Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Siamrath
•
ติดตาม
3 ต.ค. 2021 เวลา 01:08 • การเมือง
เช็กรอยร้าว “3 ป.” บนถนนการเมือง “ป้อม-ตู่ ป๊อก” ทางใคร ทางมัน พรรคใคร พรรคมัน
แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะพยายามจะสยบข่าวความขัดแย้งแตกร้าว ด้วยการอ้างสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป. ที่ยาวนานกว่า 40 ปี รักกันตลอดไป แต่ดูจะไม่มีใครเชื่อ เพราะความเคลื่อนไหวต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น สวนทางกัน
ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ปลดฟ้าผ่า 2 มือขวา ลูกเลิฟ บิ๊กป้อม ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้น รมช.เกษตรฯ และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้น รมช.แรงงาน เมื่อ 9 ก.ย. 2564 แบบไม่บอกกล่าว พี่ใหญ่ จากนั้นมาความสัมพันธ์ พี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ก็ไม่เหมือนเดิม
พล.อ.ประวิตร ยังคงให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็น เลขาฯพรรคพลังประชารัฐ และ นฤมล เป็น เหรัญญิกพรรคต่อไป ประมาณว่า น้อง ไม่เอา ไม่ใช้งาน แต่พี่ยังคงเก็บเอาไว้ อันเป็นการสะท้อน ความขัดแย้ง ตั้งแต่แรก แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินประคอง พล.อ.ประวิตร ไปส่งขึ้นรถ แต่ก็เป็นการสร้างภาพ เพื่อสยบข่าวเท่านั้น
แม้ พล.อ.ประวิตร จะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ โทรหาทุกวัน และ เข้าไปหา ไปคุยไปทานข้าว ด้วยกันทุกวัน
แต่ความเป็นจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ โทรหาตามปกติอยู่แล้ว แต่การเข้าไปหาแค่ 2 ครั้ง แต่คนที่ไปทุกวัน คือ ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล ที่ทุกมื้อกลางวัน จะร่วมโต๊ะกับ บิ๊กป้อม และประชุมต่อยันเย็น
ทุกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าไป ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล ก็จะไปหลบอยู่อีกห้องหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่ง หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพราะรู้ว่า นายกฯ มาประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวก็กลับเช่นเคย
แต่มีครั้งหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่คุยตั้งแต่บ่าย สูบไปป์ ด้วยกัน ยาวจนทานเข้าเย็น ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล ต้องกลับไปก่อน
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ว่างมาเอง แต่ระยะหลังนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า “คนพิเศษรู้ใจ” ของ พล.อ.ประวิตร เข้ามาหาบ่อยๆ โดยเฉพาะมื้อกลางวัน จนบางครั้ง ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล ก็ขอตัวกลับไปก่อน
แต่ก็ดูเหมือนว่า การที่ พล.อ.ประวิตร มีความสุข ในเวลาที่อยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล เพราะคุยได้ทุกเรื่อง ทั้งงาน และ เรื่องในพรรค พปชร. และ มักจะได้ยินเสียงหัวเราะของ พล.อ.ประวิตร ดังออกมาจากห้องทานข้าวเสมอๆ
ที่ถูกจับตามองอย่างมาก คือการที่ พล.อ.ประวิตร ขอให้นายกฯออกคำสั่ง มอบหมายให้ ตนเองในฐานะ รองนายกฯ กำกับดูแล กรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อตก.) ของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เฉพาะ ที่เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อครั้งเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์
มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร แจ้งความจำนง มา 2 สัปดาห์แล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ยอมนำเข้าที่ประชุม ครม. ทั้งๆที่ มีระบุในวาระ ครม. เมื่อ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่า คงต้องเจรจากับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ก่อน
จากนั้นจึงเพิ่งนำเข้าที่ประชุม ครม. เมื่อ 28 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา ที่สร้างความฮือฮา อย่างมาก เพราะถูกมองว่า ร.อ.ธรรมนัส ก็คงจะทำหน้าที่ เสมือน รมช.เกษตรฯ มาช่วย พล.อ.ประวิตร ดูแล 4 กรม นี้ ตามเดิม จนทำให้ รอยร้าว ปริแตกมากขึ้น เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ แจ้งเตือน พล.อ.ประวิตร ไม่ให้ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาเกี่ยวข้อง
แม้จะไม่ได้พูดชื่อ ร.อ.ธรรมนัส ออกมาโดยตรง แต่ก็รู้ดีว่า ส.ส คนที่นายกฯ ระบุถึง ก็คือ ร.อ.ธรรมนัส ส.ส.พะเยา ที่ไม่ได้เป็น รมช.เกษตรฯ แล้วนั่นเอง จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร ยิ่งเคืองขุ่น
และที่ยิ่งเคืองหนัก คือการที่ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล แกนนำ ส.ส.พปชร.ภาคใต้ ประกาศจะนำ ส.ส.อย่างน้อย 9 คน จาก 13 คน ออกจาก พปชร. ไปอยู่ พรรคเศรษฐกิจไทยที่ อดีต “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ก่อตั้งไว้ ตั้งแต่สมัยเป็น ปลัดมหาดไทย ในช่วง กว่า 1 ปีที่ผ่านมา
โดย พ.อ.สุชาติ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว บอกให้ไปหาพรรคใหม่อยู่ แต่ ไม่ได้บอก พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค เพราะไม่ได้คุยกันนานแล้ว
ทั้งนี้เป็นที่รู้ดีว่า พ.อ.สุชาติ ไม่พอใจที่ ไม่ได้เก้าอี้ รมต. ทั้งๆที่ พาส.ส.ใต้ เข้าสภาฯมาได้ถึง 13 คน และได้เคยคุยเรื่องนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์ หลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้ เพราะ พล.อ.ประวิตร ไม่ไฟเขียว
การย้ายพรรค ของ พ.อ.สุชาติ ครั้งนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางกระแสข่าว ที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่รองใน 3 ป. จะแยกวงไปตั้งพรรคใหม่
หลังจากส่อเค้าว่าพลเอกประวิตร จะยึดพรรคพลังประชารัฐ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล เป็นมือซ้ายมือขวา ต่อไปโดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่อาจแทรกเข้าไปนั่งเป็น หัวหน้าพรรค เช่นที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ได้
ด้วยเพราะพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ ฉัตรชัย เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นนี้ เป็นที่รับรู้ในหมู่ข้าราชการ มหาดไทย และนักการเมืองในภาคใต้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุนให้ตั้งพรรคใหม่สำรองไว้กรณีเกิดปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ และจะเป็นพรรคพันธมิตร ที่หวังจะดูดส.ส. จากพรรคต่างๆ และงูเห่า มารวมกัน และจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
แต่ทว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป หลังเกิดการปลด ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล จนทำให้พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร หมางใจกัน
จึงทำให้ พรรคเศรษฐกิจไทย จะกลายเป็นที่รองรับ พี่น้อง 2 ป. ประยุทธ์-ป๊อก หากตัดสินใจแยกวงแยกตัว ออกมาจากพล.อ.ประวิตร ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วให้พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นหัวหน้าพรรคนำสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยตนเอง
โดยมีแผนจะดึง ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ ให้ออกมาอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย ให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการดูด ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย และพรรคต่างๆให้มารวมตัวกัน คล้ายการเริ่มต้นของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ท่ามกลางข่าวสะพัดว่ามีการระดมทุนสนับสนุน ที่ประมาณการว่าต้องใช้เป็นหลักหมื่นล้าน เพราะราคาค่าตัวส.ส.จะมากขึ้นหลายเท่า เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ ก็คงต้องทุ่มในการที่จะรักษา ส.ส.ให้อยู่ในพรรคให้ได้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นพรรคพลังประชารัฐ จะกลายเป็นพรรคขนาดกลาง หรือพรรคขนาดเล็กไปเลย
นี่จึงถูกมองว่าเป็นแผนย้อนศร ศอกกลับของน้อง 2 ป.ในเมื่อ ป.ประวิตร พี่ใหญ่เลือก ร.อ.ธรรมนัส เลือก นฤมล เคียงข้าง มากกว่าน้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 40 ปี
แต่ผลพวงที่ตามมาคือ ความลำบากใจของกองหนุน ที่เคยสนับสนุน 3 ป.ที่ต้องตัดสินใจว่า จะหนุนฝั่งไหน ระหว่างฝั่งพล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.อนุพงษ์ รวมถึงบรรดานายทุนที่สนับสนุนพรรคพปชร. มาตลอด ที่ต้องเลือกว่าจะสนับสนุนฝ่ายไหน และบางรายก็ต้องสนับสนุนทั้งสองฝ่าย
อีกทั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็แสดงออกชัดเจนถึงการเข้ามาสร้างความสัมพันธ์กับแกนนำพรรคพลังประชารัฐและ ส.ส.พปชร. จนเป็นที่รู้กันว่ามีการตั้ง กลุ่มส.ส.จันทร์โอชาโดยแยกตัวมาจาก กลุ่มวงษ์สุวรรณ ส.ส.หลายคนแสดงออกชัดเจนว่าเลือกพล.อ.ประยุทธ์ และทิ้งระยะห่าง กับพล.อ.ประวิตร ทั้ง กลุ่มสามมิตร สุชาติ ชมกลิ่น ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
โดยเฉพาะการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ก็พยายามเอารัฐมนตรี ไปด้วยเพราะรู้ดีว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ ยังคงเกรงใจพล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส จึงมาต้อนรับนายกฯไม่มากนัก และจะเห็นได้ว่าเมื่อครั้งที่พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่อยุธยา ร.อ.ธรรมนัส ก็สามารถเรียก ส.ส. มาต้อนรับได้มากกว่า 50 คน จนทำให้การลงพื้นที่เพชรบุรี ของพล.อ.ประยุทธ์ ในวันเดียวกัน หงอยเหงาไป เลยอันเป็นการแสดงพลังความเป็นพี่ใหญ่ ของพล.อ.ประวิตร กอบกู้ศักดิ์ศรีที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ หักหน้า
แต่ทว่า หลังความเคลื่อนไหวของ พ.อ.สุชาติที่จะย้ายไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย ที่รู้กันดีว่าเป็นพรรคของ พล.อ.อนุพงษ์ จึงทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป. ยิ่งย่ำแย่ลง อีกทั้ง พ.อ.สุชาติ ก็เคยเป็นคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ต้น
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะมอบภารกิจใหม่ให้ พ.อ.สุชาติ ในการทำให้พรรคเศรษฐกิจไทยเติบโตข้ามคืน เช่นที่เคยสร้างพรรคพลังประชารัฐ มาแล้ว สถานการณ์ทางการเมืองบีบคั้นให้ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประวิตร ต้องตัดสินใจ โดยมีภาพของอำนาจ 3 ป.ที่เคยยิ่งใหญ่ แข็งแกร่งเป็นเดิมพัน
เพื่อพิสูจน์ว่าสายสัมพันธ์ พี่น้องทหารเสือราชินีบูรพาพยัคฆ์ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอยู่บ้านหลังเดียวกันมา กินนอนกันมาโดยมี พี่ใหญ่ คอยโอบอุ้มสนับสนุนดูแลมาจนมีวันนี้ จะเหนียวแน่น เช่นที่ผ่านมาหรือไม่
เพราะท้ายที่สุดแล้ว อำนาจ ไม่เคยปรานี ใคร ไม่ว่า จะพี่น้องในสายเลือด หรือพี่น้องร่วมสาบาน เพราะ ศึกสายเลือดทหาร ชิงอำนาจกันเอง มีให้เห็นมาเยอะ แล้ว ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ
บันทึก
5
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย