Blockdit Logo (Mobile)
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
29 ก.ย. 2021 เวลา 02:15 • ประวัติศาสตร์
“วันดีเดย์ (D-Day)”
“วันดีเดย์ (D-Day)” เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์เหตุการณ์หนึ่ง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2
ผมเคยเขียนเรื่องนี้เป็นซีรีส์ตอนๆ หากแต่ในบทความนี้ จะหยิบยกมาเล่าอย่างย่อๆ จบในตอนเดียวสำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านแบบเป็นตอนๆ ก็อ่านจบได้ในบทความนี้เลยครับ
2
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งดำเนินไประหว่างปีค.ศ.1939-1945 (พ.ศ.2482-2488) “ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด (Operation Overlord)” ซึ่งเริ่มตั้งแต่มิถุนายน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ถึงสิงหาคมปีเดียวกัน ได้จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร และทำให้ยุโรปตะวันตกเป็นอิสระจากการยึดครองของนาซี
2
ยุทธการนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) หรือ “วันดีเดย์ (D-Day)” โดยในยุทธการนี้ ทหารอเมริกัน อังกฤษ และแคนาดากว่า 156,000 นาย ได้บุกขึ้นฝั่งของชายหาดห้าแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลของแคว้นนอร์มังดี (Normandy) ฝรั่งเศส
1
นอร์มังดีในปัจจุบัน
การบุกในปฏิบัติการนี้เป็นหนึ่งในยุทธการที่ยิ่งใหญ่และรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และเป็นปฏิบัติการที่ต้องใช้การวางแผนอย่างรอบคอบ
ก่อนหน้าวันดีเดย์ ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ลงมือ วางแผนทำให้ฝ่ายเยอรมนีเข้าใจผิดเรื่องจุดที่จะบุก เพื่อที่ว่าฝ่ายเยอรมนีจะได้วางกำลังป้องกันไม่ถูกจุด และทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรบุกได้ง่ายขึ้น
ภายในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ภาคเหนือของฝรั่งเศสทั้งหมดก็ได้รับการปลดปล่อย และในฤดูใบไม้ผลิ เยอรมนีก็พ่ายแพ้ต่อสัมพันธมิตร
การบุกนอร์มังดีนี้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดสงครามในยุโรป”
สำหรับเรื่องราวของปฏิบัติการนี้ ต้องย้อนความไปตั้งแต่ช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) เยอรมนีได้เริ่มบุกและยึดครองภาคตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส
ต่อมา สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามในเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) และภายในปีค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ก็ได้กลายเป็นเหมือนความหวังของฝ่ายสัมพันธมิตรในการบุกช่องแคบอังกฤษ
ในปีต่อมา แผนการในการบุกของฝ่ายสัมพันธมิตรก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง และในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)” ผู้นำนาซี ซึ่งก็กังวลว่าสัมพันธมิตรจะบุกแนวชายฝั่งทางเหนือของฝรั่งเศส ก็ได้แต่งตั้งให้ “เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)” เป็นผู้รับผิดชอบการวางกำลังป้องกันการบุกของศัตรูในดินแดนแถบนี้ ถึงแม้ว่าฝ่ายเยอรมันจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าศัตรูจะบุกขึ้นทางไหนก็ตาม
1
ฮิตเลอร์สั่งให้รอมเมลสร้าง “กำแพงแอตแลนติก (Atlantic Wall)” ซึ่งเป็นปราการที่เต็มไปด้วยบังเกอร์ กับระเบิด และเครื่องกีดขวางต่างๆ ทั้งบนบกและใต้น้ำ ตลอดแนวชายฝั่งเป็นระยะทางกว่า 3,800 กิโลเมตร
1
เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel)
ทางด้านฝ่ายสัมพันธมิตร ในเดือนมกราคม ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) “ดไวท์ ดี ไอเซนฮาวร์ (Dwight D Eisenhower)” ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการในปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด โดยในช่วงตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ทำทุกวิถีทางเพื่อลวงให้เยอรมนีเข้าใจผิด คิดว่าจุดที่สัมพันธมิตรตั้งใจจะบุกคือปาส์เดอกาเลส์ ไม่ใช่นอร์มังดี
1
ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทำทุกวิถีทางเพื่อลวงให้เยอรมนีเชื่อเช่นนั้น และเชื่อว่าสัมพันธมิตรอาจจะบุกยังจุดอื่นที่ไม่ใช่นอร์มังดี โดยปฏิบัติการหลอกเยอรมนีนี้ ก็มีทั้งการสร้างฐานทัพปลอมที่อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก็เป็นของปลอม และยังมีการส่งสายลับเข้าไปยังฝ่ายเยอรมนีอีกด้วย
1
ไอเซนฮาวร์ได้เลือกให้วันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) เป็นวันที่จะทำการบุก หากแต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ปฏิบัติการนี้ต้องเลื่อนออกไปอีก 24 ชั่วโมง
ในเช้าวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ภายหลังจากที่พยากรณ์อากาศได้พยากรณ์ว่าในวันต่อไปอากาศจะดี ไอเซนฮาวร์จึงได้สั่งการให้เริ่มปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด
1
ไอเซนฮาวร์ได้กล่าวแก่เหล่าทหาร ซึ่งทหารทุกคนจำได้ขึ้นใจ
“พวกเธอกำลังจะเผชิญกับสงครามครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งเราได้วางแผนกันมาเป็นเวลาหลายเดือน โลกทั้งโลกกำลังจับตาดูพวกเธอ”
ไอเซนฮาวร์พูดให้กำลังใจทหารโดยตบท้ายว่า
“ฉันทำทุกอย่างที่ทำได้ไปแล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอแล้วนะ”
1
ดไวท์ ดี ไอเซนฮาวร์ (Dwight D Eisenhower)
ต่อมาในวันนั้นเอง เรือกว่า 5,000 ลำที่บรรทุกทหารและเสบียง ก็ออกจากอังกฤษ ข้ามไปยังฝรั่งเศส ในขณะที่เครื่องบินอีกกว่า 11,000 ลำ ก็บินอยู่เหนือน่านน้ำ คอยคุ้มกันและสนับสนุนกองเรือ
เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ทหารสัมพันธมิตรนับพันก็ได้อยู่ในบริเวณหลังแนวของศัตรู และทำการคุ้มกันบริเวณสะพานและถนนสายสำคัญ
การบุกเริ่มขึ้นในเวลา 6.30 น. โดยอังกฤษและแคนาดาได้รับคำสั่งให้บุกขึ้นชายหาดสามแห่ง ส่วนสหรัฐอเมริกาก็ได้บุกขึ้นหาดยูทาห์ (Utah) ซึ่งเต็มไปด้วยกำลังป้องกันมหาศาล
เกิดการปะทะกันอย่างหนัก และเมื่อปฏิบัติการจบลง กองทัพอเมริกันก็ได้สูญเสียทหารไปกว่า 2,000 นาย หากแต่ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรกว่า 156,000 นายก็บุกชายหาดนอร์มังดีได้สำเร็จ
ภายหลังปฏิบัติการจบลง ได้มีการประเมินว่าทหารฝ่ายสัมพันธมิตรได้เสียชีวิตไปกว่า 4,000 นาย บาดเจ็บและสูญหายอีกนับพัน
ต่อมา 11 มิถุนายน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ฝ่ายสัมพันธมิตรก็วางกำลังไว้เต็มชายหาดนอร์มังดี โดยมีการวางกำลังทหารไว้กว่า 326,000 นาย ยานพาหนะอีกกว่า 5,000 คัน และเสบียงกับของใช้ต่างๆ อีกกว่า 100,000 ตัน
ทางฝ่ายเยอรมนีนั้น สถานการณ์ก็รวนหนัก โดยผู้บัญชาการหลายนายก็ไม่ได้อยู่บัญชาการ ทำให้กองทัพเริ่มสับสน ฮิตเลอร์เองก็เชื่อว่าการบุกนี้เป็นเพียงการลวงเยอรมนีไม่ให้โจมตีทางด้านอื่น ฮิตเลอร์จึงวางกำลังผิดพลาด มีการเรียกกำลังเสริมมาจากจุดอื่น ทำให้เกิดความล่าช้าและสับสนวุ่นวายไปหมด ในขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยกำลังเสริมที่คอยเข้ามาเติมตลอด
2
ในสัปดาห์ต่อมา กองทัพสัมพันธมิตรก็บุกข้ามชนบทของนอร์มังดี และเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน ก็ได้เข้ายึดท่าเรือแชร์บูร์ก และพร้อมสำหรับการบุกข้ามฝรั่งเศส
ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) กองทัพสัมพันธมิตรก็มาถึงแม่น้ำแซน และทำการปลดปล่อยปารีส อีกทั้งยังสามารถขับไล่กองทัพเยอรมันออกไปจากภาคตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส
2
จากนั้น กองทัพสัมพันธมิตรก็เตรียมบุกเข้าเยอรมนี พร้อมๆ กับที่กองทัพโซเวียตซึ่งมุ่งหน้ามาจากทางตะวันออก
การบุกนอร์มังดีในปฏิบัติการนี้ เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนสำหรับสัมพันธมิตร ทำให้ขวัญกำลังใจฝั่งเยอรมนีตกต่ำ และทำให้การวางกำลังของเยอรมนีผิดพลาด และแผนการวางกำลังป้องกันกองทัพโซเวียตของฮิตเลอร์ก็ไม่สำเร็จ
ต่อมาในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ตอบรับการยอมแพ้ของเยอรมนี โดยก่อนหน้านั้น คือในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ฮิตเลอร์ได้ฆ่าตัวตายไปก่อนแล้ว
โฆษณา