10 พ.ย. 2021 เวลา 01:30 • ไลฟ์สไตล์
เมล็ดกาแฟ จากทวีปแอฟริกา มีอะไรที่น่ารู้จักกันบ้าง ?
“กาแฟ Arabica คุณภาพดี หอมกลิ่นดอกไม้ มีรสชาติออกเปรี้ยวผลไม้นำ”
เอ...ว่าแต่ เพื่อน ๆ หลายคน คงจะสงสัยกันบ้างแหละ
โดยเฉพาะ เวลาที่เราสั่งกาแฟฟิลเตอร์ส่วนใหญ่ ก็ต้องคอยให้พี่บาริสต้ามือโปรแนะนำเรา
และ หลายครั้งเลยนะ… ที่พี่ ๆ เขาแนะนำเราด้วยความอยากให้เรารู้ อยากให้เราอิน ไปกับกาแฟ เมล็ด กลิ่น และ รสชาติ ตามที่เราชอบ
“ตัวนี้ Single Origin จาก เอธิโอเปียครับ”
“คุณพี่ชอบทานแบบไหนครับ ชอบทานเข้ม ๆ ไหมครับ ? ออกหวาน หรือ ออกเปรี้ยว นำดีครับ ?”
“ตัวนี้เป็นเมล็ดพิเศษจากทางร้านเลยค่ะ ขอบอกเลยว่าสายพันธุ์นี้ ไม่ได้นำเข้ากันมาง่ายๆ นะค่าา”
โอเค งั้นพวกเรา InfoStory ขออาสาช่วยเพื่อนๆ หาข้อมูล ในเรื่องราวของ “รู้จัก เมล็ดกาแฟ รอบโลก ฉบับมือใหม่” ผ่านในซีรี่ย์ Infographic สวยๆ
ไม่ว่าจะเป็น กาแฟจากทวีปแอฟริกา เอเชีย หรือ อเมริกา กันอย่างเช่นเคย
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากอ่านเพิ่มเติม ขอเชิญอ่านได้ จากตรงนี้เลยจ้า
ขออนุญาตอ้างอิงถึงประสบการณ์การตามล่าดื่มกาแฟ ของตัวเองเลย
เราเป็นคนชอบดื่มกาแฟโดยเฉพาะ Single Origin มาก ชอบแบบเข้ม แต่ออกเปรี้ยวหน่อยก็จะสะใจดี
หลายครั้งหลายหน เราก็จะพบเห็น และ ได้รับคำแนะนำจากพี่ๆบาริสต้า ว่าให้เราลิ้มลอง กาแฟจากทวีปแอฟริกา ซึ่งจะมีจุดเด่นที่ชัดเจน และ ตอบโจทย์น้องมากที่สุด
จุดเด่นที่ว่านี้ เอาแบบง่าย ๆ ก็คือ เรื่องของกลิ่น ที่จะมีกลิ่นหอมโดดเด่น ในแบบของผลไม้ และ ดอกไม้
รสสัมผัสของกาแฟ ส่วนใหญ่จะมีรสออกเปรี้ยวผลไม้นำ บ้างก็จะมีผสมรสหวานแบบเบอร์รี่ ออกมา
ซึ่งจุดที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่ว่า ทวีปแอฟริกา จะมีเมล็ดกาแฟแค่ Arabica หรือ กาแฟที่มีกรดนำให้รสเปรี้ยว อย่างเดียว
แต่ประเทศอย่าง Uganda, Zambia หรือ Zimbabwe กลับมีผลผลิตกาแฟสปีชีส์ Robusta และ มีรสชาติที่ออกหวานนำอย่างชัดเจน อยู่ด้วยเช่นกัน
หรือ บางประเทศเช่น กาแฟจากประเทศ Kenya ที่รสชาติหวานอมเปรี้ยว บ้างก็ว่าคล้ายไวน์แดง
คือ พวกเราอยากบอกว่า หากเราไปดื่มเพียงอย่างเดียว แต่เราไม่ได้ค้นหาเพิ่มเติม เราก็อาจจะไม่รู้รายละเอียดย่อย ๆ ที่มีความสำคัญอยู่ไม่น้อยเลย
และ พอเรารู้แล้ว แล้วอยากรู้เพิ่ม ทีนี้ เราก็จะสามารถพูดคุยกับพี่ๆบาริสต้า ได้สนุกเลยละ
พอพูดถึงกาแฟในทวีปแอฟริกาแล้ว
ก็คงจะต้องเกริ่นถึงสายพันธุ์กาแฟ Arabica ยอดนิยม ในแอฟริกา กันบ้าง
โดยสายพันธุ์ที่นิยมปลูกส่วนใหญ่จะเป็น เบอร์บอน (Bourbon)
และ สายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาพิเศษ อย่าง SL-28 SL-34 หรือ Geisha เป็นต้น
เอ...พูดไปพูดมา รู้สึกว่า เราอาจจะทำให้เพื่อนๆหลายคนอาจงุนงงตาม กันไปบ้าง
เอาเป็นว่า เบื้องต้นคือ สายพันธุ์กาแฟ จะถูกแบ่งออกไปตาม ลักษณะรูปร่างลำต้น รูปร่างผล ใบ ขนาดของเมล็ดกาแฟ โดยบนโลกของเราจะมีอยู่ มากเกิน 10 ชนิดเลยละ (รวมที่ถูกพัฒนาโดยมนุษย์ด้วยนะ)
ยกตัวอย่างเช่น
สายพันธุ์เบอร์บอน (Bourbon) จะมีลักษณะลำต้นสูงโปร่ง ผิวใบขรุขระมีรอยหยัก ยอดอ่อนมีสีเขียว ผลเชอร์รี่กาแฟ ที่สุกแล้ว จะมีทั้งสี แดง เหลือง และ ส้ม
อันนี้จะเป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาพิเศษ Geisha
ซึ่งต้องขอบอกเพิ่มว่า สายพันธุ์เหล่านี้จะให้ รสชาติ (taste note) จะไม่ได้ออกมาเหมือนกันทุกตัวเลยละนะ ว่าง่าย ๆ คือ มีเอกลักษณ์ และ เสน่ห์ เป็นของตนเอง
ทั้งนี้ อีกส่วนนึงที่สำคัญมาก ในการที่จะกำหนด หรือ ส่งผลกระทบต่อ กลิ่นรส และ บอดี้ของกาแฟ นั่นคือ “การ Process กาแฟ”
การ Process หรือ กระบวนการแปรรูปกาแฟ ที่นำเอาเมล็ดกาแฟออกจากผลเชอร์รี่
เช่น กระบวนการแบบแห้ง (Natural/Dry) กระบวนการแบบเปียก (Wash)
ยกตัวอย่างเพิ่มอีกนิดนึง ว่า ทำไมกระบวนการเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อกลิ่น และ รสสัมผัส
ถ้าเป็นกระบวนการแบบแห้ง ก็จะทำให้กาแฟมีรสชาติหวานออกมา (เพราะจะเกิดกระบวนหมักของน้ำตาลภายในเนื้อเชอร์รี่)
Natural Process
Coffee Natural Process (ขอบพระคุณแหล่งที่มาของภาพจาก http://coffee-education.com/coffee-porcessing/)
2 ภาพด้านล่างนี้ จะเป็น Wash Process
ปิดท้ายเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ การส่งออกของเมล็ดกาแฟ ในทวีปแอฟริกา
(อ้างอิงจากข้อมูล ส่งออกกาแฟของโลกของ Statista ในปี 2019)
3 อันดับประเทศที่ส่งออกกาแฟ มากที่สุดในทวีปแอฟริกา ปี 2019
อันดับที่ 1 คือ “Ethiopia” มีมูลค่าส่งออกที่ 26,000 ล้านบาท
อันดับที่ 2 คือ “Uganda” มีมูลค่าส่งออกที่ 12,246 ล้านบาท
อันดับที่ 3 คือ “Kenya” มีมูลค่าส่งออกที่ 7,700 ล้านบาท
ซึ่ง Ethiopia ถือว่าเป็นเมล็ดกาแฟส่งออก เป็นอันดับที่ 11 ของโลก เลยทีเดียวนะ
ตามหลังเบลเยี่ยม และ อินโดนีเซีย อยู่ไม่เยอะมากเท่าไร
โฆษณา