28 ก.ย. 2021 เวลา 10:36 • ข่าว
น่าสนใจมาก !! 90 % ของผู้ปกครอง สมัครใจให้บุตรหลานฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อรองรับการเปิดเรียน
3
จากกรณีที่สถานการณ์โควิดระบาดต่อเนื่อง ทำให้โรงเรียนต่างๆต้องสอนออนไลน์
เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงบ้าง และมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน
นโยบายการเปิดเทอม (On site) ซึ่งจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน 2564 จึงเกิดขึ้น
ภายใต้นโยบายดังกล่าว มาตรการที่สำคัญคือ การระดมฉีดวัคซีนให้ได้จำนวนมาก ก่อนที่จะเปิดเรียน
โดยมีกำหนดการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 12-17 ปี คือนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนักเรียน ปวช. โดยจะเริ่มฉีดในวันที่ 4 ตุลาคม
รายละเอียดเรื่องดังกล่าว ที่เป็นข่าวร้อนแรงมาตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือ ตกลงวัคซีนตัวไหนฉีดได้ แล้วจะมีผลข้างเคียงมากน้อยอย่างไร
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏณขณะนี้
วัคซีนที่อย.อนุมัติให้ฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป มีสองชนิดคือ Pfizer และ Moderna
ส่วนวัคซีนของ Sinopharm ได้ยื่นขออนุมัติต่อ อย. ในการฉีดสามขวบขึ้นไป อยู่ในระหว่างกำลังพิจารณา
โดยมีราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ฉีด Sinopharm เป็นโครงการวิจัย สำหรับเด็กอายุ 10 ปีขึ้นไปสำหรับ 132 โรงเรียน 108,000 ราย
2
ขณะนี้พบตัวเลขที่น่าสนใจมากคือ ผู้ปกครองที่สมัครใจยินยอมให้บุตรหลานฉีดวัคซีน Pfizer มีจำนวนสูงมากถึง 90%
จากการเก็บข้อมูลในช่วงวันที่ 21-24 กันยายน และสรุปผลในวันที่ 26 กันยายน
1
ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจประกอบดังนี้
ในการระบาดระลอกที่สามตั้งแต่ 1 เมษายน จนถึง 11 กันยายน มีเด็กติดเชื้อทั้งสิ้น 129,165 คน เสียชีวิต 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว
โดยสัดส่วนการติดเชื้อ ทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
เมษายน 2426 คน
พฤษภาคม 6432 คน
มิถุนายน 6023 คน
กรกฎาคม 31,377 คน
สิงหาคม 69,628 คน
1
จะเห็นได้ว่า อัตราการติดเชื้อในเด็กเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเป็นไวรัสสายพันธุ์เดลต้า
ส่วนผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน Pfizer ก็พบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 12.6 รายต่อ 1 ล้านโดส
2
โดยเป็นเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง และพบในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่
ข้อมูลที่มี ทั้งประโยชน์ที่ได้จากวัคซีน และผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดจากวัคซีน
1
ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต่างจิตต่างใจ ว่าจะฉีดหรือไม่ฉีดดี ก่อนจะเปิดเทอม
แต่ขณะนี้พบว่า ทุกครอบครัวก็ได้แสดงเจตจำนงชัดเจน ผู้ปกครองส่วนใหญ่กว่า 90% พร้อมที่จะให้บุตรหลานฉีดวัคซีน เพื่อที่จะไปโรงเรียน
ส่วนในกลุ่มที่ยังไม่สมัครใจฉีด ทางกระทรวงศึกษาธิการก็มีแนวทางดังนี้
1
1) ให้เรียนออนไลน์ที่บ้านต่อไปได้
2) ให้มาที่โรงเรียนได้ โดยควรจะได้ตรวจ ATK ว่ามีผลเป็นลบ และจัดจัดการเรียนการสอนแยกให้เป็นพิเศษ
ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า คงจะมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า จำนวนนักเรียนติดเชื้อที่ฉีดวัคซีน และไม่ฉีดวัคซีนมีมากน้อยแตกต่างกันอย่างไร
และผลข้างเคียงที่พบในต่างประเทศจะพบในเด็กไทยมากน้อยอย่างไร
Reference
1
โฆษณา