อยากต้องมีความรัก ที่สุดท้ายก็จะต้องผิดหวังอีก
cr. ภาพจาก facebook
🌵ประสบการณ์ความรักเหรอ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการรักคนอื่นมันเป็นยังไง หรือถ้าหากจะบอกว่าชีวิตตอนวัยรุ่น ไม่สิ!555 ฉันหมายถึงวัยใสน่ะ เพราะตอนนี้ฉันก็ยังถือว่าเป็นวัยรุ่นอยู่นะ 555 ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันเขียนมาข้างต้นมันออกจะดูแก่แล้วก็เถอะ (ให้ตายสิฉันยังไม่ถึง 30 ด้วยซ้ำ ทำไมฉันถึงได้เล่าอะไรๆเหมือนคนแก่เลยล่ะ)🤣🤣
กลับมาเข้าเรื่องกันเถอะ🤭 หากจะพูดถึงวัยใสในรั้วโรงเรียน มันก็พอมีบ้างที่ไปแอบรักคนนั้นคนนี้ แต่ด้วยความที่ฉันเองเป็นเด็กที่ไม่มีสังคมสักเท่าไหร่ ฉันจึงไม่กล้าบอกใคร การอกหักจึงเกิดขึ้นกับฉันอยู่ร่ำไป ชีวิตของฉันเริ่มเจอกับโลกที่กว้างกว่าเดิมเล็กน้อยตอนที่อายุ 13 ปี ใช่ค่ะเริ่มเข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่1
อย่างที่บอกก็แค่แอบรักหรือถ้าถามถึงความรู้สึกตอนนี้ ถ้ามองย้อนกลับไป ฉันสามารถพูดได้เต็มปากว่านั่นมันไม่ใช่ความรัก มันก็แค่ความชอบเท่านั้นตามวัยและช่วงอายุ
ฉันในตอนนั้นใช้ชีวิตวนเวียนอยู่บ้านและโรงเรียนเหมือนเดิม สังคมที่ดูเหมือนจะกว้างขึ้น มันกลับบีบรัดตัวฉันแน่นกว่าเดิม พ่อกับแม่ไม่ชอบให้คบเพื่อนผู้ชายท่านให้เหตุผลว่าอยากให้เรียนจบก่อน พูดภาษาบ้านๆก็คือ กลัวลูกได้ผัวก่อนเรียนจบ🤣
นั่นจึงเป็นข้อห้ามเด็ดขาดจากพ่อ แต่ก็นั่นแหละยิ่งห้ามฉันเองก็ยิ่งหายใจไม่ออก ถามว่าตอนนั้นฉันตั้งอกตั้งใจหาความรักหรือเปล่า ไม่หรอกฉันก็แค่อึดอัดเลยขัดใจพ่อบ้าง 555😝😝😝
แต่เหมือนว่าโลกใบนี้จะใจร้ายกับฉันไปนิด หรือบางคนอาจจะเรียกว่าความโชคดีก็ได้นะ เพราะแปลกที่ฉันมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ทำไมถึงว่าแปลกนะเหรอ แปลกสิฉันมีนิสัยที่เข้าสังคมไม่ค่อยเก่งเก็บเนื้อเก็บตัวและกลัวคนแปลกหน้า แต่ในรั้วโรงเรียนใหม่กลับมีแต่เพื่อนผู้ชายที่เข้ามาทักก่อน555😄
cr. ภาพจากfacebook
แรกๆฉันก็แอบคิดนะว่าเขาคงชอบฉัน แต่พอเริ่มคุยเริ่มรู้จักและเริ่มสนิทมันก็ไม่ได้เป็นแบบที่ฉันเข้าใจหรอกนะ 555 (ฉันก็หลงคิดว่าตัวเองสวยมาตั้งนาน)
แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีเพื่อนผู้หญิงนะ มีสิฉันมี! ฉันมีเพื่อนกลุ่มเดียวกันอยู่ 3 คน ที่ถือว่าสนิทมากๆ ก็เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันหนิ โตมาพร้อมๆกันจะไม่สนิทได้ไงล่ะ😂😂😂
อย่างที่บอกหลายคนที่เข้ามาอ่านอาจจะคิดว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้มันคือความโชคดี ใช่ ตอนนั้นฉันก็คิดแบบนั้นแหละ
ทุกครั้งที่มีงานโรงเรียนฉันจะได้นั่งสบายๆ ไม่ต้องทำอะไรไม่ใช่เพราะฉันอ่อนแอหรอกนะ แต่พราะเพื่อนๆของฉันคิดว่าฉันอ่อนแอ รวมถึงตัวฉันเองเป็นคนไม่กล้าแสดงออกด้วย มันเป็นแบบนี้ประจำจนเป็นเรื่องปกติ
เวลาไปนอกบ้าน หรือไปบ้านเพื่อน ไปงานนั้นงานนี้ฉันก็แอบพ่อกับแม่ไปกับเพื่อนตลอด หนีเรียนไปบ้างแหละ(😝ฉันรู้ๆว่ามันไม่ดี แต่ทุกคนก็เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาใช่ไหม งั้นคุณก็รู้ดีว่ามันท้าทายขนาดไหน5555555 )
หลายครั้งที่ในงานสังสรรมันก็มักจะมีสิ่งมึนเมา คุณคงคิดว่าฉันจะต้องเมาหัวราน้ำใช่ไหม🤪 ผิดค่ะ ฉันไม่ได้แตะมันเลยสักหยด ด้วยเหตุผลที่ว่าพ่อแม่ห้าม เหตุผลที่ว่าไม่กล้าพอที่จะลองเพราะ "กลัว" กลัวไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างคิดมาก คิดไปต่างๆนาๆ แต่ก็นะช่วงวัยรุ่นมันก็อยากรู้อยากลองกันบ้าง ฉันเคยจะลองแต่เพื่อนไม่มีใครให้ลองเลยสักคน อ้างนู่นนี่นั้นเอาพ่อแม่มาอ้างบ้าง ขู่ว่าจะไม่ไปส่งบ้านบ้างถ้าเกิดเมาขึ้นมาจริงๆ
ด้วยความกลัวและใจปลาซิวของฉัน ฉันจึงถอย ถามว่าทำไมฉันถึงต้องกลัวขนาดนั้น ฉันเองก็ไม่รู้อาจเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยไว้ใจใครเลยก็ได้ ฉันไม่เคยเชื่อใจใครเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยเลย
เพื่อนของฉันไม่เคยให้ฉันดื่มและแม้กระทั้งมีคนอื่น 🤫ฉันหมายถึงผู้ชายที่จะเข้ามาจีบน่ะ🤫 แม้กระทั่งคนอื่นยื่นแก้วมาให้เพื่อนชายที่แสนดีของฉันทั้งหลายก็จะคอยกันท่าตลอดเวลา
ในช่วงเวลานั้นอาการของโรคกลัวมันยังมีไม่เท่าตอนนี้ ฉันจึงสามารถพูดได้ว่ามันไม่ใช่ว่าฉันไม่เปิดใจให้ใคร แต่ฉันแค่ไม่มีโอกาส ฉันเข้าใจว่าพ่อแม่ห่วง และใช่ฉันก็เข้าใจเพื่อนๆที่แสนดีของฉันเช่นกัน พวกเขาเหล่านั้นคงรู้ว่าฉันเองไม่แข็งแรงพอต่อโลกภายนอก ฉันจึงดูเป็นเหมือนไข่ในหินของพ่อแม่ และเพื่อนๆ
ไม่เว้นแม้แต่ลูกพี่ลูกน้องที่รักฉันซะเหลือเกิน คอยไปรับไปส่ง ไม่ได้ให้หนุ่มหน้าไหนเข้าใกล้ฉันได้เลยแม้แต่น้อย ส่วนหนุ่มๆที่ว่าพวกเขายังไม่ทันได้รู้จักฉันเลยด้วยซ้ำ คงได้แต่คิดไปเองว่าฉันมีแฟนแล้ว เพราะทุกๆที่ที่ฉันไปถ้าไม่มีเพื่อนชายเหล่านั้น ก็ต้องมีลูกพี่ลูกน้องไปด้วยตลอดเวลา
อย่างที่ว่านั่นแหละค่ะ ฟังดูแล้วมันเหมือนจะเป็นความโชคดีที่หลายคนอยากจะมีช่างเวลาแบบนี้บ้าง แต่คุณโปรดฟังสิ่งที่มันเกิดขึ้นในภายหลังนี้ก่อนนะคะ
การที่ฉันถูกรักแบบนี้มันมีข้อเสียที่ตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันกลายเป็นคนหัวอ่อนเมื่ออยู่ในโลกใบใหญ่ใบนี้
ฉันกลายเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักอะไรเลย เป็นไข่ในหินที่เมื่อหินแตกไข่ก็จะโดนเหยียบจนแตกละเอียดเช่นกัน
ฉันกลายเป็นคนที่ไปไหนมาไหนไม่เป็น หลงทางตลอดเวลาทั้งๆที่ก็อ่านหนังสือออก กลายเป็นคนที่คนทั้งโลกสามารถหลอกได้ง่ายๆ เป็นคนไม่ทันคน เป็นคนที่ออกจากบ้านทุกครั้งจะหวาดกลัว วิตกกังวน ฉันเป็นแบบนี้เสมอมาเมื่อฉันต้องออกมาเผชิญกับโลกกว้างคนเดียว ฉันกลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็น เป็นคนที่หลบอยู่หลังคนอื่นตลอกเวลา ทุกครั้งที่อยู่ในสถานะการคับขันฉันไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
คุณคงคิดว่ามันจะเกินจริงไปหรือเปล่า ไม่เลยค่ะที่เล่ามามันไม่มีอะไรเกินจริงเลยสักนิด ฉันดูแย่มากๆเมื่อออกจากบ้านมา มันเป็นความทรมานที่อัดแน่นไว้จนเต็มหัวใจ มันคือการมีชีวิตที่ทรมาน ทุกอย่างที่แปลกใหม่และท้าทายสำหรับคนอื่น กลับเป็นสิ่งที่ฉันหวาดกลัว และทุกข์ทรมาน
เรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าฉันจะเป็นโรค phobia นี้ แต่นั่นมันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เรื่องราวจะยังคงดำเนินต่อไป ความเจ็บปวดและบากแผลที่เพิ่มขึ้นมันทำให้ฉันเริ่มอยู่อย่างทรมานในทุกๆวัน
...
...
cr. 🌍Small world
แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไปนะคะ
me. ถนนสายเก่า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา