29 ก.ย. 2021 เวลา 13:39 • กีฬา
โทนี่ อดัมส์ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษเป็นคนที่เคยติดเหล้าอย่างหนัก จนชีวิตเกือบจะจมดิ่งไปสู่หายนะ แต่เขากลับตัวทัน นี่คือเรื่องราวที่สำคัญที่สุดอีกเรื่อง ของวงการฟุตบอลอังกฤษเลยทีเดียว
1
โทนี่ อดัมส์ เป็นคนลอนดอนแต่กำเนิด เขาเข้าสังกัดอะคาเดมี่ของสโมสรอาร์เซน่อล ตั้งแต่ 14 ปี ก่อนจะได้ลงเล่นชุดใหญ่เป็นครั้งแรกตอนอายุ 17 ดังนั้น อดัมส์คือนักเตะที่แฟนบอลอาร์เซน่อลภาคภูมิใจ เพราะเป็นผลผลิตโดยตรงของสโมสร
อดัมส์เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ในสไตล์สต็อปเปอร์ เขาตัวสูงใหญ่ ร่างกายแข็งแรงและมีความดุดัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเซ็นเตอร์แบ็กไม่กี่คนในยุคนั้นที่เล่นบอลกับพื้นได้ดีด้วย
ด้วยฝีเท้าอันโดดเด่น ไม่นานนักอดัมส์ก็ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ตามด้วยถูกแต่งตั้งเป็นกัปตันสโมสรอาร์เซน่อลในปี 1988 ตอนอายุแค่ 21 ปีเท่านั้น และเมื่อเขาเป็นกัปตันปั๊บ ก็พาอาร์เซน่อลได้แชมป์ลีก 2 สมัยทันที ในซีซั่น 1988-89 และ 1990-91
โดยรวมแล้ว ชีวิตของอดัมส์ก็ดูสวยงาม ในสนามก็ได้แชมป์ตลอด ผู้คนยอมรับเขาทั่วประเทศ และฐานะการเงินก็ดีเยี่ยม เป็นนักเตะที่ร่ำรวย อย่างไรก็ตาม อดัมส์มีปัญหาเล็กๆ ในชีวิต นั่นคือเขาชอบดื่มแอลกอฮอล์ชนิดที่ไม่สามารถขาดมันได้ แต่ ณ เวลานั้น เขาไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรรุนแรงนัก เพราะมั่นใจว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ดี
อดัมส์ เริ่มดื่มแอลกอฮอล์ตอนอายุ 17 โดยในช่วงแรกเขาดื่มแชนดี้ (เบียร์ครึ่ง ผสมน้ำมะนาวครึ่ง) จากนั้นก็เปลี่ยนจากแชนดี้ มาเป็นเบียร์ Lager ตามด้วยเบียร์ดำ ซึ่งใช้เวลาเรียนรู้ไม่นานนัก อดัมส์ก็ดื่มเหล้าเบียร์เป็นทุกประเภท
การที่อดัมส์เริ่มดื่มนั้น เป็นเพราะธรรมเนียมของนักเตะในยุค 80 คือเวลานักบอลแข่งเสร็จช่วงเย็นวันเสาร์ ก็จะมารวมตัวที่ผับเพื่อดื่มเหล้าเบียร์ร่วมกัน ในยุคนั้นเป็นเรื่องปกติมากที่นักบอลจะดื่มเหล้า เพราะวิทยาศาสตร์การกีฬาและโภชนาการ ยังไม่ได้เข้มข้นเหมือนปัจจุบันนี้ นักบอลก็เหมือนคนทำงานอาชีพหนึ่ง เลิกงานแล้วก็มากินเหล้าสังสรรค์กัน
จากตอนแรก อดัมส์เริ่มต้นด้วยการไปดื่มกับเพื่อนร่วมทีม แต่นานๆเข้า อดัมส์ก็เริ่มเอ็นจอยกับการดื่มเหล้ามากขึ้น แทนที่จะรอเพื่อนนักเตะ เขาไปคนเดียวก็ได้ โดยอดัมส์ เล่าว่า "ผมสมควรจะได้รับการผ่อนคลาย หลังจากทำงานหนักมาตลอดสัปดาห์ คือผมไม่ได้กินเหล้าเพื่อเอาไว้ใช้จีบหญิง หรือไปกินเพื่อเข้าสังคมอะไรทำนองนั้น แต่ผมแค่อยากดื่มเฉยๆ"
ลิมิตในแต่ละคืนของอดัมส์ คือกินไปเรื่อยๆ จนใกล้จะ "ภาพตัด" ก็ค่อยหยุด แล้วโซซัดโซเซกลับบ้าน
รูทีนของเขาในเวลานั้น เมื่อบอลเตะเสร็จในช่วงเย็นวันเสาร์ ก็จะเข้าผับต่อ ไปดื่มเหล้าให้เต็มที่ก่อนจะกลับไปนอน จากนั้นราวๆ 11 โมงของวันอาทิตย์ ที่ไม่มีซ้อม อดัมส์จะตื่นแล้วไปอาบน้ำ ก่อนจะตรงไปเข้าผับต่อทันที และดื่มยาวจนถึงตี 3 ค่อยกลับบ้านแล้วเตรียมตัวไปซ้อมต่อในเช้าวันจันทร์
2
เครื่องดื่มเขาชอบดื่มมากที่สุดคือเบียร์กินเนสส์ โดยค่าเฉลี่ยของอดัมส์คือ 20 ไพนท์ ต่อวัน ( 20 ไพนท์ = 11.3 ลิตร หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คืออดัมส์ ดื่มเบียร์สิงห์ขวดใหญ่ 18 ขวดต่อวันนั่นเอง) และไม่ใช่แค่เบียร์อย่างเดียว อดัมส์ยังสามารถตบท้ายด้วยไวน์อีก 2 ขวด ก่อนจะกลับบ้านอีกต่างหาก
3
อดัมส์เป็นนักฟุตบอลที่ร่ำรวย ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหาเรื่องการใช้เงิน ครั้งหนึ่งเขาตื่นเช้ามา แล้วธนาคารโทรมาแจ้งว่าเมื่อคืนเขาใช้เงินรูดซื้อเหล้าเบียร์ไปทั้งหมด 5,800 ปอนด์ (260,000 บาท) อดัมส์ก็จำไม่ได้ว่าตอนเมาเขาทำอะไรไปบ้าง อาจจะเปย์แหลกให้คนทั้งร้าน แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ก็ชำระเงินไป
1
"บางครั้งผมอยากได้เพื่อนไปดื่มด้วย แต่ถ้าเพื่อนไม่มีเงิน ผมก็จะรับอาสาเลี้ยงเอง ไปถอนเงินสัก 300 ปอนด์ (13,500 บาท) แล้วไปดื่มกัน เรื่องเงินไม่เคยเป็นปัญหาในการดื่มเหล้าของผม"
3
คนที่ไม่มีเงิน อาจต้องคิดคำนวณให้ดี ในการใช้เงินดื่มเหล้าแต่ละวัน แต่กรณีของอดัมส์ เขาอยากดื่มอะไรก็ดื่ม ดื่มเท่าไหร่ก็ได้ ยังไงรายได้ก็เหลือเฟืออยู่แล้ว
1
ชื่อเสียงของอดัมส์เรื่องการดื่มเหล้าเบียร์เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป แต่ประเด็นก็คือแม้จะดื่มหนักแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่เคยขาดซ้อม แถมยังรักษามาตรฐานการเล่นได้ดีมากๆ
1
หนึ่งในตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพชัดเจน เกิดขึ้นในเดือนเมษายนปี 1992 อาร์เซน่อลไปเยือนเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่บรามอลล์ เลน ในเกมมันเดย์ไนท์ โดยตามหลัก นักบอลทั่วๆไปถ้ารู้ว่าจะแข่งคืนวันจันทร์ ก็จะนอนหลับให้เยอะที่สุดในวันอาทิตย์ เพื่อที่วันจันทร์จะได้มีแรงเตะ แต่กรณีของอดัมส์ เขามีรูทีนชีวิตคือ ต้องดื่มให้หนักที่สุดในวันอาทิตย์ ดังนั้นต่อให้มีการแข่งรออยู่ เขาก็ไม่สนใจ เพราะ "วันดื่ม" นั้นสำคัญที่สุด
ดังนั้นในวันอาทิตย์ อดัมส์ก็เลยเข้าผับตามปกติแล้วดื่มเบียร์รัวๆ กว่าจะได้กลับบ้านก็ตี 3 แล้วพอตื่นขึ้นมาสภาพร่างกายของเขาย่ำแย่มาก ขับรถไม่ไหว ต้องให้เรย์ พาร์เลอร์ ช่วยขับรถพาเขาไปที่สนามซ้อมลอนดอน โคลนีย์ จุดรวมตัวนักเตะ ที่จะขึ้นรถบัสไปที่บรามอลล์ เลนพร้อมกัน
แม้สภาพจะดูไม่ไหวแล้ว แต่ในเกมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อดัมส์ ได้ลงเป็นตัวจริง และเล่นได้ดีมาก จนได้รางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดื่มหนักจนแฮงค์อย่างเขา พอลงเล่นฟุตบอล จะยังรักษามาตรฐานได้ดีขนาดนั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักฟุตบอลคือผลงานในสนาม ดังนั้นการที่เขาเล่นได้ดี ไม่มีแผ่ว ทำให้มันเป็นเกราะป้องกันตัวเขาโดยอัตโนมัติ ว่าแม้จะติดเหล้าแต่ก็ไม่ได้ทำให้การงานเสีย
อย่างไรก็ตาม การดื่มเหล้าเบียร์ที่หนักเกินไป ค่อยๆส่งผลกระทบกับตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ทันระวังตัว
ตัวอย่างเช่น ในปี 1992 เขาขับรถไปชนข้างทางที่ถนน M25 ก่อนที่ตำรวจจะวัดลมหายใจ พบว่าอดัมส์มีค่าแอลกอฮอล์สูงถึง 134 mg% ทั้งๆที่ ตัวเลขลิมิตกฎหมายขณะนั้นอยู่ที่ 34 mg% เท่านั้น เกินกว่ากำหนดไปมากกว่า 3 เท่าตัว สุดท้ายอดัมส์โดนยึดใบขับขี่ และโดนจำคุกไป 4 เดือน ก่อนที่จะได้รับโทษแค่ครึ่งเดียวแล้วโดนปล่อยตัวออกมา
หรืออย่างตอนอยู่ในแคมป์ทีมชาติ อดัมส์เคยเมาจัดแล้วนอนสลบในห้อง เขาหมดสภาพถึงขนาดลุกไปปัสสาวะไม่ไหว สุดท้ายปล่อยฉี่ลงในที่นอนดื้อๆเลย จนเตียงเปียกเละไปหมด ซึ่งเรื่องนี้ก็โดนเพื่อนร่วมทีมชาติเอามาล้อขำๆ แต่ตัวอดัมส์รู้สึกว่า มันเป็นอะไรที่น่าสมเพชเวทนาตัวเองมาก
จากนั้นเดือนเมษายน 1993 เขาไปดื่มเหล้าที่ไนท์คลับชื่อ รารา ในย่านไอส์ลิงตัน ปรากฏว่าเมาจัด ร่วงตกบันได จนหัวแตกยับต้องเย็บ 29 เข็ม
ตามมาติดๆ ด้วยการเมาปลิ้นกับเรย์ พาร์เลอร์ จนบุกไปที่ร้านพิซซ่าฮัท แล้วดึงสลักถังดับเพลิงออก แล้วฉีดเล่นไปทั่วร้าน สร้างความวุ่นวายมากมายเต็มไปหมด
หรือในเดือนกรกฎาคม 1994 ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่สหรัฐฯ ซึ่งอังกฤษไม่ผ่านเข้ารอบ อดัมส์จึงมีเวลาว่างดื่มเบียร์เต็มที่ในช่วงพักเบรกฤดูกาล ซึ่งทำให้น้ำหนักเขาเพิ่มไปถึง 91 กิโลกรัม กว่าจะลดลงได้ให้เข้ามาตรฐาน ก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว
แม้แต่ในงานแต่งงานของอดัมส์ กับแฟนสาว เจน เชีย (Jane Shea) เขาเองก็ไม่สามารถสลัดเรื่องเหล้าออกไปได้ โดยงานแต่งของอดัมส์จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดฤดูกาลพอดี ปรากฏว่า 5 วันก่อนพิธี เขาดื่มแบบมาราธอนเที่ยงยันเช้า เมื่อถึงวันแต่งงานเขายังเบลอๆ จนตอนไปยืนหน้าบาทหลวง มีอาการมึนๆ จนเกือบจะทำงานล่มมาแล้ว
แต่ทั้งหมดนั้น ก็ไม่ได้ทำให้อดัมส์แคร์มากเท่ากับเรื่องความสัมพันธ์กับลูกที่เปลี่ยนแปลงไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
โทนี่ อดัมส์ กับ เจน เชีย มีลูกด้วยกัน 3 คน คนแรกเป็นลูกสาวคนโตชื่อแคลร์ ส่วนอีกสองคนเป็นฝาแฝดชื่อโอลิเวอร์ กับแอมเบอร์
เดือนตุลาคมปี 1995 แคลร์อายุ 10 ขวบ ส่วนฝาแฝดเพิ่งอายุ 9 เดือน ในวันนั้น เจนไปธุระต่างเมือง และให้อดัมส์ดูแลเด็กๆ ปรากฏว่าอดัมส์ เมาค้างมาจากเมื่อคืนก่อน แล้วนอนสลบน็อกไปทั้งๆแบบนั้น แทนที่จะทำหน้าที่เฝ้าลูก ซึ่งจังหวะนั้นเองที่แอมเบอร์วัย 9 เดือน คลานไปกินลิปสติกของแม่เข้าไป ลูกสาวคนโตแคลร์ พยายามมาปลุกพ่อ ก็ไม่ตื่น จนเธอต้องโทรหาคุณยายบาร์บาร่า ให้พาแอมเบอร์ส่งโรงพยาบาล นี่เป็นเรื่องราวใหญ่โต ที่ทำให้อดัมส์เองตระหนักว่า แค่รับผิดชอบให้ดูแลลูกเขายังทำไม่ได้เลย
1
จากนั้นสิ่งที่อดัมส์รู้สึกได้อีก คือแคลร์- ลูกสาวคนโต พยายามจะหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้เขา ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ภรรยาอธิบายว่า "ลูกสาวกลัวพ่อตอนเมา" คือไม่ได้จะตบตีลูกหรืออะไร แต่กลิ่นเหล้าและอากัปกริยาต่างๆ ไม่เหมือนกับคุณพ่อที่เธอรู้จัก ทำให้แคลร์มีความหวาดกลัว
2
อดัมส์เล่าว่า "มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากนะ มันเหมือนมีดกรีดกลางใจเลย ผมอยากบอกเขาว่า คุณพ่อรักหนูนะ หนูไม่เข้าใจจริงๆหรอ ว่าคุณพ่อรักหนูแค่ไหน"
1
หลังจากเกิดเหตุปล่อยลูกสาวกินลิปสติกได้ไม่นาน ภรรยาเจน ขอหย่ากับอดัมส์ เธอเองก็ทนไม่ไหวแล้วกับสภาพที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
1
เมื่อการกินเหล้าทำให้ชีวิตส่วนตัวใกล้พังพินาศ ทำให้อดัมส์เริ่มตระหนักได้ว่า อาจถึงเวลาแล้วที่เขาต้องหยุดมันเสียที
จริงๆที่ผ่านมา อดัมส์เคยพยายามจะลด ละ เลิก แต่ก็ทำไม่ได้ พอได้อยู่ใกล้ๆ เห็นบรรยากาศของความสนุกแล้วเขาก็เผลอไผลตลอด พอได้ออกสตาร์ตดื่มแก้วแรก ทุกอย่างก็จะไหลต่อไปเรื่อยๆ จนไปลงเอยแบบเดิมๆ ทุกที เขาอ่อนแอเกินไปที่จะต่อสู้กับอาการติดสุรา มันแพ้ใจตัวเอง
สุดท้ายเมื่อรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ อดัมส์เลยต้องหาคนช่วย
1
หลังจบศึกยูโร 1996 อดัมส์วัย 29 ปี เข้าไปอยู่ในชมรมบำบัดผู้ติดสุรา Alcoholics Anonymous (AA) โดยก่อนที่ชมรมจะรับเขามาเป็นผู้บำบัด จะมีคำถามทั้งหมด 12 ข้อ ให้อดัมส์ตอบด้วยความเป็นจริงก่อน
1- ยอมรับหรือไม่ ว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ มันทำให้เราจัดการชีวิตอะไรไม่ได้เลย เราเหมือนไร้พลังเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน
คำตอบจากอดัมส์ : ใช่ ผมยอมรับ
2- ยอมรับหรือไม่ ว่าการดื่มของเรา ทำร้ายคนรอบข้าง และจากนี้ไปเราจะตั้งใจจริงเพื่อชดเชยที่ทำให้คนรอบตัวเสียใจ
คำตอบจากอดัมส์ : ใช่ ผมยอมรับ
ข้อ 3 4 5 6 7 8 9 10 11 และ 12 อดัมส์ยอมรับทั้งหมด ถึงตรงนี้เขาหลอกตัวเองไม่ได้แล้ว ว่าตัวเองเป็นพวกติดเหล้าของจริง ถ้าไม่ได้ดื่มแล้วมันเหมือนชีวิตขาดหายอะไรไป
แต่เมื่อทบทวนดูแล้ว เขาต้องการให้ชีวิตดีขึ้นกว่านี้ เขาเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษก็จริง แต่ทำไมลูกๆ ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเลย ตรงข้าม สิ่งที่ลูกจะรู้สึกภูมิใจมากกว่า คือเห็นพ่อเลิกเหล้าได้สำเร็จ ดังนั้นเขาก็จะพยายามทุกอย่าง ที่จะเปลี่ยนตัวเองให้ได้
1
การบำบัดของอดัมส์เป็นเหมือนอย่างในภาพยนตร์ โดยกลุ่ม AA จะเอาคนติดสุราจำนวนหนึ่งมาล้อมวงกัน แล้วให้แต่ละคนพูดความในใจว่า ติดเหล้าหนักแค่ไหน และทำไมถึงอยากเลิก อดัมส์เองก็ต้องพูดเช่นกันว่า "สวัสดีผมชื่อโทนี่ และผมเป็นคนติดแอลกอฮอล์"
อดัมส์ไปร่วมกลุ่ม AA มากถึง 100 ครั้ง คือการเลิกเหล้าจำเป็นต้องได้รับกำลังใจอย่างมหาศาลมาก การได้อยู่กับแวดล้อมคนที่พยายามเลิกด้วยกัน มันทำให้เขาไม่ใจอ่อนเผลอไผลไปกับฤทธิ์เหล้าได้ง่ายนัก
นอกจากจะเข้ารับการบำบัดแล้ว อดัมส์ ยังจำเป็นต้องบอกความจริงนี้ให้เพื่อนร่วมทีมรู้ด้วย เพื่อที่ทุกคนจะไม่ต้องชักชวนเขาให้ดื่มแอลกอฮอล์อีก วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 1996 อดัมส์เรียกทุกคนในทีมมารวมตัวกันที่ลอนดอน โคลนีย์ แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา
"ผมบอกพวกเขาตรงๆเลยว่า ผมมีปัญหาเรื่องติดเหล้า และตอนนี้ผมเข้าไปอยู่ในชมรมผู้บำบัดแล้ว ผมขอให้ทุกคนช่วยเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามจะทำด้วย" ซึ่งพอฟังจบทุกคนอึ้งกันไปหมด เอียน ไรท์ เผยว่า รู้แค่ว่าอดัมส์ชอบกินเหล้าเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าจะมีอาการถึงขนาดนี้
หลังอดัมส์บอกเพื่อนร่วมทีม มีนักเตะบางคนปล่อยข่าวนี้หลุดออกไปถึงสื่อมวลชน และกลายเป็นข่าวพาดหัวในวันรุ่งขึ้นว่าอดัมส์ติดเหล้าและเข้ารับการบำบัดอยู่ แต่อดัมส์ตอบกลับว่า "ใช่ หนังสือพิมพ์รู้เรื่อง แต่ผมไม่สน ผมไม่อยากเก็บมันไว้อีกต่อไปแล้ว"
1
เรื่องอดัมส์ติดเหล้า กลายเป็นข่าวใหญ่ที่อังกฤษทันที ใครๆก็พูดถึงประเด็นนี้กัน และในเกมที่อดัมส์กลับมาจากการบำบัดวันแรก เขาลงเล่นให้ทีมอาร์เซน่อลสำรอง เจอกับ เชลซีสำรอง ที่สนามเอ็นฟิลด์ กราวน์ โดยมีกองเชียร์เชลซีราวๆ 200 คนเข้ามาดูด้วย ซึ่งแน่นอนว่า มีเสียงจากแฟนเชลซีล้อเลียนอย่างสนุกสนาน เช่น "วันนี้ดื่มสักแก้วไหม โทนี่" , "ไม่เอาน่าโทนี่ นายมีเหล้าขวดนึงเก็บไว้ใช่ไหมล่ะ" แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ยังแซวเขาด้วยว่า "เอาบัดไวเซอร์สักขวดไหม"
เรื่องโดนแฟนๆ แซว พอผ่านไปนานๆเข้า เขาเริ่มชินขึ้นเรื่อยๆ แต่หนึ่งเคสที่เขาโกรธมาก คือในเกมที่อาร์เซน่อลเจอกับโคเวนทรี่ เขาถูกผู้จัดการทีมของโคเวนทรี่ กอร์ดอน สตรัคคั่น ทำท่ายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพื่อล้อเลียน ซึ่งอดัมส์รู้สึกว่า เฮ้ย คุณก็เคยเป็นนักเตะอาชีพด้วยกัน ทำไมต้องมาแซะกันแบบนี้ด้วยล่ะ ครั้งนั้นเกือบจะมีเรื่องชกต่อยกัน แต่สุดท้ายเหตุจบลงได้ เพราะสตรัคคั่นเอ่ยปากขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก
นี่เป็นเส้นทางวิบาก ที่คนที่ต่อสู้กับการติดแอลกอฮอล์ต้องเผชิญ มันคือคำเหยียดหยัน คำดูหมิ่น แต่เมื่ออดัมส์ตั้งใจจะเลิกแล้ว เขาก็จะต้องผ่านมันไปให้ได้
ในซีซั่น 1996-97 เป็นปีที่โทนี่ อดัมส์ ขาดซ้อมบ่อยที่สุด เพื่อไปเข้าร่วมกิจกรรมกับชมรม AA ซึ่งรองประธานสโมสรเดวิด ดีน และสตาฟฟ์โค้ชทั้ง แกรี่ เลวิน และ แพท ไรซ์ เข้าใจเป็นอย่างดี ทุกคนให้กำลังใจ อยากให้อดัมส์จัดการชีวิตของตัวเองให้ได้ก่อน ส่วนเรื่องฟุตบอลเดี๋ยวก็แก้ปัญหากันไปได้เอง
2
ด้วยความพยายามจนถึงขีดสุด อดัมส์ ไม่ดื่มเหล้าได้ติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี
1
สิ่งที่เขาได้รับในช่วง 1 ปีนั้น อย่างแรกคือ "เวลา" ที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อไม่ต้องไปจมอยู่กับบาร์ อดัมส์จึงไปหัดเรียนกีตาร์และเปียโน ตามด้วยไปเรียนภาษาอิตาเลียนและฝรั่งเศส
อย่างที่สองคือ "ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกๆ" ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ความรักกับเจน จะไม่กลับมาเหมือนเดิม เพราะทั้งคู่หย่าขาดจากกันในที่สุด แต่ในมุมตรงข้าม กับลูกทั้งสามคน แคลร์ โอลิเวอร์ และ แอมเบอร์ เริ่มให้ความสนิทกับเขามากขึ้น พวกเด็กๆ กล้าที่จะอยู่ใกล้กับพ่อมากขึ้น
หลังจบฤดูกาล 1996-97 อดัมส์ พาลูกๆ ทั้งสามคนไปเที่ยวดิสนีย์เวิลด์ที่ปารีส ซึ่งเด็กๆ ก็มีความสุขดี ความพยายามในการเลิกเหล้าของเขา ดูจะผลิดอกออกผลแล้ว
หลังกลับจากดิสนีย์เวิลด์ เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดซีซั่น อดัมส์จึงพาลูกๆ ไปเที่ยวต่อที่เกาะเซนต์ลูเซีย แต่ก่อนจะไปถึงที่หมาย เครื่องบินเจอพายุฝนถล่ม จึงต้องลงจอดชั่วคราวที่สนามบินในแอนติกัว โดยอดัมส์ก็ให้พี่เลี้ยงช่วยดูแลเด็กๆ ทั้ง 3 ส่วนเขาจะไปเดินดูรอบๆ สนามบินเพื่อฆ่าเวลา
1
สนามบินที่แอนติกัวมีขนาดเล็ก ร้านเดียวที่มีอยู่ในสนามบินคือบาร์เหล้า อดัมส์เดินผ่านหน้าบาร์ แล้วหยุดชะงักทันที เพราะเขาเห็นคนดื่มเหล้าอย่างสนุกสนาน เขาไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความสนุกแบบนี้มานานแล้ว มันคือความรู้สึกที่เขาคิดถึงจริงๆ
ตลอดหนึ่งปี เขาหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผับใกล้บาร์มาตลอด เพราะรู้ตัวเองดีว่าบรรยากาศที่คุ้นเคย มันจะดึงให้เขากลับไปดื่มเหล้าจนได้ จึงเอาตัวหนีห่างมาตลอด แต่คราวนี้มันไม่มีทางเลือกจริงๆ สนามบินเล็กๆ มีแค่บาร์เท่านั้น และเขาก็เห็นคนเฮฮากันอยู่ข้างหน้าตัวเองชัดๆ
1
ณ จุดนี้ อดัมส์ก็คิดว่า เขาบินมาเที่ยว เพื่อผ่อนคลาย เอาจริงๆ ถ้าจะดื่มสักแก้วสองแก้วให้เพลิดเพลินก็ไม่น่าจะเป็นไรนะ ตอนนี้ชีวิตของเขาก็ดีขึ้นแล้ว ถ้าเขากินอย่างมีสติ ไม่กินแบบหนักๆ เหมือนเมื่อก่อน มันก็น่าจะโอเคอยู่ไม่ใช่หรือ
อดัมส์ เดินเข้าไปที่บาร์ แล้วบอกบาร์เทนเดอร์ว่า ... ขอซื้อบุหรี่หนึ่งซอง
เมื่อได้บุหรี่มา เขานั่งอัดบุหรี่ 4 ตัว แล้วก็ตัดสินใจเด็ดขาด คือเดินออกจากร้าน โดยไม่สั่งเหล้าหรือเบียร์แม้แต่แก้วเดียว ก่อนจะกลับไปเล่นกับลูกๆ แทน
อดัมส์ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเขาจะไม่กลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆอีก เพราะเขารู้ว่าถ้ามีแก้วแรก ตัวเองจะแพ้ใจตัวเอง และความพยายามที่ผ่านมา 1 ปี ทุกอย่างจะไร้ความหมายไปเลย ที่สำคัญที่สุดเขาไม่อยากให้ลูกผิดหวังในตัวเขาอีกแล้ว
อดัมส์กล่าวว่า "ในวันนั้นผมคิดว่าตัวเองผ่านมันไปได้โดยไม่ดื่ม และจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นอะไร ผมก็จะผ่านไปได้ทั้งนั้น"
1
เมื่อเลิกเหล้าได้อย่างสมบูรณ์ อดัมส์ก็ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ทุกวันอาทิตย์จากที่เคยจมอยู่ในร้านเหล้า เขาก็พาลูกๆ ไปสวนสัตว์ ไปดูหนัง ไปสวนสาธารณะ
1
อดัมส์เล่าว่า "เชื่อไหม ห้างลอนดอน โทรคาเดโร่ ตั้งอยู่กลางลอนดอน ใกล้บ้านผมมากแท้ๆ แต่ผมไม่เคยมาสักครั้งเลยในชีวิต แต่พอเลิกเหล้า ก็มีโอกาสพาลูกมาเที่ยว" และความสัมพันธ์ดีๆ ของพ่อ กับลูกๆ ก็เริ่มผลิบานขึ้นเรื่อยๆ นับจากนั้น
ขณะที่ในสนามฟุตบอล การซ้อมของเขาก็กลับมาอยู่ในระดับที่เข้มข้นที่สุดตามเดิม ก่อนจะช่วยอาร์เซน่อลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในซีซั่น 1997-98 ตามด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ในซีซั่น 2001-02
เมื่อได้แชมป์ในซีซั่น 2001-02 อดัมส์ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเล่นกับอาร์เซน่อลเพียงทีมเดียวจนเลิกเล่นเป็นระยะเวลารวม 20 ฤดูกาล ซึ่งก็ไม่แปลกที่หน้าสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมทุกวันนี้จะมีรูปปั้นของเขาตั้งอยู่
1
ช่วงท้ายๆ ก่อนจะแขวนสตั๊ด อดัมส์ก่อตั้ง Sporting Chance Clinic สถาบันบำบัดสุรา ยาเสพติด และการพนัน สำหรับคนในวงการกีฬาโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังร่วมงานกับ NACOA หน่วยงานการกุศลที่จะคอยซัพพอร์ทเด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ปกครองติดสุราอีกด้วย
3
ขณะที่ในเกมเทสติโมเนียล แมตช์ ที่สโมสรอาร์เซน่อลจัดให้อดัมส์ เพื่อเป็นเกียรติก่อนอำลาวงการ แทนที่เขาจะเก็บเงินค่าเข้าชม 500,000 ปอนด์ เอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว แต่อดัมส์มอบเงินทั้งหมดให้องค์กรการกุศลเกี่ยวกับการบำบัดเหล้า เพื่อที่คาดหวังว่า จะมีคนที่เคยหลงผิด ได้รับโอกาสดีๆ แล้วแก้ตัวใหม่ในชีวิต เหมือนที่เขาเคยได้รับมาก่อน
สำหรับเรื่องแอลกอฮอล์นั้น จริงอยู่ มันมีหลายคนที่แยกแยะได้สบายมาก กินนิดหน่อยพอสนุก ไม่ทำให้ตัวเองจมดิ่งเป็นคนติดสุรา ซึ่งกับคนเหล่านั้น อดัมส์ก็ดีใจด้วย ที่ยับยั้งชั่งใจได้ดี
1
แต่สำหรับเขาเอง เมื่อได้เริ่มแก้วแรกแล้วมันจะหยุดไม่ได้อีก มันจะแพ้ใจตัวเองตลอด ดื่มจนทุกอย่างวินาศเสมอ ดังนั้นเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลิก ก็คิดว่าต้องตัดมันทิ้งเลย ให้จบไปเลย คงจะดีที่สุด
ในหนังสืออัตชีวประวัติที่อดัมส์ เขียนประสบการณ์ชีวิตเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนติดเหล้า เขากล่าวสรุปว่า
"ในฐานะนักฟุตบอล ถ้าคุณเล่นได้เหนือกว่าคู่แข่ง คุณก็จะได้รับชัยชนะ แต่ถ้าเป็นในฐานะคนที่ติดเหล้าล่ะก็ การแข่งครั้งนี้ คุณไม่ต้องสู้กับใคร แค่สู้กับตัวเองเท่านั้น และไม่หวนกลับไปดื่มมันได้ในแต่ละวัน เท่านี้คุณก็เป็นผู้ชนะตัวจริงแล้ว"
1
#REALWINNER
โฆษณา