2 ต.ค. 2021 เวลา 02:00 • บ้าน & สวน
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่แถวถนนหนองฮ่อ จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะพื้นที่บริเวณนั้นเป็น “ตีนดอย” อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่ยังแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สงบสวยงาม จึงสร้างเป็นบ้านตากอากาศสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 3 คน พ่อแม่ลูก ซึ่งปกติอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมที่กรุงเทพฯ สำหรับมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว
คุณโป้ง – สการ จัยวัฒน์ สถาปนิกและผู้ก่อตั้งบริษัทสถาปนิก สการ จัยวัฒน์ จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นออกแบบบ้านว่า “เป็นบ้านตากอากาศสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 3 คน พ่อแม่ลูก ซึ่งปกติอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมที่กรุงเทพฯ จึงอยากมีบ้านสำหรับมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว ลักษณะที่ดินเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว่า 300 ตารางวา และมีความพิเศษคือ เมื่อมองทะลุผืนป่าด้านหลังที่ดินจะเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ดอยสุเทพสวยมาก” ด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่น่าประทับใจ การออกแบบบ้านจึงไม่ได้คิดอยู่แค่ตัวบ้านเท่านั้น แต่ออกแบบบ้านเพื่อให้วิวธรรมชาติเป็นหัวใจหลัก “เมื่อวิเคราะห์พื้นที่แล้ว จึงออกแบบบ้านเป็นรูปทรงตัวไอตรงๆ หันด้านยาวเปิดรับวิวภูเขาได้ทุกห้อง เพื่อให้ทัศนียภาพนี้ซึมซับอยู่ในทุกการใช้ชีวิตของเจ้าของบ้าน”
ความงามที่ลงตัวไม่ใช่การตกแต่งภายหลัง แต่คือการคิดจากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ระบบโครงสร้างให้ถ่ายทอดความงามสัมพันธ์กับสถาปัตยกรรม สถาปนิกออกแบบด้วยวิธีคิดระบบตาราง (Grid) และโมดูลาร์ (Modular) แบบง่ายๆ ที่ใช้กันทั่วไปแต่ทำให้ผลลัพธ์ปรากฏชัดขึ้น
“หนึ่งในโจทย์จากเจ้าของบ้านคือให้พื้นที่ใช้สอยภายในของบ้านประมาณ 200 ตารางเมตร เนื่องจากมีขนาดใกล้เคียงกับพื้นที่คอนโดที่อาศัยอยู่ เบื้องต้นจึงแบ่งพื้นที่หลักของบ้านเป็นชั้นละ 100 ตารางเมตร ด้วยระยะช่วงเสา 5 x4 เมตร ซึ่งเป็นขนาดที่พอดีสำหรับการอยู่อาศัย จำนวน 5 ช่วงเสา จึงเป็นบ้านขนาด 5×20 เมตร แล้วจึงแบ่งพื้นที่ภายในให้เป็นสัดส่วนแบบโมดูลาร์ให้ลงตัวกับโครงสร้าง และสัมพันธ์กับการคิดโครงสร้างหลังคา คือ ทำจันทันห่างทุกระยะ 1 เมตร ก็จะลงตัวกับเสาและผนัง รวมถึงราวกันตก เส้นแบ่งแนวที่พื้น และขนาดของมู่ลี่ไม้ไผ่ที่สั่งทำยาว 2 เมตร
"เมื่อมองรวมกันก็จะเห็นเส้นที่ต่อเนื่องสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ ทำให้ดูไม่ขัดตา อาจจะไม่มีใครมาคอยดูว่าแต่ละเส้นจะเชื่อมต่อกันไหม แต่เมื่อทุกอย่างลงตัว เป็นระเบียบสัมพันธ์กัน มีความสมดุล สิ่งที่ได้คือความนิ่ง สัมผัสได้จากห้องนั่งเล่นชั้นบนที่มองออกไปเห็นวิว เมื่อทุกอย่างนิ่งและสงบ ภาพวิวที่มองเห็นก็เผยความงามให้ปรากฏชัดกว่าปกติ”
สถาปนิกและเจ้าของบ้านเห็นพ้องกันว่าควรเป็นบ้านที่เปิดให้สัมผัสบรรยากาศและบริบทรอบตัว “เนื่องจากเป็นบ้านตากอากาศจึงไม่อยากให้บ้านมีความแข็งกระด้างหรือโมเดิร์นเกินไป แต่ควรจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ได้รับลมธรรมชาติและเปิดให้สัมผัสบรรยากาศรอบตัว จึงผสมผสานการใช้วัสดุท้องถิ่น งานไม้ทั้งหมดเป็นไม้สักที่รื้อจากบ้านเก่า หลังคามุงกระเบื้องดินขอ กระเบื้องพื้นและผนังบางส่วนใช้กระเบื้องเคลือบดินเผาของแม่ริมเซรามิก ซึ่งโรงงานอยู่ใกล้บ้านลดการขนส่งและหาเปลี่ยนได้ง่าย กระเบื้องแต่ละแผ่นทำแบบกึ่งแฮนด์เมดจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสีเหลือบกันและพื้นผิวต่างกันซึ่งเป็นข้อดีสำหรับบ้านนี้ แต่กระเบื้องประเภทนี้เวลาปูต้องเว้นร่องยาแนวกว้าง ในส่วนที่ต้องดูแลรักษาง่ายอย่างพื้นห้องน้ำ จึงใช้กระเบื้องปกติที่ปูชิดได้ รอยต่อน้อย และทำความสะอาดง่าย”
บ้านที่ดีไม่ใช่เพียงอยู่สบาย แต่ยังส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ซึ่งสะท้อนตั้งแต่การวางผัง
“วางผังให้บ้านค่อนมาด้านถนน เพื่อเปิดด้านหลังบ้านให้เป็นพื้นที่สวนสำหรับการพักผ่อนที่เป็นส่วนตัว มีสระว่ายน้ำสำหรับออกกำลังกายและสร้างมุมมองไปยังวิวภูเขา พื้นที่ที่ยังว่างมีแผนสำหรับการปลูกพืชผักสวนครัวเมื่อมาอยู่จริงจัง
"ส่วนสวนด้านหน้าบ้านที่ติดถนนเป็นสวนด้านทิศตะวันออกที่นั่งสบายช่วงบ่าย จึงทำรั้วโปร่งไว้ทักทายเพื่อนบ้าน หรือเห็นความเป็นไปของคนรอบบ้าน ซึ่งแม้ไม่ได้พูดคุยแต่แค่ยิ้มให้กันก็เกิดปฏิสัมพันธ์กันแล้ว”
สถาปนิกได้ทิ้งท้ายถึงผลลัพธ์ที่ไม่ใช่เพียงการออกแบบบ้านแต่เป็นการออกแบบองค์ประกอบของการใช้ชีวิตว่า “การใช้ชีวิตในบ้านจะมีเสียงนกร้อง มีลมพัดผ่าน มีกลิ่นต้นไม้ กลิ่นฝน อยู่โดยไม่ต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา มีความเงียบ จิตใจสงบ และรู้สึกสบาย ซึ่งเป็นความหมายของบ้านตากอากาศที่เราทำ”
ออกแบบ : บริษัทสถาปนิก สการ จัยวัฒน์ จำกัด โดยคุณสการ จัยวัฒน์ คุณภูวดล คำมะลิ และคุณกฤษณ์ จาติกวณิช
อ่านเรื่องเต็ม : https://cutt.ly/2EzkJsm
เรื่อง : ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์
ภาพ : DOF Skyground
คลังสาระความรู้เรื่องบ้านและพรรณไม้ยังมีอีกมากมาย
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ www.baanlaesuan.com
1
โฆษณา