30 ก.ย. 2021 เวลา 16:00 • ปรัชญา
ผีในห้องถาม เมื่อไหร่แกจะนอนสักที?
Revenge Bedtime Procrastination สาเหตุที่ง่วงแต่ไม่ยอมนอน
1
“นอนตีสามทุกวันจะตายไหม?”
“นับวันยิ่งเหมือนซอมบี้ผสมหมีแพนด้าเข้าไปทุกที”
“ถ้าเราโกงเวลานอนได้เหมือนตอนเด็กๆ ที่ใช้สูตรโกงเงินในเกมเดอะซิมส์ (The Sims) ก็คงจะดีน่ะสิ”
1
คุณเป็นคนหนึ่งรึเปล่าที่ถึงแม้ว่า จะเหนื่อยล้ามาทั้งวันมากเพียงแค่ไหน แต่พอตกดึกทีไร หัวใจมันร่ำร้อง เป็นต้องขอระบายความอัดอั้นตันใจด้วยการใช้ชีวิตตอนกลางคืนให้คุ้มซะหน่อย
พฤติกรรมนี้อาจจะดูเหมือนว่า เป็นเพียงแค่อาการธรรมดาใช่ไหมล่ะ แต่แท้จริงแล้ว มันมีชื่อเรียกด้วยนะ โดยมีชื่อเฉพาะว่า ‘Revenge Bedtime Procrastination’ หรือ ‘การผัดวันประกันพรุ่งการนอนโดยสมัครใจ’ นั่นเอง
แนวคิด Revenge Bedtime Procrastination เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2014 จากการศึกษาเรื่อง การแนะนำพื้นที่ใหม่ของการผัดวันประกันพรุ่งการนอน (Bedtime procrastination: introducing a new area of procrastination) ของสาขาคลินิก และจิตวิทยาสุขภาพ มหาวิทยาลัยยูเทรกต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Utrecht University, Netherlands) ทั้งนี้ ในช่วงนั้นเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่เพิ่งจะกลับมาเป็น talk of the town ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ที่หลายคนต้องพบเจอ
ผลสำรวจเมื่อปี 2021 ของฟิลลิปโกลบอลสลีปเซอร์เวย์ (Phillips Global Sleep Survey) ด้วยการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 13,000 คน จาก 13 ประเทศทั่วโลก พบว่า 70 เปอร์เซ็นต์ กำลังประสบปัญหากับการนอนหลับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด และ 37 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า โควิดนั้นส่งผลกระทบต่อการนอนหลับที่ดีของพวกเขา
Revenge Bedtime Procrastination คือพฤติกรรมการ ‘ฝืนตัวเองให้ไม่นอน’ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า เหนื่อยล้า และง่วงนอนอย่างมาก โดยพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการตอบสนองความเครียดรูปแบบหนึ่ง และสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการควบคุมตนเอง (self-control) ที่ทำได้ไม่ดี เป็นผลพวงมาจากที่ในตอนกลางวันนั้น เรารู้สึกไม่มีความสุข ตอนกลางคืนจึงอยาก ‘ล้างแค้น’ ทวงคืนเวลาอันมีค่ากลับมาด้วยการเลื่อนเวลานอนออกไปเรื่อยๆ เพื่อให้มีเวลาชีวิตมากขึ้น
1
ทั้งนี้ ความล่าช้าในการนอนของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่า ชีวิตในตอนกลางวันของคนนั้นเป็นอย่างไร มีความสุข และเครียดมากน้อยแค่ไหน
หลายคนอาจจะคิดว่า การทำแบบนี้ไปนานๆ ก็คงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมล่ะ ก็เหมือนกับการเลื่อนเวลา ทดชั่วโมงการนอนออกไป แล้วค่อยไปนอนชดเชยวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ได้ แต่ที่จริงแล้ว มันส่งผลเสียมากกว่าที่คุณคิดอีกนะ เพราะการอดนอนวันเล็กวันละน้อยนำมาซึ่งผลเสียทั้งต่อร่างกาย และจิตใจของตัวคุณด้วย
แล้วถ้านอนไม่พอ อดนอน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ?
.
- ไม่กระปรี้กระเปร่า ง่วงซึมระหว่างวันทำให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- การคิด การตัดสินใจช้าลง
- ความจำสั้น ขี้หลงขี้ลืม
- หุนหันพลันแล่น เหวี่ยงวีนได้ง่าย
- ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง
- ฮอร์โมนผิดปกติ ระบบการเผาผลาญรวนจนทำให้น้ำหนักสามารถขึ้นได้ง่าย
- อาจนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรัง ยกตัวอย่างเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
ปี 2014 ที่มีการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกอย่างรายการฟีฟ่าเวิล์ดคัป (Fifa World Cup) ได้มีข่าวการเสียชีวิตของแฟนบอลตัวยงชาวจีนรายหนึ่ง ที่มีสาเหตุอันเนื่องมาจากการอดนอนอย่างต่อเนื่องถึง 48 ชั่วโมง หรือราวๆ 2 วัน เพื่อรับชมการแข่งขันอย่างเมามัน
เห็นแล้วใช่ไหมว่า การเลื่อนเวลานอนออกไปสามารถส่งผลเสียต่อตัวเราได้มากมายเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ทางที่ดีนอนให้พอดีกว่าเนอะ อย่าเลื่อนมันออกไปเลย
วันนี้ เราจึงรวบรวม 6 วิธีหักดิบ ปรับนาฬิกาชีวิตของมนุษย์ไม่ยอมนอนมาฝากกัน
1. สร้างสล็อตเวลาหยุดพักลงในปฏิทิน
โดยปกติแล้ว หลายคนคงจะสร้างแต่สล็อตเวลาการทำงานลงในปฏิทินกันใช่ไหม? แต่อย่าลืมนะว่า การพักผ่อนก็มีความสำคัญต่อร่างกายไม่แพ้กัน เพราะถ้าเราไม่พัก ก็คงจะไม่มีเรี่ยวแรงไปทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตต่อได้ ดังนั้น ลองเพิ่มช่วงเวลาหยุดพักลงไปในปฏิทินของคุณดูสิ limit เอาไว้ว่า จะพักสักกี่ชั่วโมง หากเราไม่ลงช่วงเวลาหยุดพักในปฏิทิน หลายคนก็คงเผลอมันจนเพลินอย่างแน่นอน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกือบเช้า ต้องเตรียมตัวขึ้นไปทำงานอีกครั้งแล้ว หลังจากนั้น พอเพิ่มลงไปแล้ว ก็ทำให้มันศักดิ์สิทธิ์โดยการ ‘เคารพขอบเขตของตัวเอง’ ด้วยนะ ถ้าหมดเวลาแล้วก็นอนซะ
2. สร้างกิจวัตรประจำวันที่ดี
สร้างนิสัยการนอนที่ดีด้วยเข้านอน และตื่นนอนให้เป็นเวลา ทั้งในวันทำงาน และวันหยุดสุดสัปดาห์ แน่นอนว่า วันหยุดทุกคนก็คงอยากทำตามใจตัวเองใช่ไหม? แต่คุณคงจะสงสัยอยู่ล่ะสิว่า จะรีบนอนไปทำไม? อีกวันไม่ได้ต้องตื่นไปทำงานสักหน่อย นั่นเป็นเพราะ ถ้าคุณทำลายเวลานอนของตัวเองตั้งแต่วันหยุด พอเช้าวันจันทร์อีกครั้ง การกลับมานอนในเวลาเดิมมันก็คงจะเป็นเรื่องยากมากเลยทีเดียว ก็คงเหมือนกับการเริ่มต้นนับหนึ่งไปถึงร้อยใหม่อีกครั้งยังไงล่ะ
3. งดคาเฟอีนช่วงบ่าย และเย็น
ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ และน้ำอัดลมต่างก็มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสมด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งเจ้าคาเฟอีนเนี่ย เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และทำงานได้ดีตลอดทั้งวัน จะว่าไปมันก็ดีแหละ หากคุณดื่มในช่วงเช้า แต่ถ้าหากคุณดื่มผิดเวลาอย่างช่วงบ่าย และเย็น มันก็จะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ก่อกวนการนอนของคุณ ทำให้เมื่อถึงเวลานอนในตอนกลางคืนแล้ว คุณก็จะรู้สึกไม่ง่วง แถมยังรู้สึกคึกเป็นพิเศษอีกด้วย
4. ลองเปลี่ยนภาษาที่พูด และแน่วแน่กับตัวเอง
ยกระดับภาษาที่ใช้พูดกับตัวเอง หยุดคำพูดที่ไม่ใช่ชัดเจนที่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุให้คุณผัดเวลานอนไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น ฉัน ‘คิดว่าจะ’ ไปนอนตอนสามทุ่ม หรือ ฉัน ‘ตั้งใจจะ’ ไปนอนตอนสามทุ่ม ลองเปลี่ยนเป็น ฉัน ‘จะต้อง’ เข้านอนตอนสามทุ่ม เป็นต้น ยิ่งคุณแน่วแน่กับตัวเองมากเท่าไร มันก็ยิ่งส่งผลให้การกระทำนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริง
5. ตัดขาดจากโลกภายนอก บอกลาอุปกรณ์สื่อสารก่อนนอนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
สร้าง ‘ชั่วโมงแห่งการปิด’ ด้วยการปิดอุปกรณ์ที่มีอินเทอร์เน็ตหรือสื่อโซเชียลมีเดีย รู้แหละว่า คุณกังวล กลัวตกเทรนด์ แต่จะเป็นอะไรไป ในเมื่อตอนเช้าคุณก็สามารถเปิดขึ้นมาได้อีกครั้งไม่ใช่เหรอ? ลองบอกฝันดีกับพวกมันด้วยการ ‘ปิด’ ทุกอย่างลงอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เพื่อตัดสิ่งรบกวนการนอนของคุณออกไป เพราะไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊ก ก็ล้วนแต่มีแสงสีน้ำเงิน (Blue light) ที่สามารถรบกวนการนอนของคุณด้วยกันทั้งสิ้น
6. สร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อการนอนหลับสบาย
ทำให้ทุกอย่างในห้องเอื้อต่อการหลับสบาย ยกตัวอย่างเช่น ใช้ผ้าปูที่นอนที่นุ่มสบาย หรี่ไฟในห้องให้มืดลง ปิดเสียงรบกวนต่างๆ เป็นต้น พูดง่ายๆ ก็คือ ทำยังไงก็ได้ให้มัน ‘น่านอนจนคุณอยากนอน’
.
สมอง และร่างกายเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว ง่วงก็ไปนอน อย่าดันทุรัง ‘หยุดลิดรอนสิทธิ์ของร่างกาย’ ด้วยการทดเวลานอนออกไปได้แล้ว ชั่วโมงการนอนไม่ใช่วิชาคณิตศาสตร์ที่จะคอยมานั่งทด เลื่อนมันออกไปโดยไม่มีผลเหมือนเวลาที่คูณเลขหรอก
กลับกันซะอีก ยิ่งทด คนที่มีแต่เสียกับเสียก็คือตัวคุณเองนั่นแหละ คุณไม่ใช่ยอดมนุษย์นะอย่าลืม ถึงเวลานอนก็นอน กดปุ่ม pause ให้ร่างกายได้พักบ้างเถอะนะคนดี แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมากด play ต่ออีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้
“ถ้าไม่นอนแล้วพรุ่งนี้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนขึ้นมาทำสิ่งที่อยากทำต่อล่ะ?”
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
.
.
“Knowledge is the only way to success”
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามคอนเทนต์เพื่อพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จจาก Future Trends ได้ที่
(อย่าลืมกด See First เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ในทุก ๆ วัน)
#FutureTrends #KnowledgeforSuccess
โฆษณา