4 ต.ค. 2021 เวลา 05:00 • หนังสือ
สิงโต ยักษ์ มาโนช อุดม และคมความคิด
1.
ครั้งนึงนานมาแล้ว "พี่ซัน มาโนช พุฒตาล" เคยบอกกับผมว่า "บอยรู้มั้ย ผมเป็นคนที่มีความสุขกับการเดินทาง ตั้งแต่ตอนจัดกระเป๋าอยู่ที่บ้าน" วันนี้ผมนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคิดถึงช่วงก่อนหน้ายุคโควิด ที่เรายังเดินทางท่องเที่ยวกันบ่อยกว่านี้ เรื่องน่าแปลกของการท่องเที่ยวก็คือ แต่ละครั้ง เราใช้เวลาไปกับการเดินทางไม่น้อย ยิ่งถ้าไปต่างประเทศ ยิ่งหมดไปเป็นสิบชั่วโมง
ภาพถ่ายโดย Alex Azabache จาก Pexels
คำถามก็คือ แล้วทำไมเราจึงต้องฝากความสุขไว้ที่ปลายทางเพียงอย่างเดียว? เช่น ถ้าถึงที่พัก ฉันจะนอนกลิ้งบนเตียง ฉันจะว่ายน้ำเล่น ฉันจะไปกินร้านนั้นร้านนี้ ฉันจะไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ ...แล้วตอนนั้นฉันคงมีความสุขแน่ ๆ
ทำไมไม่เราไม่ความสุขระหว่างเดินทางไปด้วย? ทำไมเราไม่มีความสุขที่นี่ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย? หรืออย่างกรณีของพี่ซัน ...ทำไมเราไม่มีความสุขตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทางเลยล่ะ? แบบนี้น่าจะคุ้มกว่าเยอะ
เรื่องนี้ผมว่านำไปปรับใช้กับชีวิตได้ด้วย หลายคนเครียดกับการมีเป้าหมาย ฝากความสุขไว้ในอนาคตตลอดเวลา จนลืมไปว่าเราใช้เวลาเดินทางไปสู่เป้าหมาย นานกว่าการดื่มด่ำอยู่กับความสำเร็จเมื่อถึงเป้าหมายเสียอีก
2
เราฝากความสุขไว้ในอนาคตหรือเปล่า?
เพราะฉะนั้นนอกจากการเลือกเป้าหมายที่ถูกใจแล้ว เราน่าจะต้องคิดด้วยว่า ระหว่างทางเรามีความสุขกับมันได้ด้วยหรือไม่? หรือจะต้องกล้ำกลืนฝืนทน ลำบากลำบนทุกวัน เพื่อจะได้ไปมีความสุขในวันข้างหน้า?
2
ผมไม่ได้บอกว่าการไปถึงเป้าหมายนั้นไม่ต้องอดทนฟันฝ่า แต่คนที่ก้าวไปเพราะใจรัก เขาจะเหนื่อยเพราะมีความสุข แล้วไปมีความสุขต่ออีกที่ปลายทาง ...ไม่ใช่เหนื่อยเพราะเป็นทุกข์ เพื่อรอไปสุขที่ปลายทาง
ลองตรวจสอบตัวเองดูสิครับว่า เราฝากความสุขไว้ในอนาคตหรือเปล่า? ถ้าใช่ ก็ลองดึงความสุขกลับมาที่นี่ ตรงนี้ เดี๋ยวนี้เลย มีความสุขตั้งแต่เริ่มตั้งเป้าหมาย มีความสุขเมื่อกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมาย และมีความสุขอีกทีเมื่อไปถึงเป้าหมาย
แบบนี้สิครับถึงจะมาถูกทาง
1
2.
ผมชอบฟังบทสนทนาของตัวจริงผู้ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะคนที่สร้างตัวเองขึ้นมาจากศูนย์ หลายคำพูดจากความคิดของเขา เรานึกไม่ถึง ...ที่นึกไม่ถึง เพราะเขาขึ้นไปสูงมาก สูงจนเราไม่เคยเห็นวิวทิวทัศน์จากตรงนั้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงนับเป็นโชคดีที่เขามาเล่าให้เราฟัง
ผมเคยได้ฟังประโยคหนึ่งของนักลงทุนพอร์ตหลายพันล้าน "เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์" แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังจำประโยคนั้นได้ฝังแน่นติดทนนาน
หลังจากเสี่ยยักษ์เล่าถึงประวัติการสร้างตัวเองได้สักพัก เขาก็พูดถึงเรื่อง ๆ หนึ่งที่ผมคงจดจำไปจนชั่วชีวิต เสี่ยยักษ์บอกว่า ชีวิตคนเราคือการขึ้นภูเขา สุดท้ายเราก็ต้องไปไหว้พระที่บนภูเขา หลังของเราทุกคนมีกระบุงอยู่หนึ่งใบแบกใส่หลังไว้ คำถามก็คือ "เราใส่ดอกไม้หรือก้อนหินไปในกระบุงนั้น?"
2
พอฟังประโยคนี้จบ ผมรู้สึกเหมือนสว่างวาบทันที ไม่แน่ใจนะครับว่าผมตีความสิ่งที่เสี่ยยักษ์ต้องการสื่อถูกต้องหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าเรื่องดังกล่าวหมายถึง สุดท้ายปลายทางชีวิตคนเราก็ต้องตาย แต่ระหว่างทางที่ชีวิตเดินไปนั้น เราแบกอะไรไปด้วย?
ดอกไม้ หรือ ก้อนหิน? เรื่องสวยงาม หรือ เรื่องทุกข์ใจ? เรื่องดี ๆ หรือ เรื่องร้าย ๆ? ใจที่ให้อภัย หรือ ใจที่ยังอาฆาตแค้น? ...เราแบกอะไรขึ้นภูเขาไปไหว้พระ? นี่เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ผมจะเก็บไปถามตัวเองอยู่เรื่อย ๆ เพราะทุกวันผมเองก็กำลังเดินทางขึ้นเขา จุดหมายคือไปไหว้พระ ผมจะหมั่นตรวจสอบกระบุงของผมว่า ในกระบุงนั้น ผมใส่ดอกไม้หรือก้อนหิน?
ถ้ามีแต่ก้อนหิน ผมจะเอาออก เก็บดอกไม้มาใส่แทน เพราะผมอยากนำดอกไม้ไปถวายพระ ไม่ใช่ก้อนหินอันหนักอึ้ง ผมหวังว่าคุณจะเก็บคำถามนี้ไปถามตัวเองเช่นกัน ...เราใส่ดอกไม้หรือก้อนหินไปในกระบุงนั้น?
เป็นคำถามที่น่าคิดจริง ๆ ครับ
3.
ในชีวิตนี้ ผมเคยไปดู "เดี่ยวไมโครโฟน" ของ อุดม แต้พานิช แบบสด ๆ แค่ครั้งเดียว นั่นคือ "เดี่ยว 11" ปรากฏว่าสิ่งที่ผมชอบที่สุดในเดี่ยวครั้งนั้นกลับไม่ใช่มุกตลก แต่กลับเป็นบางประโยคที่อุดมพูดก่อนจะจบการแสดง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเฮียแกจะพูดแบบนี้ทุกรอบหรือเปล่า
เฮียโน้สนั้นพูดว่า "ใจคนเราเหมือนหางเสือ ที่จะบังคับให้ชีวิตเราไปทางไหนก็ได้ อยู่ที่เราจะตั้งมันไว้อย่างไร" แล้วเขาก็เล่าว่าเขามีเพื่อนรวย ๆ เยอะเลย แต่หลายคนไม่มีความสุข เพราะพวกเขามีแค่สองสถานะ คือ "หงุดหงิด" กับ "หายหงุดหงิด"
แล้วอุดมก็สรุปได้คมคายว่า "ที่พวกเขาเหล่านี้ไม่มีความสุข ก็เพราะไม่เคยตั้งหางเสือไว้ว่าจะมีความสุข"
โอโห ผมว่ามันใช่เลย รู้สึกดีใจที่ไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำตอนนี้ และดีใจที่ไม่มัวขำจนฟังผ่านวรรคทองนี้ไป คุ้มค่าบัตร 3,500 บาทแล้วครับ
2
"คนเราไม่เคยมีความสุข เพราะไม่เคยตั้งใจว่าฉันจะมีความสุข" ผมรู้ดีว่าประโยคนี้มันจริงยิ่งกว่าอะไร เพราะในหลายครั้งของการไปบรรยายตามบริษัทต่าง ๆ ผมมักจะบอกบนเวทีอยู่เสมอว่า "ใจคนเราเหมือนน้ำตก" ไม่ใช่หมายถึงน้ำตกใส ไหลเย็น เห็นตัวปลานะครับ แต่ใจคนเราชอบ "ตก" ลงไปสู่ที่ต่ำ ...ถ้าเราไม่บังคับ ไม่ตั้งหางเสือให้ใจ ใจจะพาเราเข้ารกเข้าพง ร่วงลงไปยังโคลนตมเสมอ
ลองสำรวจตัวเองสิครับว่า แต่ละวันเราตั้งธงในใจ ตั้งหางเสือเรือชีวิตไว้ว่าอย่างไร? วันนี้ฉันจะหงุดหงิดใครดี? หรือวันนี้ฉันจะมีความสุขกับเรื่องอะไรดี?
3
แต่ละวันเราตั้งธงในใจ ตั้งหางเสือเรือชีวิตไว้ว่าอย่างไร? สองคำถามนี้คือหางเสือของเรือลำเดียวกัน แต่พาเราไปคนละทิศ ทิศแรก พาไปค้นหาเรื่องลบ ๆ ทิศหลัง พาไปค้นหาเรื่องดี ๆ ใจคนเราเหมือนหางเสือ ที่จะบังคับให้ชีวิตเราไปทางไหนก็ได้ อยู่ที่เราจะตั้งมันไว้อย่างไร
3
จากนี้ไป "ฉันจะตั้งหางเสือของเรือชีวิตฉันว่าอย่างไรดี?" นี่คือคำถามที่เราควรหมั่นถามตัวเองครับ
1
4.
แม้ทุกวันนี้ รายการประกวดร้องเพลงอาจไม่ได้รับความนิยมเท่าเดิม แต่ประโยคที่ "สิงโต นำโชค" พูดไว้ในรายการ The Voice ก็ยังเป็นอะไรที่ประทับอยู่ในใจผมจนทุกวันนี้ เขาพูดกับ 2 ผู้เข้าประกวด ที่จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งตกรอบ สิงโตพูดแบบนี้ครับ
3
"มีคนถามผมว่าถ้าไม่ประสบความสำเร็จทางด้านดนตรี ชีวิตนี้จะไปทำอะไรต่อ? ผมก็เลยถามเขากลับไปว่า แล้วอะไรคือคำว่าประสบความสำเร็จทางด้านดนตรี? ต้องมีชื่อเสียงโด่งดังใช่มั้ย? ต้องมีเพลงฮิตใช่มั้ย? แบบนี้ใช่มั้ยถึงจะเรียกว่าสำเร็จ ถึงจะมีความสุข?"
ชายสวมหมวกผู้ทำให้อูคูเลเล่ฮิตทั่วเมือง ยังคงพูดต่อไปว่า "ผมว่าจริงๆ แล้วการที่เราได้ขึ้นมาร้องเพลงบนเวที การที่เราได้หยิบกีตาร์มาร้องเพลงในร้านอาหาร ผมว่าสิ่งนี้แหละคือความสำเร็จแล้ว ถ้ากลับบ้านไป มีคนถามคุณว่าประสบความสำเร็จมั้ย? ให้คุณตอบไปเลยว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่วันที่กล้าก้าวเข้ามาประกวดบนเวทีแห่งนี้แล้ว เพราะฉะนั้น ไม่มีเหตุผลเลยที่คุณจะหยุดร้องเพลง เพียงเพราะไม่ได้ถูกผมเลือกให้เข้ารอบต่อ"
1
พอ สิงโต นำโชค พูดจบ คนก็ปรบมือกันทั้งห้องส่ง ส่วนผมฟังแล้วน้ำตาคลอ แม้แต่ตัวสิงโตนำโชคเอง ถ้าผมตาไม่ฝาด เหมือนเขาจะน้ำตาคลอด้วยซ้ำ
ฟังคำพูดของเขาแล้วผมก็นึกเรื่องราวของเราหลายคน คนที่นิยามคำว่า "ประสบความสำเร็จ" ได้คับแคบเหลือเกิน คับแคบจนบีบรัดหัวใจให้เราไม่มีความสุข
1
เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ คือสิ่งที่เราหลายคนใช้เป็นหลักวัดความสำเร็จ โดยละเลยแง่มุมอื่น ๆ ของชีวิตไป เช่น ความสุขของครอบครัว ความสงบภายในใจ
1
ที่แย่กว่านั้น เราชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วเฝ้าบอกตัวเองเสมอว่า ฉันยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะฉันยังมีน้อยกว่าคนอื่น
และที่แย่ที่สุดก็คือ เรายอมให้ใครก็ไม่รู้มาติดป้ายบอกสรรพคุณตัวเราว่า แบบนี้เรียกว่าคุณประสบความสำเร็จแล้วนะ แบบนี้เรียกว่าคุณยังไม่ประสบความสำเร็จนะ
1
สิ่งที่ผมอยากจะบอกและเชื่อว่าเป็นสิ่งเดียวกับที่ สิงโต นำโชค ต้องการสื่อ ก็คือ การประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่อง "ปลายทาง" แต่เป็นเรื่อง "ระหว่างทาง"
1
ระหว่างทางที่เดินไปในแต่ละวัน เรากล้าบอกกับตัวเองมั้ยว่า ฉันมีความสุขในสิ่งที่ทำ ฉันภูมิใจและรักในสิ่งที่ทำ ...ถ้ากล้าบอก กล้าพูดอย่างเต็มปาก ผมคิดว่าเราก็ประสบความสำเร็จไปตั้งนานแล้วล่ะครับ
อย่าเอาความสำเร็จไปแขวนไว้ปลายทาง แล้วไปรอมีความสุขที่จุดนั้น แต่จงประสบความสำเร็จในทุกวัน แล้วชีวิตจะมีความสุขในทุกวัน
วันนี้คุณประสบความสำเร็จแล้วหรือยังครับ?.
โฆษณา