28 ก.ย. 2021 เวลา 01:40 • ท่องเที่ยว
Turkey (01) .. เยือน"อิสตันบูล" ยลเสน่ห์เมือง 2 ทวีป
สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) .. ได้รับการขนานนามว่า เป็นทางสองแพร่งของของยุโรปแลดเอเซีย ด้วยเหตุที่เป็นประเทศที่มีพื้นที่ภูมิประเทศครอบคลุม 2 ทวีป คือพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในทวีปเอเชีย ราวร้อย 97 และยุโรป ราวร้อยละ 3 .. มีประชากรร้อยละ 98 นับถือศาสนาอิสลาม เวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง ใช้เงินเตอร์กิชลีรา แต่ก็สามารถใช้เงินยูโรหรือยูเอสดอลล่าร์ได้ในการจับจ่ายใช้สอย
ตุรกมมีพรมแดนทางด้านตะวันออกคิดกับ ประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาร์เซอร์ไปจัน และอิหร่าน .. พรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน .. ส่วนทางด้านทิศตัวีนตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจี้ยน .. ทางทิศเหนือติดกับทะเลดำ
พื้นที่ส่วนใหญ่ของตุรกีตั้งอยู่บนคาบสมุทรอนาโตเลีย .. จึงพบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์อย่างต่อเนื่องมายาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และมีเรื่องราวการแย่งชิงอำนาจเหนือดินแดนแห่งนี้อย่างเข้มข้น ตลอดเวลาหลายทศวรรษ .. จนในที่สุดก็มีการสถาปนาสาธารณรัฐตุรกีสมัยใหม่ใน ค.ศ.1923 โดย อตาร์เติร์ก เป็นประธานาธิบดีคนแรก
ตุรกี .. เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามเมืองทรอย และม้าไม้อันลือลั่นซึ่งเราจะได้จูงมือ คล้องแขนกันไปเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจมากมายหลายแห่ง ในซีรีย์ท่องเที่วตุรกี ในอีกหลายตอนของบทความชุดนี้
ตุรกี สังเขปประวัติศาสตร์
สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) ..เมื่อมองผ่านประวัติศาตร์ จะมองเห็นว่า เป็นประเทศที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมามากมาย
ดินแดนอันเป็นที่ตั้งของตุรกีมีคนอาศัยอยู่มานานตั้งแต่ยุคหินเก่า เป็นเมืองขึ้นมาโดยชาวกรีกเมื่อ 667 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยกษัตริย์ Byzas ซึ่งตั้งชื่อเมืองตามชื่อกษัตริย์ จนเข้าสู่ยุคสมัยของ Alexander the great ก็ยิ่งเป็นดินแดนที่รุ่งเรือง
... ก่อนจะถูกครอบครองและทำลายลงโดยจักรพรรดิคอนสแตนนิโนเปิล แห่งโรมัน พร้อมสร้างกรุงโรมใหม่ (Nova Roma) ย้ายเมืองหลวง พร้อมตั้งชื่อใหม่ว่า เมืองคอนสแตนติโนเบิล ตามชื่อของจักรพรรดิพระองค์แรก จนมาเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันออก ขณะที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกก็ยังมีอยู่ในส่วนปกครองหนึ่งเท่านั้น
... นี่ถือเป็นการตั้งต้นจักรวรรดิไบเซนไทน์ ที่มีเมืองหลวง คือ คอนสแตนติโบเปิล ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดีที่สุด ข้าศึกไม่อาจจะรุกล้ำเข้ามาโจมตีได้ง่ายๆ .. ทำให้จักรวรรดิไบเซนไทน์รุ่งเรืองต่อเนื่องมาอีกนับพันปี ก่อนจะถูกรุกราน โจมตีโดยชาวเติร์ก เข้าสู่ห้วงเวลาถูกครอบครองเป็นอาณาจักรออตโตมันในเวลาต่อมา
“เมืองอิสตันบูล” หรือ “คอนสแตนติโนเปิล” เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า เมืองหลวงที่ไม่มีวันแตกพ่าย ก็ต้องมีอันแตกพ่ายไปด้วยกองทัพออตโตมันอันเกรียงไกร ปิดฉากอันยิ่งใหญ่แห่งจักรสรรดิโรมัน และถือเป็นการสิ้นสุดยุคกลางไปด้วย .. แลเมือง “คอนสแตนติโนเปิล” เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เมืองอิสตันบูล”
ประวัติศาสตร์ความเป็นมาเหนือดินแดนตุรกีในปัจจุบัน อดีตเต็มไปด้วยการสู้รบ สงครามแย่งชิงดินแดน การขยายดินแดน รวมไปถึงการประกาศศิลปะ อารยธรรม .. ความเชื่อศรัทธา ได้หยั่งรากลึกลงสู่แผ่นดินนี้มาอย่างยาวนาน ทิ้งร่องรอยเอาไว้มากมาย จากอาณาจักรโรมัน สู่อาณาจักรออตโตมัน
ล่องเรือรับลม ชมสองทวีปที่บอสฟอรัส
"อิสตันบูล" Istanbul ตั้งอยู่บนช่องแคบ Bosphorus เดิมชื่อว่า Constantinople .. ในสมัยโรมโบราณ อิสตันบูล เคยทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของตุรกีมานานกว่า 1123 ปี จนกระทั่งอาณาจักรโรมันตะวันตก (กรุงโรม) ล่มสลาย .. แต่อาณาจักรโรมันตะวันออกก็ยังสามารถยืนหยัดมาได้อีกกว่าพันปี
.. ต่อมาถูกพวกออตโตมันเติร์ก และมุสลิม ผลัดกันรุกราน จนกลายเป็นรัฐที่ปกครองโดยมุสลิมในที่สุด
อิสตันบูล .. แม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศตุรกี (อังการาคือเมืองหลวงของตุรกี) แต่ อิสตันบูล ก็มีความยิ่งใหญ่และความสำคัญมากมายหลายอย่างด้วยกัน ..
… การเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ รวมถึงการเป็นเมือง 2 ทวีป คือมีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในทวีปเอเชีย และอีกส่วนหนึ่งอยู่ในยุโรป โดยมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งอิสตันบูลออกจากยุโรปและเอเชีย เชื่อมทะเลดำกับทะเลมาร์มาร่า ณ จุดสุดขอบทวีปทั้งสอง .. ทำให้คนรู้จัก อิสตันบูล ไปทั่วโลก
Bosphorus หมายความถึง สายน้ำแห่งผู้กล้า .. ช่องแคบบอสฟอรัสความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร มีความกว้างตั้งแต่ 500 เมตรจนถึง 3 กิโลเมตร .. เป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ กับทะเลมาร์มาร่า ถือว่าเป็นจุดพบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและสุดของทวีปเอเชีย และนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย
ช่องแคบแห่งนี้ นอกจากจะเป็นชัยภูมิและเส้นทางคมนาคมสำคัญ เป็นเส้นทางเดินเรือของเรือขนาดเล็ก ไปจนถึงเนือเดินสมุทร ..
… ณ วันนี้ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของตุรกี ที่มีคนนิยมไปล่องเรือชมทิวทัศน์ของช่องแคบแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับเราที่ทริปนี้ ก็ไม่ขอพลาดเช่นกัน
อยากจะเล่าความสำคัญของช่องแคบฟอสฟอรัสให้ฟังเล็กน้อยนะคะ ..
ชื่อ ช่องแคบฟอสฟอรัส .. มีต้นกำเนิดมาจากเทพปกรณัมของกรีก เล่ากันว่า เทพวูส ได้เกิดมาหลงรักมนุษย์เลอโฉมนางหนึ่งชื่อ “ไอโอ” .. แต่เฮล่า มเหสีของซูส รู้ทัน ซูสจึงใช้มนต์แปลง ไอโอ ให้กลายเป็นวัวเผ่นหนีไป และเมื่อมาถึงจุดนี้ นางวัสไอโอ ได้กระโดดข้ามช่องแคบ จุดนี้จึงได้ชื่อว่า ช่องแคบวัวกระโดด
Bosphorur .. คำว่า Bous ในภาษากรีกหมายถึง “วัว” และคำว่า poros หมายถึงถนนหรือสะพาน
ในส่วนของความสำคัญทาง-ภูมิศาสตร์นั้น .. ช่องแคบฟอสฟอรัสมีความสำคัญมากที่มีผลทางยุทธศาสตร์ ชาติมหาอำนาจต่างๆล้วนอยากครอบครองมาตั้งแต่โบราณ ทั้งกรีก โรมัน เปอร์เซีย ออดตโตมัน รัสเซีย และฯลฯ ด้วยเหตุที่ หากใครได้ครอบครองก็จะสามารถคุมเส้นทางน้ำจากทะเลดำผ่านช่องแคบบอสฟอรัสไปสู่ทะเลมาร์มาร่า (Sea of Marmara) .. แล้วผ่านช่องแคบดาดะแนลส์ไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ในที่สุด
.. ทั้งการค้า การรบ และการสัญจรทางน้ำผ่านช่องแคบฟอสฟอรัส จึงมีค่าดั่งทองคำ จนเกิดการรบขึ้นหลายครั้งในบริเวณนี้ เช่น สงคราม Russo-Turkish War ระหว่างปี ค.ศ.1877-1878 และสงครามระหว่างกองทัพสัมพันธมิตรที่นำโดยออสเตรเลีย สู้กับทหารออตโตมันเติร์กที่ช่องดาร์ดาแนลส์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปี ค.ศ.1915 เป็นต้น
นอกจากนี้ช่องแคบฟอสฟอรัสยังเป็นทางน้ำธรรมชาติ เชื่อมต่อทะเลดำ ออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเส้นทางเคลื่อนย้ายไปหากินของปลานับล้านๆตัว และการไหลเวียนของกระแสน้ำตาม เพื่อให้เกิดสมดุลของระบบนิเวศน์ขนาดมหึมาตามธรรมชาติ
เรามาล่องเรือชมความงามของสองฝั่งช่องแคบในวันที่ฝนตกกำลังตก ..
เรือนำเที่ยวขนาดใหญ่พาฉันและเพื่อนร่วมทางแล่นออกจากท่าเรือใหญ่ที่โล่งโปร่งและสบาย .. เราก็ได้พบกับความสวยงาม ตื่นตาตื่นใจ ของทิวทัศน์ในสองฟากฝั่งทะเลแห่งช่องแคบบอสฟอรัส .. ฝั่งหนึ่งเป็นยุโรป หรือฝั่ง อนาโตเลีย (Anatolia) ฝั่งหนึ่งเป็นเอเชีย หรือฝั่ง Thrace
ผืนน้ำสีเขียวล้ำลึก มีระลอกคลื่นเป็นเกลียวตีคู่ล้อไปกับความเร็วของเรือ ในท้องฟ้ายังมองเห็นเหล่านกนางนวลกางปีกบินท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาไม่ขาดสาย
ท่ามกลางสายฝนและลมแรง ผสมกับความหนาวที่โชยมาจากทะเลเบื้องหน้า .. เราเห็นภาพของอาคารบ้านเรือน คฤหาสน์เก่าสมัยออตโตมันที่เรียกว่า “Yali” ที่สวยเด่นงามสะดุดตา ที่ในความวิจิตรยังแฝงไปด้วยความแข็งแกร่งข้ามวันเวลามายาวนาน และวันนี้ยังคงตั้งเรียงรายอยู่ริมน้ำ
.. โบสถ์วิหารพร้อมเสามิเนอเร่ พระราชวังโดลมาบาห์เชอันตระการตา ป้อมปราการที่สร้างมาตั้งแต่ยุคอาณาจักรออตโตมัน ที่ยังเป็นกำแพงใหญ่ริมน้ำ ชวนให้นึกถึงร่องรอยของความยิ่งใหญ่ในอดีต เหมือนการนำภาพอดีตเมื่อพันปีที่แล้วมาทำซ้ำแล้ววางอยู่ตรงหน้า
... และสิ่งปลูกสร้างต่างๆบริเวณนี้ที่มีทั้งใหม่เก่าผสมกันล้วนต่างสวยงามน่ายลเรียงรายทั้งสองฝั่ง สวยงาม ดูยิ่งใหญ่อลังการบนหน้าฉากประวัติศาสตร์นับพันปีริมน้ำ ... ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
บ้านเรือนทั่วไปทั้งบ้านใหม่-บ้านเก่า .. ต่างปลูกสร้างอย่างเป็นระเบียบไต่ระดับไปบนเนินเขาที่มีบ้านหลังอื่นเป็นแกให้ซึ่งกันและกัน ในขณะที่อาคารบ้านเรือนริมน้ำจำนวนมากต่างก็ดูโดดเด่นสวยงามด้วยสีสันและรูปทรงอันกลมกลืน
อิสตันบูลเป็นเมืองใหญ่เมืองหนี่งของยุโรป จึงเป็นมหานครที่มีคนจากทั่วสารทิศให้ผ่านมาเที่ยวชม .. ทัศนียภาพจากผิวน้ำของช่องแคบฟอสฟอรัสจึงเป็นอีกจุดขายที่สำคัญ และผู้มาเยือนส่วนใหญ่จะไม่พลาดในการออกมาลอยลำเรือ เพื่อดูกายภาพแห่งอดีต และเงาสะท้อนของเมืองปัจจุบัน
ฝนที่ยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย ... ทำให้ภาพที่เรามองเห็นพร่าเลือนไปบ้าง รวมถึงการถ่ายภาพก็มีอุปสรรคไม่น้อย ..
จุดน่าสนใจหลักๆอย่างหนึ่งของช่องแคบแห่งนี้ ... ก็คงจะหนีไม่พ้นสะพานข้ามช่องแคบที่ผู้คนใช้เดินทางไปมาหาสู่กัน ซึ่งมีอยู่ 2 สะพานด้วยกัน สะพานแรกคือสะพานบอสฟอรัส ที่เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1970 เพื่อเชื่อม 2 ทวีปเข้าด้วยกัน ก่อนจะเปิดใช้ครั้งแรกใน ปี ค.ศ. 1973 เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐตุรกี ... สะพานบอสฟอรัส ยาวทั้งหมด 1,560 เมตร มีส่วนที่เป็นสะพานแขวนเหนือช่องแคบยาว 1,074 เมตร
.. ส่วนอีกสะพานหนึ่งคือสะพานสุลต่านเมห์เมต ผู้พิชิต ที่สร้างในปี ค.ศ. 1988 ตั้งอยู่ในบริเวณส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบแห่งนี้
นอกจากสะพานเชื่อมทวีปแล้วช่องแคบแห่งนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นชวนชม .. อย่างเช่น พระราชวังยิลดิซ มัสยิดแห่งตำบลออร์ตาเกย และ สองป้อมปราการอันสง่ายิ่งใหญ่ที่ตั้งอยู่เยื้องๆกันอย่าง ป้อมอนาโดลูทางฝั่งเอเชีย และป้อมรูเมลีทางฝั่งยุโรป
ฉันพาตัวเองไปชมวิวบนดาดฟ้าหัวเรือ แม้สายฝนจะยังพร่างพราว .. สูดกลิ่นอากาศสดชื่นจนเต็มปอด มองวิวแบบพาโนรามาเต็มตา ปล่อยตัวสบายๆ เพลิดเพลินไปกับทุกนาที
ผืนน้ำสีฟ้าครามที่ใสสะอาด ลมเย็นสบายพัดโชยแช่มชื่นตลอดเวลา ... มีนกนางนวลบินฉวัดเฉวียนอยู่ไม่น้อยบนท้องฟ้า ราวกับจะไล่ล่าตามติดท้ายเรืออยู่ทุกขณะ
.. บนผืนน้ำมีเรือยอร์ช เรือสำราญ เรือเฟอรี่ เรือเร็ว และเรือประมงขนาดเล็กของชาวบ้านแล่นกันขวักไขว่ เป็นสีสันของเมือง บรรยากาศของอิสตันบูลขณะล่องเรือชมความงามสองฝั่งช่องแคบบอสฟอรัสสุดแสนจะฟิน ..
วันที่เราล่องเรือ มีคลื่นลมแรง แถมยังมีฝนโปรยปรายลงมาเป็นระยะๆ .. แต่ทว่า การท่องไปเหนือดินแดนที่งามวิจิตรด้วยงานสถาปัตยกรรมใหม่และเก่าทับซ้อนกันทั้งสองฟากฝั่ง เป็นความเพลิดเพลินเฉกเช่นการชมงานศิลป์ดีๆอย่างหนึ่งที่ชาวตุรกีได้ส่งมอบผ่านมือกันมารุ่นแล้ว รุ่นเล่า และมอบให้เป็นสมบัติของคนทั้งโลกได้ชื่นชมร่วมกัน
เราใช้เวลาใน การล่องเรือชมวิวประมาณ 1 ชั่วโมง... ก่อนมาขึ้นฝั่งบริเวณท่าเทียบเรือข้างพระราชวังโดลมาบาห์เช ซึ่งเป็น 1 ใน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอิสตันบูล เพื่อเที่ยวชมความยิ่งใหญ่หรูหราของพระราชวังแห่งนี้
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา