27 ก.ย. 2021 เวลา 12:54 • หนังสือ
คุณหญิงมณี สิริวรสาร
ไม่ว่าใครที่เคยได้อ่านหนังสืออัตชีวประวัติของท่านสุภาพสตรีท่านนี้ ต่างย่อมเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่าชีวิตของท่านนั้น ดังกับ ‘ชีวิตเหมือนฝัน’ สมกับชื่อหนังสือที่ท่านเขียนขึ้นในช่วงปลายอายุขัยแล้วยิ่งนัก
‘ชีวิตเหมือนฝัน’ เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของคุณหญิงมณี สิริวรสาร ชีวิตของผู้หญิงสามัญชนคนหนึ่งที่ช่างโลดโผน เหลือเชื่อ แต่ในขณะเดียวกันเส้นทางชีวิตของท่านก็ช่างสวยงามเหมือนโรยไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน
แค่บทแรกเกี่ยวกับประวัติครอบครัวของท่าน คนอ่านก็สัมผัสได้ถึงเรื่องเล่าที่ไม่ธรรมดาของท่านแล้ว เมื่อบิดาคือพระยาราชานุประพันธ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในสมัยรัชกาลที่ 5 ตกหลุมรักเด็กสาวชาวอังกฤษที่มีอายุห่างกันหลายสิบปีชื่อนางสาวดอรีส วินดั้ม
เมื่อความรักสุกงอม ท่านพระยาได้ส่งคุณหญิงและบุตรกลับเมืองไทย และได้พาคู่หมายชาวอังกฤษหนีออกจากบ้านไปจดทะเบียนสมรสกันที่ประเทศฝรั่งเศส เรื่องนี้ส่งผลให้พระยาราชานุประพันธ์ต้องออกจากราชการและไม่กล้ากลับมาเมืองไทยอีกเลยตลอดรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งได้รับพระราชทานอภัยโทษจากในหลวงรัชกาลที่ 6 ในภายหลัง และคุณหญิงมณี คือหนึ่งในสักขีพยานแห่งความรัก เป็นบุตรสาวคนที่สองที่เกิดในปีค.ศ.1915 ในช่วงสงครามโลกครั้งแรก
จากนั้นเรื่องราวชีวิตของคุณหญิงมณีก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทยเมื่อท่านมีอายุได้เพียง 3 ขวบ จากเด็กสาวมาสู่นิสิตสาวของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และชะตาชีวิตก็ได้พลิกผันเมื่อท่านสอบชิงทุนเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศได้ เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศไทยที่สามารถชิงทุนของก.พ.ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษในปีพ.ศ.2478
หลังจากไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษได้ไม่นาน คุณหญิงมณีสามารถสอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด แผนกอักษรศาสตร์อังกฤษหรือ English Literature ได้เป็นผลสำเร็จ เป็นนักเรียนหญิงไทยที่นอกจากจะเก่งแล้วยังเนื้อหอมอยู่ในหมู่นักเรียนไทยด้วยกัน และชีวิตที่เหมือนฝันก็ได้พลิกผันอีกครั้งเมื่อท่านได้พบกับชายหนุ่มรูปงามในงานเลี้ยงรับรองที่สถานทูตไทยในค่ำคืนหนึ่ง คือพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต ซึ่งต่อมาคือเจ้าบ่าวของนางสาวมณี บุนนาค นั่นเอง
คุณหญิงมณีสมรสกับพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต ที่มีศักดิ์เป็นโอรสบุญธรรมของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในเวลาต่อมา และใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันได้ประมาณสามปีเศษ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาตก็ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกสิ้นพระชนม์จากการเป็นนักบินให้กับกองทัพอากาศอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และหลังจากสิ้นพระชนม์ได้หกเดือน คุณหญิงมณีแต่งงานใหม่อีกครั้งกับพระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ ที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆหรือพระเชษฐาองค์โตของสามีคนแรกของท่าน
เมื่อสามีทั้งสองของท่านเป็นโอรสของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ และหนึ่งในนั้นเป็นโอรสบุญธรรมของสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรัพย์สมบัติอันเกิดขึ้นจากพินัยกรรมและกองมรดกทั้งจากสมเด็จพระปกเกล้าฯและสมเด็จวังบูรพาในส่วนของโอรสทั้งสองจึงตกมารวมกันอยู่ที่คุณหญิงมณีแต่เพียงผู้เดียว
ในส่วนของพระราชมรดกของสมเด็จพระปกเกล้าฯนั้น ท่านได้เล่าไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า ได้มีการใช้วิธีจับฉลากอสังหาริมทรัพย์ 20 แปลงระหว่างสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีและคุณหญิงมณีในฐานะตัวแทนของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ โดยให้สมเด็จฯทรงเป็นผู้หยิบก่อน ส่วนฉลากที่เหลือคือของท่าน และในส่วนที่เป็นสังหาริมทรัพย์คือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆนั้น ใช้เวลาถึงสามวันในการแบ่งทรัพย์สินกันเลยทีเดียว และหนึ่งในมรดกที่คุณหญิงมณีได้รับมานั้นคือที่ดินผืนงามจำนวน 10 ไร่ ริมถนนเพลินจิต ที่ปัจจุบันคืออาคารสำนักงาน มณียา เซ็นเตอร์ และโรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ นั่นเอง
คุณหญิงเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง ด้วยสำนวนเรียบง่าย เหมือนกำลังเล่าเรื่องให้คนตรงหน้าฟัง ด้วยสำนวนแทนตัวเองว่า ’ข้าพเจ้า’ ในแต่ละบทแต่ละหน้า นอกจากจะอ่านด้วยความเพลิดเพลินแล้ว เนื้อหายังมีรายละเอียดที่น่าสนใจมากมาย ถือเป็นเกร็ดทางประวัติศาสตร์ที่นำมาใช้อ้างอิงได้อย่างดีเยี่ยม เช่นสังคมและชีวิตของนักเรียนไทยในอังกฤษก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง อาการป่วยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก่อนเสด็จสวรรคต หรือแม้แต่คดีที่รัฐบาลไทยในยุคของจอมพลป. พิบูลสงครามฟ้องยึดพระราชทรัพย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจกว่าที่ระบุเอาไว้ในเอกสารราชการมากมายนัก
‘ชีวิตเหมือนฝัน’ เวอร์ชั่นพิมพ์ครั้งแรก มีทั้งหมดสองเล่มด้วยกัน คือเล่มแรกที่ปรากฏอยู่ในภาพ ส่วนเล่มที่สองคือเรื่องเล่าหลังจากท่านสมรสเป็นครั้งที่สามกับนายแพทย์ประชา สิริวรสารในปีพ.ศ.2503 พิมพ์ขึ้นครั้งแรกในปีพ.ศ.2530 โดยรายได้จากการจำหน่ายมอบให้กับการกุศล
ภายหลังนิตยสารแพรวได้นำมาตีพิมพ์ลงเป็นตอนๆ และพิมพ์ซ้ำขึ้นมาใหม่อย่างน้อยอีกสองครั้งโดยแพรวสำนักพิมพ์ในปีพ.ศ.2544 และสำนักพิมพ์อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่งในปีพ.ศ.2558 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสำนวนที่เรียบเรียงขึ้นมาใหม่จากสำนวนเดิมของท่านโดย ‘นรุตม์’
วันนี้…27 กันยายน เป็นวันครบรอบที่ท่านได้จากโลกนี้ไปเมื่อปีพ.ศ. 2542 ในขณะที่ท่านมีอายุได้ 85 ปี จึงขอนำผลงานชิ้นเอกของท่านที่อ่านสนุกจนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือฝีมือของนักเขียนสมัครเล่นที่ลงมือเขียนหนังสือเล่มนี้ในวัย 70 กว่าปี มานำเสนอให้ได้อ่านกันอีกครั้ง…ด้วยความเคารพและศรัทธา
โฆษณา