21 ต.ค. 2021 เวลา 11:00 • ไลฟ์สไตล์
หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “เงินใช้ซื้อความสุขได้” ซึ่งก็มีส่วนที่จริงอยู่บ้าง แต่ก็มีอีกด้านที่ต้องระวัง การเพลิดเพลินกับการใช้จ่าย จนลืมนึกถึงวินัยทางการเงิน อาจทำให้เกิดหนี้สินพอกพูน กลบความสุขที่มีอยู่จนหายไปหมด แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า การใช้ชีวิตของเราในปัจจุบันนั้น เริ่มส่งสัญญาณเตือนให้ตั้งสติ เพื่อปรับชีวิตให้ยังอยู่ในทิศทางของความสุขได้ต่อไป นี่คือ 7 สัญญาณเตือน ที่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็อาจเสียความสุขของชีวิตได้ ใครเข้าข่ายสัญญาณข้อไหนอยู่บ้างไปดูกัน
7 สัญญาณเตือน ต้องรีบปิด ก่อนความสุขจะหายไป
1. เสพติดความสุขระยะสั้น - บางคนมีความสุขกับการซื้อของที่อยากได้ เห็นอะไรถูกใจแล้วต้องซื้อ ต้องหาเอามาครอบครองทันที พอได้มาแล้วจะมีความสุขมากๆ แต่ดีใจได้เดี๋ยวเดียวก็ไม่ตื่นเต้นกับของนั้นแล้ว เมื่อคิดได้จะหันมาถามตัวเองว่า ซื้อมาทำไมนะ แต่พอเจอของถูกใจ ก็กลับไปซื้ออีก ความสุขแบบนี้เรียกว่าความสุขระยะสั้น ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่เสพติดความสุขแบบนี้อยู่ ทางที่ดีเราควรมองหาความสุขที่ยั่งยืนในระยะยาวมากกว่า
2. ใช้จ่ายเพลินจนไม่รู้ว่ามีหนี้เท่าไหร่ - การใช้บัตรเครดิต ก็เหมือนการนำเงินในอนาคตออกมาใช้ไปก่อน เมื่อครบรอบที่ทางธนาคารตัดยอดการใช้จ่าย ตัวเลขเงินทั้งหมดที่เราใช้ไปก็จะถูกรวบรวมส่งมาบอกเจ้าของบัตรผ่านใบแจ้งหนี้ ซึ่งถ้าเราเป็นคนที่มักเพลิดเพลินกับการรูดบัตร จนไม่เคยรู้ว่าตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมานั้น เราใช้จ่ายเงินในอนาคตของเราไปเท่าไหร่แล้ว ก็อาจจะตกใจกับตัวเลขของหนี้ที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นใช้อะไรไปก็ควรจดบันทึกไว้เสมอ
3. หนี้ส่วนใหญ่เกิดมาจากการบริโภค - สาเหตุของการเกิดหนี้มีมากมาย หลายคนยื่นขอสินเชื่อเพื่อนำไปลงทุนต่อยอดให้ธุรกิจงอกเงย หรือกู้ด้วยวัตถุประสงค์ของการนำเงินนั้นไปใช้อย่างชัดเจน เช่น นำไปใช้ศึกษาต่อ หรือนำไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่สำหรับหนี้ที่มาจากการบริโภคนั้น จะเป็นการใช้เงินไปกับของที่ใช้แล้วหมดไปอย่างการใช้เพื่อกิน ช้อป เที่ยว จ่ายเงินให้กับของที่ไม่สามารถสร้างรายได้กลับมาให้ผู้ใช้เงินได้ ในแต่ละเดือนไม่ควรต้องจ่ายหนี้จากการบริโภคเกิน 15% ของรายได้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นคนที่มีหนี้สินท่วมหัว
4. สภาพคล่องมีปัญหา - การมีสภาพคล่องทางการเงิน คือ การมีความสามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ที่มีกลับมาเป็นเงินสดได้ง่าย หรือมีเงินสดในบัญชีให้ใช้จ่ายได้มากพอจนไม่ทำให้ชีวิตประจำวันต้องสะดุด หากใครที่เริ่มมีปัญหากับสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีเงินเก็บเหลือติดบัญชี หรือมีแต่ของที่เปลี่ยนกลับมาเป็นเงินสดได้ยาก จนต้องไปกู้เงินเพื่อมาเสริมสภาพคล่อง เพื่อตรวจดูว่าเรามีปัญหาเรื่องสภาพคล่องหรือยัง ลองนำ มูลค่าสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง มาหารกับหนี้สินระยะสั้นที่ต้องจ่ายดู หากอัตราส่วนสภาพคล่องน้อยกว่า 1 ก็ควรหยุดก่อหนี้เพิ่มได้แล้ว
5. เริ่มจ่ายหนี้ขั้นต่ำ - สำหรับใครที่นิยมใช้บัตรเครดิต เพราะติดใจข้อดีเรื่องความสะดวกในการใช้จ่าย ไม่ต้องควักเงินก้อนออกไปทันทีก็สามารถได้รับสินค้าและบริการมาแล้ว หากรูดเพลินไม่ได้ระวัง อาจทำให้ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายยอดทั้งหมดเมื่อใบแจ้งหนี้มาถึง จนต้องตัดสินใจเลือกจ่ายเพียงจำนวนเงินขั้นต่ำเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่จะได้รับกลับมาคือ อัตราดอกเบี้ยที่สูงเอาเรื่อง ถ้าเดือนถัดไปยังจำเป็นต้องจ่ายหนี้ขั้นต่ำอยู่อีก ดอกเบี้ยจะงอกเป็นดินพอกหางหมู กลายเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตได้ ดังนั้นถ้าใครไหวก็ควรจ่ายเต็มจำนวนเพื่อเลี่ยงดอกเบี้ยที่จะเข้ามาเป็นภาระให้เราเพิ่มเติม
6. กู้เงินเพื่อใช้แทนรายได้ - เมื่อรายได้ที่มีไม่สัมพันธ์กับรายจ่ายที่สร้างขึ้น แต่ชีวิตยังต้องกินต้องใช้ ทำให้จำเป็นต้องหาแหล่งรายได้ใหม่เพิ่มเติม หากใครทำอาชีพเสริมก็อาจจะพอมีเงินมาจุนเจือได้อีก แต่สำหรับคนที่ไม่มี จนต้องไปพึ่งพาแหล่งเงินกู้ทั้งในระบบและนอกระบบเพื่อให้มีเงินใช้จ่ายต่อไปจนกว่ารายได้หลักจะเข้ามา ทางที่ดีคือต้องหาทางลดรายจ่ายให้ได้มากที่สุด ตัดให้เหลือเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น และการหารายได้เสริมที่ไม่ใช่การกู้มาใหม่ก็เป็นวิธีที่เพิ่มรายได้ที่ปลอดภัยกว่า
7. มีชีวิตแบบไม่สงบสุข - เมื่อเป็นหนี้มากขึ้น ความสุขในการใช้ชีวิตก็ย่อมลดลงเป็นธรรมดา หลายคนเครียดจนมีอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ต้องคอยมาคิดว่าจะหาเงินมาจ่ายได้อย่างไร แถมยังมีความวิตกกังวลว่าจะมีใครตามทวงหนี้หรือเปล่า จนไม่กล้ารับโทรศัพท์เพราะคิดว่า เจ้าหนี้โทรมาทวง สุดท้ายก็รู้สึกอับอายคนรอบข้างหากพวกเขารู้ว่าเราเป็นหนี้แล้วไม่มีเงินจ่าย เรียกว่าการใช้ชีวิตในช่วงนี้ไม่เป็นสุขเลยทีเดียว อะไรที่เกิดขึ้นมาแล้วต้องยอมรับ และใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ ตั้งสติให้ดี ค่อยๆ แก้ปัญหาไป เมื่อสามารถลดความวิตกกังวลได้ ความสุขก็จะกลับมา
หนี้มากมายที่เกิดขึ้นจากหลายแหล่ง สร้างความลำบากให้ลูกหนี้อย่างเราต้องไปตามจ่ายในแต่ละเดือน เมื่อลืมจ่ายก็โดนดอกเบี้ยมาซ้ำเติมชีวิตเข้าไปอีก “การรวมหนี้” อาจเป็นอีกทางออกหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งถ้าคุณสนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
อย่างไรก็ตาม หากเรามีสติ และมีวินัยทางการเงินที่ดี ไม่ใช้จ่ายเกินตัวจนต้องก่อหนี้เพิ่มเรื่อยๆ และอดทนจ่ายหนี้ที่มีอยู่ให้หมด สัญญาณเตือนเหล่านี้จะค่อยๆ หายไป และชีวิตของคุณจะกลับมาสดใส มีความสุขได้อีกครั้ง
โฆษณา