2 ต.ค. 2021 เวลา 02:50 • หนังสือ
สรุปหนังสือ How to fix a broken heart สูญเสียเท่าไหร่ก็ไม่เสียศูนย์
ฮาวทูเยียวยาตัวเองจากภาวะหัวใจที่แหลกสลาย
หนังสือเล่มนี้ พูดถึงความล้มเหลวของระบบสนับสนุนในการช่วยเหลือคนหัวใจสลาย ถ้าคุณเป็นคนที่หย่าร้างหรือคนในครอบครัวเสียชีวิต ระบบสนับสนุนพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณเต็มที่ไม่ว่าด้านในก็ตาม แต่ถ้าคุณเป็นแค่คนอกหัก หรือสูญเสียสัตว์เลี้ยง ระบบสนับสนุนมักจะตอบสนองคุณแตกต่างออกไป เพราะทั้งสองกรณีนี้ถูกมองว่าไม่ใช่รูปแบบการเสียใจที่ได้รับการยอมรับ ทั้งๆที่มันก็ทำให้หัวใจสลายและเจ็บปวดไม่แพ้กัน นอกจากนร้หนังสือเล่มนี้ยังพูดถึงเทคนิคต่างๆที่จะซ่อมแซมหัวใจที่แตกสลายของเราให้กลับมาดีดังเก่า
Guy Winch นักจิตวิทยา ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ได้ยกตัวอย่างเคสผู้ป่วยหัวใจสลายที่เขาเคยบำบัดหลักๆมา 3 คน
เรื่องราวแรก เป็นเรื่องราวของเคธี หญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยความฝันและมีการศึกษา การงานที่ดี แต่เธอกลับต้องต่อสู้กับมะเร็งเต้านมถึงสองครั้ง เธอรักษาจนหายดีและผ่านมันไปได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง แต่ใจเธอกลับแหลกสลายเมื่อ'ริช'ชายหนุ่มที่เธอกำลังคบหา ขอเลิกกับเธอ แทนที่จะขอเธอแต่งงาน
เมื่อเราหัวใจสลาย สิ่งที่กำหนดความเห็นอกเห็นใจของคนอื่นไม่ได้อยู่ที่ว่า เราเจ็บปวดทางอารมณ์ จริงๆ มากแค่ไหน แต่มันอยู่ที่พวกเขาเชื่อว่า เราควรจะรู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์มากแค่ไหน คนรอบตัวของเรามักหมดความอดทนถ้าเราใช้เวลาฟื้นตัวช้า (กว่าที่พวกเขากำหนด) เมื่อเราสูญเสียความเห็นอกเห็นใจจากคนรอบตัว เราเองก็ซึมซับมัน และหมดความเห็นอกเห็นใจในตัวเองเช่นกัน
เคธีเฝ้าหาคำตอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทำไมเขาถึงเลิกกับเธอ ทั้งๆที่เขาให้คำตอบที่ชัดเจนว่า เขาไม่อาจรักเธอได้
เป็นหนึ่งในความผิดพลาดอย่างที่สุดที่เรามักจะทำเมื่อหัวใจสลาย คือ เราเรียกร้องความช่วยเหลือจากคนรอบตัวมากเกินไป เช่น เอาแต่ถามคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "ทำไมเขาถึงเลิกกับฉัน ทำไมฉันถึงไม่ดีพอ" เรามักหมกหมุ่นกับไม่ยอมรับสิ่งที่ได้รับรู้แล้ว
ดังนั้นไม่ว่าเราจะเจ็บปวดแค่ไหน เราต้องระวังว่า เรายัดเยียด"ภาระ"ให้ระบบสนับสนุนของเรามากเกินไปหรือเปล่า
เรื่องราวที่สอง เป็นเรื่องราวของเบน ผู้สูญเสียพ่อแม่ไป เขาเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่ง 'โบเวอร์' ผู้อยู่ข้างเคียงเขาในยามที่เขาแหลกสลาย เจ็ดปีให้หลัง เจ้าโบเวอร์มีอาการป่วยหนัก เบนใช้ทั้งวันลากิจและวันหยุดของเขาจนหมดเพื่อใช้เวลาอยู่กับโบเวอร์ก่อนมันจะสิ้นใจ เจ้านายของเขากลับไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้เบนในยามที่เขาสูญเสียสัตว์เลี้ยง ไม่เพียงแต่เจ้านายของเขาแต่สังคมโดยรวมก็เลือกที่จะมองข้ามความเจ็บปวดนี้เพราะเห็นว่ามันไม่สำคัญ
เรื่องราวที่สาม เป็นเรื่องราวของลอเรน นักศึกษาแพทย์ผู้มีความนับถือในตัวเองต่ำมากๆ เธอลองเล่นเว็บไซต์หาคู่ยอดนิยม และมีนัดเป็นครั้งแรก แต่คู่นัดของเธอกลับไม่อยากพบเธออีก เธอแหลกสลายเป็นอย่างที่สุด ถึงแม้เธอจะคาดหวังไว้ต่ำก่อนนัด แต่หลังจากนัดแล้ว เธอกลับควบคุมความคาดหวังของตัวเองไม่ได้ นั้นเป็นเหตุผลที่เธอผิดหวังอย่างมาก
เทคนิคที่จะเยียวยาเราจากภาวะหัวใจสลาย
เทคนิคที่ 1
เวลาคนเราหัวใจสลายเพราะความรัก สมองของเราจะตอบสนองเช่นเดียวกับสมองของคนติดยาที่พยายามเลิกเสพโคเคนหรือเฮโรอีน เราจะโฟกัสอยู่กับคนที่ทำให้เราหัวใจสลาย (ยาเสพติด) เช่น เคธีที่อยู่ในภาวะ"ถอนยา"เธอจึงเกลี้ยกล่อมตัวเองให้เชื่อว่า มีเหตุผลอื่นที่ริชเลิกกับเธอ เธอกำลังพยายามให้ยาตัวเองอีกครั้ง
ในปัจจุบันมันง่ายที่จะให้ยาตัวเองโดยการเข้าไปส่อง social media ของคนอื่น แต่เราต้องตะหนักด้วยว่า เรากำลังเล่นกับแผลเก่า เราต้องกำจัดทางเลือกของเราในการทำแบบนั้นด้วยการตัดขาดทุกช่องทางการติดต่อ เพื่อให้ความผูกพันนั้นเจือจางลง
เทคนิคที่ 2
เรามักสันนิษฐานว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด
สิ่งที่เคธีทำคือสันนิษฐานว่าเธอเป็นฝ่ายผิดที่ทำให้ความสัมพันธ์จบลง เธอได้สร้างปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดปกติต่อการสูญเสียและหัวใจสลาย ซึ่งชื่อว่า ภาวะโศกเศร้าซับซ้อน (PCBD)
ทำให้เกิดความคิดเชิงลบ 3 อย่าง คือการตำหนิตัวเอง, มันไม่ถูกต้องในบางระดับ และเราเชื่อว่ามันเป็นความจริง ซึ่งการตำหนิตัวเองในช่วงหัวใจสลายไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะปล่อยให้มันอ้อยอิงอยู่นานแค่ไหน
เทคนิคที่ 3
เรามักทำให้คนที่ทำให้เราหัวใจสลายเป็นคนดีเลิศ ทั้งๆที่เราไม่ควรทำแบบนั้น 'ความโหยหา'ที่เรามีต่อพวกเขาทำให้เขานึกถึงแต่ด้านดีๆและช่วงเวลาดีๆกับพวกเขา ซึ่งเรากำลังเพิ่มความเจ็บปวดของเราเอง และทำให้ฟื้นตัวช้าลง
วิธีที่จะเลิกทำให้คนที่ทำให้เราหัวใจสลายเป็นคนดีเลิศ คือ จงใจสร้างมุมมองที่สมดุลในใจเรา นึกถึงสิ่งที่พวกเขาทำให้คุณเกลียด เพื่อทำให้คุณเห็นข้อบกพร่องของเขาและความสัมพันธ์ มันจะช่วยให้เราปล่อยวางและคลายความวิตกว่าจะไม่มีวันเจอใคร'สมบูรณ์แบบเท่านี้'อีกแล้ว
เทคนิคที่ 4
เรามักจะถอนตัวออกจากผู้คนและกิจกรรมที่เตือนเราถึงสิ่งที่เราสูญเสียไป การหลีกเลี่ยงผู้คน สถานที่ กิจกรรมที่ว่านั้นส่งผลกระทบยิ่งใหญ่ต่อชีวิตเรา เพราะการหลีกเลี่ยงไม่ได้บรรเทาความเจ็บปวด แต่ทำให้มันเพิ่มมากขึ้น เราจำเป็นต้อง 'ชำระล้าง' ความผูกพันของเรา แล้วทวงมันกลับมาใหม่ วิธีที่ดีที่สุดคือ ไปเยือนสถานที่เหล่านั้นภายใต้สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงและแตกต่างออกไป เพื่อสร้างความผูกพันใหม่กับสถานที่นั้นๆ
เทคนิคที่ 5
การยึดติดกับสิ่งเตือนใจคือการยึดติดกับความเจ็บปวด
การยึดติดกับสิ่งของต่างๆและความทรงจำมากมายของคนที่ทำให้เราหัวใจสลายคือการกีดกัน 'แผลตกสะเก็ดทางจิตใจ'
เราต้องปล่อยวางไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดทางอารมณ์เท่านั้น แต่ต้องปล่อยวางความหวัง ต้องบอกลาอย่างจริงจัง และหันหลังให้กับส่วนหนึ่งของตัวเราเองที่เคยเป็นครั้งที่ความรักเรายังคงมีความหมาย
ความเมตตาตัวเองคือการสร้างเสียงภายในใจที่ไม่ตัดสินติเตียน เป็นเสียงที่เมตตา ไม่ใช่ตำหนิตัวเอง เราสามารถตอบสนองความผิดพลาดด้วยความเข้าใจว่า ความผิดและข้อบกพร่องเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์
เทคนิคในการกำจัดความคิดติเตียนตัวเองออกไปคือ ให้นึกภาพตัวเองพูดความคิดเหล่านั้นออกมาดังๆให้เพื่อนรักที่กำลังเจ็บปวดฟัง เราควรขยาดเวลาเราพูดตำหนิตัวเองเช่นเดียวกัน
เทคนิคที่ 6 การเจริญสติเป็นการโฟกัสสภาวะภายในและเหตุการณในปัจจุบัน เป็นรูปแบบของการฝึกสมอง เช่น โฟกัสที่ลมหายใจเข้าออก กลิ่นรอบตัว ลม ดวงอาทิตย์ ยิ่งเราอยู่กับสติของเราได้มากเท่าไหร่ ความคิดเชิงลบก็จะลดลงไปด้วย
สุดท้ายแล้ว ความเจ็บปวดทางจิตใจก็เจ็บไม่แพ้กับความเจ็บปวดทางร่างกาย มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าความเจ็บปวดทางจิตใจเป็นรูปธรรม ผู้คนจะได้รู้จักอ่อนโยนต่อกันมากขึ้น ภาวะหัวใจสลายคงเกิดขึ้นน้อยลง
ใครก็ตามที่กำลังเจ็บปวดจากหัวใจสลาย สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ได้นะคะ ขอให้หายดีขึ้นไวๆ และมีหัวใจที่แข็งแรงดั่งเก่า เป็นกำลังใจให้ค่ะ
#อกหัก #หัวใจสลาย #มูฟออน #เสียใจ
2
โฆษณา