26 ก.ย. 2021 เวลา 06:48 • กีฬา
ฟุตบอลโลกมี 4 ปีครั้ง แต่เมื่อจัดบอลโลกแต่ละทีคึกคักตลอด ฟีฟ่าก็เลยคิดว่า ทำไมไม่จัดมันทุก 2 ปีแทนล่ะ นี่คือดราม่าที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า อะไรดีกว่ากัน
ในตอนนี้ประธานฟีฟ่า จานนี่ อินฟานติโน่ "เอาจริงอย่างมาก" เรื่องการเปลี่ยนฟุตบอลโลก จากการจัด 4 ปีครั้ง เป็นจัดถี่ขึ้นเป็น 2 ปีครั้ง
คนเห็นด้วยมีไม่น้อย แต่ฝั่งคนไม่เห็นด้วยก็เพียบเช่นกัน แกนนำของฝ่ายไม่เห็นด้วยคือ ประธานยูฟ่า อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน รวมถึงสโมสรใหญ่ๆ ในยุโรป ที่ไม่อยากเปลี่ยนแปลง เพราะมองว่าวงจรปัจจุบันมันดีอยู่แล้ว
ลองฟังเหตุผลของทั้งสองด้านกันก่อน แล้วค่อยเลือกตัดสินใจว่าจะอยู่ทีมไหนนะครับ
[ ฝ่าย 2 ปีครั้ง ]
เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลซาอุดิอาระเบีย ส่งจดหมายหาฟีฟ่าเพื่อนำเสนอไอเดียว่า ฟีฟ่าควรเอาแนวทางบอลโลก 2 ปีครั้งมาใช้อย่างจริงจัง แทนที่จะใช้รูทีนเดิม 4 ปีครั้งอย่างในปัจจุบัน
2
เรื่องนี้ตรงใจกับจานนี่ อินฟานติโน่พอดี เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า "คุณจะบอกว่าฟุตบอลเป็นกีฬาสากลได้อย่างไร ในเมื่อ 20 ทีมที่ร่ำรวยที่สุดในโลก รวมอยู่ใน 5 ลีกของทวีปยุโรป แม้แต่ในฟุตบอลโลกทุกครั้ง ตั้งแต่รอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป แทบทุกครั้งก็มีแค่ 2 ทวีปคือยุโรป กับอเมริกาใต้ ที่เข้าถึงรอบนี้ได้ แล้วอีก 4 ทวีปที่เหลือไปไหน"
1
"สิ่งที่เป็นอยู่ มันไม่ใช่ความสมดุลนะ"
ในมุมของอินฟานติโน่นั้น ก็น่าคิดว่า ฟุตบอลมีมาแล้วร้อยกว่าปี แต่เอาจริงๆ ความสนใจในระดับโลกก็กระจุกอยู่ที่ยุโรปไม่กี่ประเทศ อย่างในบอลโลก ทวีปอื่นก็ได้แค่เป็นไม้ประดับ ถามจริงๆว่า อีกร้อยปีข้างหน้า มันก็จะยังวนเวียนเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า และไม่อยากให้ความสนใจ และความนิยม กระจายไปที่ทวีปอื่นๆของโลกบ้างหรือ
2
ยิ่งไปกว่านั้น ความสนใจที่น้อยกว่า ก็นำมาซึ่งเม็ดเงินที่น้อยกว่าด้วย ในระหว่างปี 2018-2022 ฟีฟ่าประเมินว่าจะได้รับรายได้ทั้งหมดราว 4,500 ล้านปอนด์ในวงจร 4 ปี
เงินส่วนใหญ่ที่ฟีฟ่าได้รับจะเกิดขึ้นในปีฟุตบอลโลก แต่ 3 ปีก่อนหน้าที่มีแต่ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ก็มีรายได้เข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่ได้เยอะมากนัก
หากเทียบกันแล้ว 4 ปี ของยูฟ่า ทำเงินไปมากกว่า 10,000 ล้านปอนด์ เพราะนอกจากจะมียูโรทุกๆ 4 ปีแล้ว ยังมีอีเวนต์อย่างยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีกด้วย
อินฟานติโน่มองว่า ยูฟ่าเป็นองค์กรระดับทวีป ที่รับผลประโยชน์จากความนิยมของฟุตบอลยุโรปเต็มๆ ซึ่งถ้าไปดูทวีปอื่นอย่าง AFC หรือ CAF จะเห็นว่า ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย
2
ดังนั้นเมื่อสหพันธ์ฟุตบอลซาอุฯ เสนอมา อินฟานติโน่ จึงทำการโหวต และมีถึง 166 ชาติสมาชิกฟีฟ่า ที่โหวตให้ฟีฟ่า "ควรลองไปศึกษาหาความเป็นไปได้ดู อย่าเพิ่งปฏิเสธโอกาสจัดบอลโลก 2 ปีครั้ง"
1
คนที่ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังคือ อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ที่ปัจจุบันรับตำแหน่งเป็น หัวหน้าหน่วยพัฒนาฟุตบอลนานาชาติของฟีฟ่า โดยเวนเกอร์ชี้ว่า มัน "ทำได้" ถ้าคิดจะทำ
เวนเกอร์ยอมรับว่าเขาเกลียดมากกับโปรแกรมทีมชาติที่แทรกมาเรื่อยๆตลอดปี กันยายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน และ มีนาคม มันทำให้สโมสรฟุตบอลจัดการอะไรยากไปหมด นักเตะกำลังฟอร์มดีๆ เดี๋ยวก็ต้องปล่อยไปรับใช้ชาติซะละ การเตรียมทีมต่างๆ ก็ขาดตอนไปหมด แล้วพอนักเตะเจ็บจากทีมชาติมา สโมสรเองก็ต้องมาดูแลรักษาอีก
1
ดังนั้นเขาจึงออกไอเดียว่า ทำไมไม่ตัดโปรแกรม กันยา มีนา ที่แทรกๆ ออกให้หมดสิ้นไปเลยล่ะ แล้วรวบทั้งหมดไว้เป็นแค่ 2 Period เท่านั้น
Period แรก คือ 30 วัน ในเดือนตุลาคม เป็นโปรแกรมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ตัวอย่างเช่น สเปน, สวีเดน, กรีซ, โคโซโว และ จอร์เจีย อยู่กลุ่มเดียวกัน แทนที่บินไปเตะ Fifa Day ครั้งละ 2 เกม ก็อัดเอาทุกนัด มาเตะกันให้จบในเดือนตุลาคมซะเลยสิ
5 ทีมในรอบคัดเลือก แปลว่าแต่ละทีมต้องแข่ง 8 นัด ซึ่งมันสามารถแข่งให้จบได้ภายใน 30 วันแน่นอน (หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ จะเปิด Period สั้นๆ เสริมในเดือนมีนาคมแทรกมาก็ได้)
จากนั้น Period ที่สองคือในเดือนมิถุนายนของปีถัดไป เป็นช่วงเวลาของ ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ก็เอาทีมทีผ่านเข้ารอบจากเดือนตุลาคม มาแข่งขันในรอบ Finals
ด้วยวิธีนี้ จะตัดโปรแกรมฟุตบอลที่ไม่น่าสนใจ เช่นเนชั่นส์ลีก หรือ บอลกระชับมิตรตามธรรมเนียมออกไป และเหลือแค่การแข่งขันทางการเพียวๆ เท่านั้น วิธีนี้จะทำให้นักเตะเหนื่อยน้อยลง แทนที่จะบินไปบินมา เข้าทีมชาติ เข้าสโมสร ก็โฟกัสทีละจุดไปเลย
ซึ่งเมื่อจัดแข่งแบบนี้ จะมีเวลาพักมากขึ้น นักเตะก็จะไม่กรอบจนเกินไป สามารถจัดฟุตบอลโลกปีละ 2 ครั้งได้
2
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น
- ตุลาคม 2025 ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
- มิถุนายน 2026 ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
1
- ตุลาคม 2026 ฟุตบอลยูโรรอบคัดเลือก
- มิถุนายน 2027 ฟุตบอลยูโรรอบสุดท้าย
- ตุลาคม 2027 ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
- มิถุนายน 2028 ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
- ตุลาคม 2028 Gap ว่าง (อาจใส่คอนเฟดเดเรชั่นส์คัพเข้าไป)
- มิถุนายน 2029 Gap ว่าง (อาจใส่คอนเฟดเดเรชั่นส์คัพเข้าไป)
1
จะเห็นว่าด้วยวิธีนี้ สามารถจัดสรรเอาบอลโลกลงแข่งปีละ 2 ครั้งได้จริงๆ โดยไม่ชนกับยูโรด้วย
อินฟานติโน่เห็นด้วย เขากล่าวว่า ฟุตบอลโลกคือประสบการณ์แห่งความสุข ชาติใหญ่ๆ อาจจะไม่เข้าใจ แต่บรรดาชาติกลางๆ หรือเล็กๆ ใครๆ ก็ฝันอยากมาแข่งฟุตบอลโลกทั้งนั้น แล้วการเปิดโอกาสให้ทุกชาติ มีลุ้น กับการประสบการณ์แบบนั้นมากขึ้น มันมีอะไรเสียหายตรงไหน
1
ดูจากจำนวนชาติที่ เห็นด้วยกับแนวคิดของสหพันธ์ฟุตบอลซาอุฯ 166 ชาติ ก็พอจะเห็นได้ว่า ชาติเล็กๆ หรือกลางๆ มองว่าจัด 2 ปีครั้ง ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายตรงไหน
[ ฝ่าย 4 ปีครั้ง ]
ฝ่าย 4 ปีครั้งนั้น มองว่าระบบที่เป็นอยู่อย่างปัจจุบันนี้ มันดีที่สุดแล้ว
การที่ฟุตบอลโลกมีมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น ก็เพราะมันเว้นระยะให้คนคิดถึง การจัดทุกๆ 4 ปี เช่นเดียวกับโอลิมปิก ทำให้มันเป็นการรอคอยที่มีความหมาย ถ้าหากจัดทุกๆ 2 ปี แล้วคุณค่าจะอยู่ตรงไหน ในเมื่อบอลโลกเตะถี่มากขนาดนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากฟุตบอลโลกจัด 2 ปีครั้ง มันจะเป็นการทำลายฟุตบอลระดับทวีปลงอย่างสิ้นเชิง เพราะถ้าบอลโลกจัดถี่ๆ แล้วอีเวนต์อย่างคอนคาแคฟ โกลด์คัพ หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ยังจะสำคัญจริงหรือ เพราะแฟนบอลก็หันไปให้ความสำคัญกับฟุตบอลโลกกันหมด
เซบาสเตียน โค ประธานสหพันธ์นักกรีฑาโลก ก็เห็นแย้งเช่นกันโดยกล่าวว่า ถ้าคุณจัดบอลโลก 2 ปีครั้ง มันก็จะชนกับโอลิมปิกนะ จากที่ปกติทุกอย่างจะจัดสรรดีแล้ว ซัมเมอร์โอลิมปิก แล้วสองปีต่อมาก็ซัมเมอร์ฟุตบอลโลก ปลอดภัยไม่ชนกัน แต่พอมันชนกันปั๊บ คราวนี้สปอนเซอร์ จะแบ่งเงินไปลงที่ใครล่ะ มันมีแต่จะเสียหายทั้งสองฝ่ายมากกว่า
สอดคล้องกับประธานโอลิมปิกสากล โธมัส บาค ที่แสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับฟุตบอลโลก 2 ปีครั้ง แน่นอน โอลิมปิกเองก็ชอบที่รูทีนมันเป็นแบบนี้ นักกีฬาประเภทอื่นๆ จะได้ลืมตาอ้าปากบ้าง ไม่งั้นคนก็สนใจเตะนักฟุตบอลอย่างเดียว
ขณะที่ ซโวนิเมียร์ โบบัน ที่ตอนนี้ทำงานอยู่กับยูฟ่ากล่าวจากประสบการณ์ตรงว่า นักฟุตบอลส่วนใหญ่ ที่ไปแข่งทัวร์นาเมนต์ที่ตึงเครียดอย่างบอลโลก หรือยูโรรอบสุดท้าย กว่าจะฟื้นร่างกายคืนสภาพได้เต็มที่ ก็ต้องเดือนพฤศจิกายน แล้วลองคิดดูว่า ถ้าต้องทำแบบนี้ซ้ำๆ ทุกปี มันจะไม่เหนื่อยตายหรอ 4 ปีต้องเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ตลอด มันกลายเป็นเครื่องจักรไปแล้ว
ชาติที่ไม่ค่อยได้ไปบอลโลก อาจจะอยากมีส่วนร่วมกับฟุตบอลโลก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า มีอีเวนต์บอลโลกที กระแสทีมชาติก็คึกคักที ถ้ามีลุ้นได้เข้ารอบบ่อย ก็มีความคึกคักบ่อย
1
แต่บรรดาชาติใหญ่ๆ ที่เป็นขาประจำอยู่แล้ว ชอบระบบที่เป็นอยู่มากกว่า โดยอเล็กซานเดอร์ เซเฟริน กล่าวขู่ว่า "เราตัดสินใจว่าจะไม่ไปร่วมวงกับฟีฟ่าถ้าจัดฟุตบอลโลก 2 ปีครั้ง และเท่าที่ผมทราบ ประเทศจากอเมริกาใต้ก็ไม่เอาด้วยเหมือนกัน ดังนั้นก็ขอให้โชคดีกับฟุตบอลโลกที่ไม่มียุโรปกับอเมริกาใต้ก็แล้วกัน"
1
"ถ้าต้องเล่นทัวร์นาเมนต์ไฟนอลส์ ในทุกๆซัมเมอร์ ไม่มีช่วงหายใจให้พักเลย นักเตะก็ตายเหมือนกัน"
จริงๆ ฟังจากทั้ง 2 ด้านก็เข้าใจได้ ลองคิดเทียบกับประเทศไทยดูนะครับ ช่วงไหนที่มีฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เราจะตื่นเต้นกับการดูบอลมาก ยอดขายตั๋วทีมชาติ เรตติ้งการถ่ายทอดสดจะสูงมาก เพราะฟุตบอลโลกคือความหวังสูงสุด
แต่พอเราตกรอบไปแล้ว ทีมชาติก็เงียบๆ ไม่มีความคึกคักมากนัก ซึ่งในมุมของฟีฟ่าก็คิดว่า แล้วไม่อยากให้มันคึกคักตลอดเวลาหรอ ถ้าได้แข่งโปรแกรมที่มีความเข้มข้นบ่อยๆ ก็มีเวทีให้พัฒนาฝีเท้าให้แกร่งขึ้น และน่าจะได้เห็นชาติใหม่ๆ ทะลุไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากขึ้น
แต่ในมุมของคนที่อยากจัด 4 ปีครั้งก็เข้าใจได้เหมือนกัน เพราะถ้าฟุตบอลโลกจัด 2 ปีครั้ง มันจะทำลายระบบนิเวศของวงการกีฬาทั้งหมด
นักเตะเองก็ลำบากใจ คนจัดอีเวนต์อื่นๆ ก็ลำบากใจ ที่ต้องไปชนกับฟุตบอลโลก ปัญหาน่าจะเยอะกว่าประโยชน์
ในโลกออนไลน์ก็แบ่งความเห็นเป็นสองฝ่ายอยู่ โต้เถียงกันดุเดือดอยู่ทีเดียว และถึงตรงนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปอะไรที่ชัดเจน
#TIMEGAP
โฆษณา