30 ก.ย. 2021 เวลา 22:58 • ท่องเที่ยว
Turkey (03) .. Mosque of Hagia Sophia หรือ พิพิธภัณฑ์ฮายาโซฟีอา
Mosque of Hagia Sophia หรือ พิพิธภัณฑ์ฮายาโซฟีอา … มีอายุราว 1500 ปี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และมักจะถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมของโลกยุคกลาง (ยึดตามวิธีการแบ่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเดิม ที่แบ่งเป็นยุคต่างๆ) อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของวิหารไบเซนไทน์ที่ดีที่สุดของโลก
Hagia Sophia .. ในความหมายของตุรกี เป็นโบสถ์ที่สร้างเพื่ออุทิศแด่ Divide Wisdom (โบสถ์แห่งพระวิสุทธิปัญญา) พระปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ ปัญญาแห่งสวรรค์ที่พระเป็นเจ้าประทานแด่มนุษย์ โดยผ่านพระบุตร พระเยซู
.. นับเป็นโบสถ์ที่สำคัญของจักรวรรดิไบเซนไทน์ แรกสร้างเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ ในสมัยกษัตริย์คอนสแตนตินุส โอรสของจักรพรรดิคอนสแตนติน แต่ถูกเผาราบไปในปี 404 โดยประชาชนผู้โกรธแค้นพระนางยูโดเซีย ที่ถอกถอนนักบุญ จอห์น คริส ซอวทอม ออกจากตำแหน่งบิชอป
.. โบสถ์ในยุคที่สอง ถูกสร้างอักครั้ง ณ ตำแหน่งเดิมโดยจักรพรรดิธีโอโดซัอุส .. แต่ถูกเผาทำลายลงดยกลุ่มกบฏนิคา ในอีก 14 ปีต่อมา
บรรยากาศภายนอกมหาวิหาร ... ม่านฝนอาจจะทำให้บางคนหม่นเศร้า แต่สำหรับเราผู้มาเยือนสถานที่นี้พร้อมสายฝน กลับเต็มไปด้วยคสามตื่นตา ตื่นใจกับสิ่งที่โดดเด่นอยู่เบื้องหน้า จนสายฝนที่กระเซ็นมากระทบผิวกายไม่มีความหมายอีกต่อไป
มหาวิหารที่เห็นในปัจจุบัน เป็นหลังที่สาม สร้างโดยจักพรรดิจัสตอเนียน (Justinian) ในปี ค.ศ. 532 หรือในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 ... โดยอาคารที่เห็นในปัจจุบันเป็นหลังที่ได้รับการบูรณะและขยายให้ใหญ่กว่าเดิม มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมมีโดมใหญ่อยู่ตรงกลาง
สถาปนิกสำคัญชาวกรีก 2 คน คือ อิชีโดรุส (Isidorus) นักคำนวณ และ อันเทนิอุส (Anthenius) ซึ่งเป็นสถาปนิก ได้รับการว่าจ้างให้เข้ามาออกแบบสร้างมหาวิหาร .. ซึ่งออกมาเป็นโดมมหึมาที่มีความสูง 56 เมตร ส่วนกลางของโดมสูง 41.5 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นงานก่อสร้างที่อลังการที่สุดในยุคนั้น เป็นหมุดหมายแห่งโลกในยุคไบเซนต์ไทน์โบราณเลยที่เดียว
.. เป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมการออกแบบ ที่ใช้หินมาตั้งอย่างแข็งแกร่งอยู่บนโครงสร้างขนาดใหญ่ การประดับประดาตกแต่ง ก็ล้วนสรรหามาจากแหล่งที่ดีที่สุด รวมถึงใช้ฝีมือช่างที่ดีที่สุดทุกสาขามาสร้างสรรค์ผลงานความวิจิตร .. ให้เกิดเป็นความงามที่คงอยู่ข้ามกาลเวลา
... ว่ากันว่า มหาวิหารเซนต์โซเฟียซึ่งเป็นสุดยอดของศิลปะไบเซนต์ไทน์ ที่หลอมรวมกับโรมัน เปอร์เซีย และกรีก เข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวอย่างกลมกลืน .. มีความใหญ่โตและอลังการ จนได้ชื่อว่าเป็นจุดศูนย์กลางของโลกเลยทีเดียว
มหาวิหารเซนต์โซเฟีย สร้างขึ้นเป็นโบสถ์ด้วยศรัทธาในศาสนาคริสต์ .. จนกระทั่งเช้าวันที่ 29 พ.ค. ปี ค.ศ. 1453 กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกตีแตก โดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 แห่งอาณาจักรออตโตมัน
.. พระองค์ได้เสด็จไปยังวิหารหลังนี้เพื่อทำละหมาด และโปรดให้ดัดแปลงมหาวิหารเซ็นโซเฟีย ให้เป็นมัสยิดพร้อมทำการสร้างหอสวดมนต์ขึ้นมา 4 หอ อีกทั้งยังส่งผลให้จิตกรรมฝาผนังภาพโมเสคเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนาอันงดงามต้องถูกโบกปูนทับตามความเชื่อของศาสนาอิสลามที่ห้ามมีรูปเคารพ
ในปี ค.ศ. 1923 หลังสิ้นยุคอาณาจักรออตโตมัน ได้มีการสถาปนาสาธารณรัฐตุรกีขึ้น ... วิหารเซ็นโซเฟียถูกปรับเปลี่ยนอีกครั้งกลายเป็น พิพิธภัณฑ์มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมเวลาแล้วที่นี่เคยเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ถึง 916 ปี และมัสยิดของศาสนาอิสลามอีก 447 ปี ก่อนจะกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์จนถึงปัจจุบัน
Hagia Sophia ... มีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬาร จนต้องแหงนมองคอตั้งบ่า มีโดมครึ่งวงกลมสีเงินยวงอยู่สูงจากพื้นดินถึง 55.6 เมตร พร้อมเสามิเนอเรตขนาดใหญ่อีก 4 ต้น
เซนต์โซเฟียในวันฝนตก .. ภายนอกอาจจะดูเรียบๆ
ภายในบรรยากาศดูจะไม่สดใส ออกจะดูเก่าทึมๆ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุจากการเนื่องจากการขาดการดูแลอย่างเต็มที่ ... แต่ว่าก็ยังคงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม
ประตูจักรพรรดิและภาพเขียนโมเสค .. เป็นภาพโมเสค รูปจักรพรรดิ ลิโอที่ 7 ก้มลงกราบพระเยซู โดยทางซ้ายเป็นพระแม่มารี .. กระตูนี้ในยุคไยเซนำทน์จะอนุญาตให้เฉพาะจักรพรรดิเท่านั้นที่ผ่านได้
เมื่อเดินเข้าไปในโดมของเซนต์โซเฟีย บริเวณ Coronation Square .. เรารู้สึกได้ทันทีว่า ที่นี่ช่างยิ่งใหญ่อลังการเสียจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแสงสลัวที่ลอดผ่านเข้ามาทำให้สีทองและสีน้ำเงินภายในเพดานของโดมและฝาผนังเรืองรอง สุกปลั่ง
.. เรายืนมองด้วยความทึ่ง กับภาพของเพดานโค้งประดับโมเสกสีทอง สะท้อนแสงเทียนนับพันเล่ม ดวงไฟนับร้อยภายในวงล้อโคมไฟ หรือ โดมแขวนขนาดมหึมากลางวิหาร ที่อยู่ภายใต้หลังคาโดมที่ใหญ่โตอลังการ ทำให้ตัวอาคารเปล่งประกายเรืองรอง .. ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมแบบไบเซนไทน์ เป็นจุดที่เด่นที่สุดของ สุเหร่าเซนต์โซเฟีย
มองไปรอบๆ .. งามศิลป์แบบต่างๆ มีความวิจิตร ไม่ว่าจะเป็นรูปสลักบนเนื้อหิน กระเบื้อง กระจกสี งานปูนปั้น เส้นสายลายสี ถูกจับวางให้มีความมลังเมลืองอยู่รอบๆตัว รวบรวมและสะท้อนความเป็นมาของผู้คนที่ผ่านมาเป็นประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ผ่านข้ามวันเวลา
.. จากยุครุ่งเรืองแห่งอาณาจักรโรมันตะวันออก ไบเซนต์ไทน์ จนถึงอาณาจักรออตโตมันอันเกรียงไกร .. แผ่นดินดำเนินไปบนไฟของสงครามแย่งชิงดินแดน .. คำประกาศแห่งอำนาจ การเปลี่ยนขั้ว ศรัทธาความเชื่อทารงศาสนา เปลี่ยนผ่านทางศิลปะ .. เหมือนเรามองดูภาพในหนังที่เลื่อนผ่านไปบนแผ่นฟิล์ม
.. มหาวิหารเซนต์โซเฟีย กลายเป็นมัสยิด ... เปลี่ยนเสียงสวดมิสซาเป็นเสียงละหมาด
.. โดมอันสุดยิ่งใหญ่อลังการที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก .. มีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป ซึ่งนับเป็นเทคนิคการก่อสร้างที่ถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น ซึ่งว่ากันว่า เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เซนต์โซเฟียได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมของโลกยุคกลาง
หวนคิดไปถึงความเป็นมา และเรื่องราวที่น่าทึ่งของที่นี่ .. เซนต์โซเฟีย จึงเป็นมหาวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์ ตรึงตา กระทบใจผู้คนที่เคลื่อนไหวมาพานพบ
บริเวณรอบบัลลังก์จักรพรรดิ ถือเป็นศูนย์กลางของโลก .. เมื่อเดินผ่านโถงทางเข้า ซึ่งมีภาพโมเสกดั้งเดิมของโบสถ์อยู่ ก็จะเข้าสู่โถงกลางกว้างใหญ่ ซึ่งจารึกพระนามกาหลิบยุคแรกและได้เป็นประจักษ์พยานการเปลี่ยนโถงกลางโบสถ์เป็นโถงละหมาดในปี 1453
ภายในเซนต์โซเฟีย .. มีภาพที่เกี่ยวเนื่องของศาสนาคริสต์และอักษรอิสลามอยู่คู่กัน
.. ภาพโมเสคที่ยอดโดม : ภาพพระแม่มารีกำลังอุ้มพระเยซู ผลงานชิ้รเอก สร้างโดย แพทเทรียอาช โพทุส (Patriach Photius) ในสมัยจักรพรรดิ ไมเคิลที่ 3 และเบซิลที่ 1 .. เชื่อกันว่า เป้นภาพเขียนที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ จาดภาพเขียนเดิมในช่วงศตวรรษที่ 6
… ตัวอักษรของศาสนาอิสลาม : เป็นตัวอักษรที่สรรเสริญพระเจ้า อยู่โดยรอบโถง
ว่ากันว่า หลายร้อยปีหลังจากวิหารถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิด และภาพโมเสกของคริสต์ศาสนาได้ถูกปกปิดเอาไว้ด้วยการโบกปูนขาวทับภาพเหล่านี้เอาไว้ ในสมัยสุลต่านเมห์เมตรที่ 2 .. แต่กลับกลายเป็นการรีกษาภาพเหล่านี้โดยไม่ตั้งใจ
... มหาวิหารแห่งนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมในสมัยสุลต่านอับดุลเมจิตที่ 1 เมื่อปี 1930 .. ชิ้นส่วนโมเสกล้ำค่า ซึ่งเป็นศิลปะชิ้นนเอกในยุคไบเซนต์ไทน์ใต้โดมใหญ่ ซี่งถูกลบอยู่ใต้ผนังปูนขาวเพื่อปกปิดอะยาโซฟีรูปลักษณ์ที่อยู่นอกเหนือศรัทธาของศาสนาอิสลาม แต่เป็นศิลปะเอกของคริสต์ศาสนาที่อยู่ในสถานที่ประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์ของมุสลิม .. จึงได้เผยแมออกมาให้เห็น
โถงทางเดินขึ้นไปชั้นสองขอบอาคาร
ที่บริเวณแกลเลอรี่ .. มีชิ้นงานโมเสกชั้นยอดที่งามเด่นที่สุดบนผนังทางด้านฝั่งตะวันออก เป็นภาพของพระเยซูกับนักบุญจอห์นเดอะแบบติส และพระแม่มารีผู้นฤมล
.. ภาพพระเยซู ยืนอยู่ระหว่าง จัดรพรรดิคอนสแตนตินที่ 9 และพระนางเจ้าโซ
.. ภาพวันพิพากษา : เป็นภาพ้ขียนในศตวรรษที่ 12 พระเยซูยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพระแม่มารี และเซนต์จอห์น .. ภาพเขียนเสียหายเป็นส่วนใหญ่
.. ภาพของทูตสวรรค์ เขียนในศตวรรษที่ 9 อละมีบางส่วนที่จางหายไป
… ภาพเขียนในศตวรรษที่ 12 เป็นภาพพระแม่มารี ยืนอยู่ระหว่าง จักรพรรดิโจนาเบส คอมเนนุส แบะพระนางเจ้าไอรีน โดยกำลังอุ้มของจักรพรรดิที่มีขื่อว่า อเล็กเซีนส
บริเวณวิ้งสุดท้ายในห้องเดียวกัน มีภาพโมเสกของจักรพรรดินีโซอีกับพระสวามี คือ จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 9 โมโนมาคัส พระพักตร์ขององค์จักรพรรดินั้นสร้างทับใบหน่าสามีของโซอีคนแรก คือ หนุ่มเลี้ยงม้าชื่อ โรมานุส ผู้โปรยเสน่ห์ลวงสาวโสดวัยห้าสิบ แล้วคิดจะกำจัดนาง แต่ไม่สำเร็จ เขาจึงถูกลบออกไปจากทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบัลลังก์ไปตลอดกาล
บนผนังเหนือประตูทางออก .. มีโมเสกรูปจักรพรรดิคอนสแตนตินถวายเมืองอิสตันบูลแด่พระแม่มารีและพระบุตร ขณะที่จักรพรรดิจัสติเนียนถวายโบสถ์
ในช่วงที่ตุรกีเปลี่ยนการปกครองจากระบอบสุลต่าน มาเป็นระบอบสาธารณรัฐที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข .. มุสตาฟา เคมาล (Mustafa Kemal) หรือ เคมาล อตาเติร์ก ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งตุรกีสมัยใหม่ .. เห็นว่า เซนต์โซเฟียผ่านเบ้าหลอมทั้งจากศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม เพื่อป้องกันการอ้างสิทธิ์จนนำไปสู่ความขัดแย้ง จนอาจจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง .. อตาเติร์ก จึงประกาศให้ เซนต์โซเฟีย เป็นพิพิธภัณฑ์ พร้อมกับให้ล้างปูนขาวที่ปกคลุมงานศิลปะที่ล้ำค่าออกจนหมด
... ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่จึงเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง กลายเป็นสถานที่สำคัญที่ทั้งชาวคริสต์และอิสลามต่างเข้ามาย้อนรำลบูชาพระเจ้า ภายใต้ศรัทธาที่ผสมกลมกลืนภายใต้โดมเดียวกัน
นักท่องเทียวแรมทางมาอย่างพวกเรา โชคดีที่มีโอกาสได้เข้ามารับรู้เรื่องราวด้วยสายตา ... ผ่านลวดลายประดับต่างๆ ช่องแสงประดับกระจกสีอันสวยงาม รวมไปถึงร่องรอยของภาพโมเสคอันสวยงามที่ในยุคปรับเปลี่ยนจากโบสถ์เป็นมัสยิด ที่วางตัวอยู่ในแต่ละมุม ภายใต้ความโค้งของโดมที่วิจิตรอลังการ
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา