ผู้เยาว์ทำนิติกรรมสัญญาอะไรได้บ้าง
ผู้เยาว์นั้นใช่ว่าจะทำอะไรต้องขอความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมไปเสียทุกอย่าง นิติกรรมสัญญาบางประเภท กฎหมายก็อนุญาตให้ผู้เยาว์ทำได้เองโดยลำพัง ได้แก่
* ผู้เยาว์สามารถทำการใดๆ ที่เป็นการจำเป็นต่อการดำรงชีพตามสมควรและเป็นการสมแก่ฐานะของตนได้
* การกระทำที่ทำแล้วได้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งมา เช่น การรับทรัพย์ที่มีผู้โอนให้ หรือการรับมรดก หรือเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การปลดตัวเองจากหนี้สิน เป็นต้น แต่ถ้าทำแล้วเสียสิทธิ เช่น ขายสร้อย ผู้เยาว์ก็ต้องได้รับความยินยอมด้วย
* การกระทำที่เป็นเรื่องส่วนตัวต้องทำเองเฉพาะตัวเท่านั้น เช่น การรับรองบุตร ผู้เยาว์สามารถรับรองบุตรของตนเองได้ โดยไม่ต้องขอความยินยอม
* การทำพินัยกรรม ผู้เยาว์ก็ทำได้เองเมื่ออายุครบ 15 ปี บริบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตามมีนิติกรรมอีกหลายประเภทที่กฎหมายเห็นว่า เป็นนิติกรรมที่สำคัญ และอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลประโยชน์ในทรัพย์สินของผู้เยาว์ จึงกำหนดให้ศาลเข้ามาดูแลเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้เยาว์ไม่ให้ผู้แทนโดยชอบธรรมใช้หรือจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของผู้เยาว์ไปโดยไม่เหมาะสม บิดามารดาผู้ใช้อำนาจปกครองต้องได้รับอนุญาตจากศาลเสียก่อนจึงจะกระทำนิติกรรมเหล่านี้ได้ เพราะเป็นนิติกรรมที่ทำให้ผู้เยาว์เสียทรัพย์สิน หรือเสียสิทธิในทรัพย์สิน หรือต้องแบกรับภาระบางประการตัวอย่างเช่น
* ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนองให้แก่ผู้จำนองโอนสิทธิจำนองอสังหาริมทรัพย์ หรือ สังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้ของผู้เยาว์ * ทำให้สิทธิในทรัพย์สินของผู้เยาว์ต้องสิ้นสุดลงไม่ว่าจะทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน
* ยินยอม หรืออนุญาตให้มีสิทธิบางอย่างเกิดขึ้นใน ที่ดินของผู้เยาว์ เช่น ยอมให้บุคคลอื่นสร้างตึกแถวบนที่ดินของ ผู้เยาว์ ทำให้บุคคลอื่นมีสิทธิครอบครองเหนือพื้นดินของผู้เยาว์ หรือ ทำสัญญาว่าจะให้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวตกเป็นของผู้เยาว์ในระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา
* ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินกว่า 3 ปี หรือให้เช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์
* ขายหรือแลกเปลี่ยนสังหาริมทรัพย์ที่มีทะเบียนแสดงกรรมสิทธิ์ หรือเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น รถยนต์ ที่ผู้เยาว์ได้รับมรดกมา หรือผู้อื่นที่ไม่ใช่บิดามารดาให้มา
* ให้กู้ยืมเงิน
* ประนีประนอมยอมความ
* การให้ทรัพย์สินของผู้เยาว์แก่ผู้อื่น หรือตามกฎหมายใช้คำว่า “การให้โดยเสน่หา” ซึ่งเป็นการให้เปล่าโดยไม่มีเงื่อนไข
* การไปค้ำประกันผู้อื่น หรือเป็นผู้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือ จำเลย หรือนำเอาทรัพย์สินไปเป็นหลักประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย
หากบิดามารดาหรือผู้ใช้อำนาจปกครองไม่ได้ขออนุญาตศาล และขึ้นทำนิติกรรมเหล่านี้โดยพลการนิติกรรมนั้นจะไม่ผูกพันผู้เยาว์ เพราะทำไปโดยปราศจากอำนาจ แต่จะผูกพันบิดามารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเอง
ที่มาข้อมูล หนังสือ “รู้กฎหมาย รักษาสิทธิ “
จัดพิมพ์โดย บริษัท รีดเดอร์ส ไดเจสท์ (ประเทศไทย) จํากัด
ISBN 978-974-7784-67-1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
