26 ก.ย. 2021 เวลา 12:08 • กีฬา
เยอรมัน ประเทศที่ผู้คนเชื่อว่า มีความซื่อสัตย์เถรตรง แต่ก็เคยมีเคส "กรรมการล็อกผลการแข่งขัน" เกิดขึ้น เรื่องราวเป็นอย่างไร เราจะย้อนอดีตไปด้วยกัน
ในปี 2005 เกิดเหตุการณ์ Match Fixing ที่ร้ายแรงมากๆในยุโรป และคนทั่วโลกให้ความสนใจมากๆ ในคดีของ "โรเบิร์ต ฮอยเซอร์"
ที่ทำให้คนสนใจเพราะเรื่องนี้ เกิดเหตุที่เยอรมัน ประเทศที่ผู้คนเชื่อว่ามีความตรงไปตรงมา ไม่มีทุจริต คือถ้าเรื่องนี้เกิดที่อิตาลี หรืออเมริกาใต้ ก็คงไม่แปลกใจมาก แต่พอมันเกิดที่เยอรมันจึงกลายเป็นข่าวใหญ่ทันที
2
เยอรมันเคยเกิดเรื่องล็อกผลบอลครั้งสุดท้ายคือปี 1970 จากนั้นมาก็ไม่เคยมีข่าวเสื่อมเสียอีกเลย จนมาเกิดเหตุในอีก 35 ปีให้หลังนี่ล่ะ
2
ซึ่งแน่นอน เรื่องนี้สร้างความอับอายอย่างที่สุดให้วงการฟุตบอลเยอรมัน เพราะพวกเขากำลังจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2006 แท้ๆ พอมีข่าวนี้ขึ้นมาทำให้เยอรมันโดนสังคมตั้งคำถามเลยว่า แค่บอลในประเทศยังจัดการไม่ได้ แล้วจะจัดการกับสเกลใหญ่อย่างฟุตบอลโลกได้อย่างนั้นหรือ
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้น ในวันที่ 21 สิงหาคม 2004 เกมเดเอฟเบ โพคาลรอบแรก ระหว่างทีมดิวิชั่น 3 พาเดอร์บอร์น กับทีมจากบุนเดสลีกา ฮัมบูร์ก
เกมนี้ด้วยความที่ฮัมบูร์กเป็นต่อเยอะ เพราะมีตัวดังๆลงเล่นเพียบเช่น แดเนียล ฟาน บุยเต็น, เอมิล เอ็มเพ็นซ่า และ เมห์ดี้ มาห์ดาวิเกีย ทำให้กระแสคนแทงบอลก็เทไปที่ฮัมบูร์กเป็นจำนวนมาก
ฮัมบูร์กออกสตาร์ตได้ดีและนำไปก่อน 2-0 ใน 30 นาทีแรก แต่แล้วนาทีที่ 36 กรรมการโรเบิร์ต ฮอยเซอร์ ควักใบแดงไล่เอ็มเพ็นซ่าออก โทษฐานเถียงกรรมการ ซึ่งเป็นอะไรที่มึนงงมาก จากนั้นก็แจกลูกโทษให้พาเดอร์บอร์นอีก 2 ลูก ในจังหวะที่ไม่มีอะไรเลย จบเกมพาเดอร์บอร์นชนะ 4-2
2
คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือเคลาส์ ท็อปป์โมลเลอร์ เฮดโค้ชของฮัมบูร์ก ที่โดนแฟนบอลตัวเองประณามว่าคุมยังไงให้แพ้ทีมรองบ่อน ต่อจากนั้นไม่นาน ท็อปป์โมลเลอร์จึงโดนสโมสรไล่ออกจากตำแหน่ง
ณ เวลานั้น ไม่มีใครคิดว่า ฮอยเซอร์ จะล็อกผลบอล แม้แต่ตัวท็อปป์โมลเลอร์เอง ก็ยังกล่าวว่า "ผมไม่เชื่อในตอนนั้นว่าการล็อกผลบอลจะเกิดขึ้นจริงในประเทศเรา ผมแค่คิดว่า เป็นวันที่กรรมการตัดสินได้แย่มากเฉยๆ"
1
แต่สิ่งที่ท็อปโมลเลอร์ไม่เคยรู้เลย คือฮอยเซอร์ รับเงินจาก พี่น้องซาปิน่า ซึ่งเป็นมาเฟียโครเอเชียที่ตั้งรกรากอยู่ในเยอรมัน ให้ช่วยล็อกผลบอลให้หน่อย โดยคำสั่งคือให้ล็อกผลในบอลถ้วยที่คนสนใจน้อยกว่า แทนที่จะเป็นบุนเดสลีกาที่มีคนดูทั่วโลก
2
อย่างเช่น ในคู่พาเดอร์บอร์น กับฮัมบูร์ก มาเฟียโครเอเชียเสนอว่า ถ้าฮอยเซอร์ทำให้พาเดอร์บอร์นชนะได้ จะได้รับเงินสดทันที 20,000 ยูโร
อาชีพผู้ตัดสิน ไม่ได้ทำเงินเยอะ เมื่อมีโอกาสเข้ามาแบบนี้ หากเป็นคนที่มีจิตใจทุจริตเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ย่อมหลงใหลไปกับเงินได้ไม่ยาก
1
เมื่อทำได้ครั้งแรก ไม่มีคนจับได้ ทำให้โรเบิร์ต ฮอยเซอร์ย่ามใจ เขาล็อกผลบอลอีกหลายแมตช์ ได้รับเงินอีก 47,000 ยูโร พร้อมกับทีวีพลาสม่าอีกหนึ่งเครื่อง
1
ฮอยเซอร์เริ่มยกระดับด้วยการร่วมมือกับพวกมาเฟียอย่างเต็มตัวในการเดินหน้าล็อกผลบอล อย่างเช่น มีการเอาเงิน 300 ยูโร ไปจ้างเฟลิกซ์ ซวาเยอร์ ไลน์แมนอีกคนให้ช่วยปิดปากเรื่องนี้ให้เงียบ รวมถึงแอบติดต่อกับกรรมการคนอื่นที่น่าจะใช้เงินซื้อได้
1
เกมเดเอฟเบ โพคาล ที่เนิร์นแบร์ก แพ้อาห์เล่น ในลีกา 2 ด้วยสกอร์ 3-2 เขาก็เป็นคนตัดสิน หรือเกมที่อุนเตอร์ฮัคคิ่ง แพ้ซาร์บรู๊คเค่น 3-1 เขาก็ตัดสิน รวมแล้วฮอยเซอร์ล็อกผลบอลไปแล้วรวม 4 แมตช์ ชนิดที่ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
2
เมื่อมีผลการแข่งที่ผิดปกติ สังคมจึงเริ่มมีการจับจ้องมากขึ้น ส่งผลให้กรรมการ 4 คน ที่เคยเกี่ยวข้องกับกระบวนการล็อกผลบอล ได้แก่ ลุตซ์ มิชาเอล โฟรลิช, มานูเอล กราฟ, โอลาฟ บลูเมนสไตน์ และ เฟลิก ซวาเยอร์ ตัดสินใจมาสารภาพกับสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันถึงพฤติกรรมของฮอยเซอร์ เพราะดูทิศทางแล้วไม่ช้าก็เร็ว เรื่องต้องแดงแน่ๆ ดังนั้นรีบมาสารภาพก่อน เพื่อที่อย่างน้อยจะได้ลดโทษจากหนักให้เป็นเบา
4
จุดยืนของกรรมการทั้ง 4 คน คือเป็นคนไปแฉความจริงเอง ดีกว่าโดนคนอื่นมาแฉตัวเอง นั่นทำให้เดเอฟเบ สั่งห้ามฮอยเซอร์ตัดสินทันที และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ
1
ด้วยการกดดันอย่างหนักหน่วง ทำให้ฮอยเซอร์ยอมรับสารภาพ ว่าเขาพยายามล็อกผลบอลมาแล้ว 6 แมตช์ สำเร็จไป 4 แมตช์ และไม่สำเร็จ 2 แมตช์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังทำเงินให้มาเฟียโครเอเชียไปได้ไม่น้อย
ในแมตช์ที่พาเดอร์บอร์น ชนะฮัมบูร์ก 4-2 มาเฟียโครเอเชียไม่ได้จ่ายเงินแค่ซื้อฮอยเซอร์อย่างเดียว แต่เขาซื้อกัปตันของพาเดอร์บอร์นที่ชื่อ ไธจ์ส วอเตอร์ริงค์ด้วย ซึ่งฮอยเซอร์สารภาพว่า เขาบอกวอเตอร์ริงค์ระหว่างเกมว่า 'เฮ้ วอเตอร์ริงค์ ทำอะไรสักอย่างสิ ฉันจะได้ให้จุดโทษ" จากนั้นวอเตอร์ริงค์ก็แกล้งร่วงในเขตโทษ และฮอยเซอร์จึงชี้ให้จุดโทษกับพาเดอร์บอร์นในที่สุด
เมื่อเดเอฟเบสืบได้ข้อมูลแล้ว จึงแจ้งตำรวจให้ไปตรวจค้นที่แหล่งกบดานของมาเฟียโครเอเชีย ซึ่งเป็นบาร์ชื่อ คาเฟ่ คิง ตั้งอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน โดยการตรวจค้น ก็พบหลักฐานว่า มาเฟียโครเอเชียทำเงินจากการทุจริตของฮอยเซอร์ไป 2.7 ล้านยูโร ที่เจียดมาให้ฮอยเซอร์เป็นเศษๆ แค่ราว 3% ของกำไรเท่านั้นเอง
1
การตรวจค้นที่แหล่งกบดาน ทำให้เจอหลักฐานใหม่ๆอีกมากมายว่าฮอยเซอร์ไม่ใช่กรรมการคนเดียวที่ มาเฟียโครเอเชียซื้อเอาไว้ เขาไปซื้อกรรมการอีกคนชื่อ โดมินิค มาร์กส์ ที่ล้มบอลในเกมลีกาสอง ระหว่างคาร์ลสรูห์ กับดุยส์บวร์ก ทำเงินให้พี่น้องซาปิน่าไป 870,000 ยูโร ส่วนกรรมการได้เงินไป 36,000 ยูโร
2
เมื่อความจริงเผยออกมา นี่คือข่าวฉาวอันดับหนึ่งในวงการฟุตบอลเยอรมัน เพราะมันทำให้เห็นว่า ภาพลักษณ์ที่ดูใสสะอาดของบุนเดสลีกา หรือลีกาสอง แท้ที่จริงแล้ว มีเหตุการณ์ทุจริตซ่อนอยู่เพียบเลยจริงๆ
หลังจากทุกอย่างเห็นภาพชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น บทลงโทษของเดเอฟเบ และอัยการที่เยอรมันมีดังนี้
3
- โรเบิร์ต ฮอยเซอร์ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลตลอดชีวิต จำคุก 2 ปี 5 เดือน
- โดมินิค มาร์กส์ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลตลอดชีวิต จำคุก 1 ปี 6 เดือน
- พี่น้องซาปิน่าจากโครเอเชีย โดนจำคุก 2 ปี 11 เดือน
- กรรมการทอร์สเท่น คู้ป ที่ได้รับการติดต่อให้ร่วมทำทุจริต แต่ปฏิเสธฮอยเซอร์ โดนแบน 3 เดือน โทษฐานไม่ยอมมาแจ้งข่าวกับทางการ
2
- กรรมการเฟลิกซ์ ซวาเยอร์ โดนแบน 6 เดือน โทษฐานรับสินบน 300 ยูโรจากฮอยเซอร์
- เดเอฟเบ จะจ่ายเงินให้ฮัมบูร์กเป็นการชดเชยที่ตกรอบเดเอฟเบ โพคาลด้วยความไม่เป็นธรรม จำนวน 2 ล้านยูโร
1
เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน ก็ไม่ปล่อยให้มันเป็นแค่รอยแผลเป็น แต่หาวิธีแก้ไข เพื่อไม่ให้เคสแบบโรเบิร์ต ฮอยเซอร์ เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยวิธีแก้ไขประกอบด้วย
- การประกาศรายชื่อกรรมการ จะทำก่อนการแข่ง 2 วันเท่านั้น เพื่อปิดกั้นโอกาสที่กรรมการจะไปฮั้วกับคนนอก จากเดิมที่จะประกาศ 4 วันก่อนเตะ
- ผู้ตัดสินที่ 4 จากเดิมเป็นใครก็ได้ แต่ต่อไปจะกำหนดให้ผู้ตัดสินที่ 4 ในบอลถ้วย ต้องเป็นผู้ตัดสินระดับบุนเดสลีกาเท่านั้น เพื่อคอยตรวจสอบการทำงานของผู้ตัดสินหลักไปด้วย
- มีการนำวีดีโอรีเพลย์มาใช้แม้จะเป็นกับทีมเล็กๆ
1
- ติดตั้งระบบเบ็ตเรดาร์ กล่าวคือหากใครมีแนวโน้มจะทุจริต ให้ยกเลิกการทำหน้าที่ชั่วคราวเอามาสอบสวนก่อน
- รวบอำนาจการแต่งตั้งผู้ตัดสินให้ขึ้นตรงกับ DFL (เยอรมันฟุตบอลลีก) จากเมื่อก่อน ถ้าเป็นบอลลีกเล็กๆ หรือบอลถ้วย ผู้จัดการแข่งรายการนั้นๆ จะคัดหากรรมการกันเอง
นี่คือรอยด่างพร้อยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของฟุตบอลเยอรมัน และมันทำให้เห็นว่า ต่อให้คนเยอรมันจะได้รับการยกย่องว่าเที่ยงตรง ชัดเจน หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าระบบการจัดการไม่แข็งแรงพอและยังมีจุดอ่อน ก็สามารถเปิดช่องให้คนทุจริตได้อยู่ดี
การโกงนั้น ไม่ใช่แค่น่าอับอายแค่นั้น แต่เป็นการสร้างรอยแผลในใจให้กับคนที่โดนโกงด้วย อย่างเคลาส์ ท็อปโมลเลอร์ ที่โดนฮัมบูร์กไล่ออก หลังจากแมตช์ที่โดนฮอยเซอร์เป่าในเกมแพ้พาเดอร์บอร์น ชีวิตของเขาก็ไม่เคยได้กลับไปคุมทีมสโมสรใดๆอีกเลย เรียกได้ว่าปิดฉากอาชีพไปอย่างเศร้าๆ
มีนักข่าวไปถามว่า ถ้าวันนี้ได้เจอกัน มีอะไรจะบอกฮอยเซอร์ไหม ซึ่งท็อปโมลเลอร์ตอบว่า "ผมไม่อยากที่จะนั่งร่วมโต๊ะเดียวกับเขา ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว"
บทสรุปของเรื่องนี้คือเหตุการณ์ Match Fixing คงยังไม่หายไปจากโลกฟุตบอลเสียทีเดียว แม้ยุคนี้จะมี VAR แล้วก็เถอะ แต่ตราบใดที่การตัดสินยังอิงกับคำว่า "ดุลยพินิจ" มันก็มีช่องว่างที่จะทุจริตได้ตลอด
แต่แน่นอน ในปัจจุบันการทุจริตอาจจะไม่ได้โจ๋งครึ่มแบบโรเบิร์ต ฮอยเซอร์ แต่สามารถทำแบบเนียนๆ แกล้งผิดพลาดสัก 1-2 ช็อต ให้กลมกลืนไปกับเกม ทำให้จับคาหนังคาเขาได้ยาก คือใครจะไปรู้ว่าคุณแอบรับเงินมา หรือผิดพลาดแบบสุจริตจริงๆ
1
ดังนั้นเมื่อไม่รู้ว่าจิตใจคนเป็นอย่างไร สิ่งเดียวที่ฝ่ายจัดการแข่งขันทำได้ คือการวางระบบป้องกันให้ครอบคลุมที่สุด ให้รายได้ผู้ตัดสินอย่างเหมาะสม รวมถึงสร้างคุณค่าให้ได้เห็นว่า การเป็นผู้ตัดสินที่ได้รับการยอมรับจากคนทั้งประเทศ มีความหมายมากกว่าเงินทองชั่วคราวมากนัก
ประเทศที่วางมาตรการได้ดีพอ มีบทลงโทษที่ชัดเจน ปัญหากรรมการทุจริตก็จะลดลง
แต่ในทางตรงข้ามประเทศไหนที่วางมาตรการต่างๆได้ไม่ดีพอ เกมฟุตบอลก็จะวนเวียนกับคำว่า "กรรมการโกง" และ "กรรมการรับเงิน" ซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนี้ไม่สิ้นสุด
#SCANDAL
โฆษณา