3 ต.ค. 2021 เวลา 23:05
น้ำพริกปูเค็มมะขามอ่อน
เวลากลับบ้านชัยนาทช่วงฝนชุก ให้ชื่นอกชื่นใจนัก ด้วยเห็นแต่สีเขียวสดของต้นไม้ที่แย่งกันผลิใบออกรับสายฝน โดยเฉพาะมะขาม ทั้งต้นใหญ่ต้นเล็ก ติดฝักเต็มต้น ฝักกำลังอ่อน เห็นแล้วให้เปรี้ยวปากนึกอยากกินน้ำพริกแสนอร่อยชนิดหนึ่งขึ้นมาเชียว
น้ำพริกของภาคกลางบ้านเรา ส่วนใหญ่จะมีกะปิเป็นเครื่องปรุงหลัก  จะหาน้ำพริกน้อยอย่างนักที่ไม่จำเป็นต้องใช้กะปิโขลกเป็นเนื้อน้ำพริก
ที่นึกออกตอนนี้คือน้ำพริกขี้กาที่ใช้กุ้งแห้ง ปลาแห้งคั่วโขลกเป็นเนื้อน้ำพริกแทนกะปิ
น้ำพริกอีกอย่างที่จะเล่าตอนนี้ เป็นน้ำพริกไม่ง้อกะปิอีกครกหนึ่ง
น้ำพริกครกนี้ที่บ้านไม่ได้ตำกินกันบ่อยๆ  ในปีหนึ่งจะได้กินกันในช่วงกลางฤดูฝนเท่านั้น เพราะหาเครื่องปรุงและของแนมน้ำพริกได้สะดวกในช่วงดังกล่าว  ส่วนช่วงอื่นของปีจะหาลำบากสักนิดและคุณภาพไม่ดีเท่าช่วงกลางหน้าฝนแบบนี้
จะแนะนำน้ำพริกปูเค็มมะขามอ่อนให้ได้ลองลิ้มรสกัน  ว่ากันถึงชื่อน้ำพริกครกนี้ แถวบ้านผมไม่ได้เรียกชื่อยาวเหยียดขนาดนั้น  แต่เรียกสั้นๆแค่น้ำพริกปู เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าหมายถึงน้ำพริกที่ใช้ปูเค็มโขลกกับมะขามอ่อนดังกล่าว
น้ำพริกปูเค็มครกนี้ เป็นน้ำพริกอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ใช้กะปิ แต่ใช้ปูเค็มมาโขลกแทนเพื่อให้เกิดกลิ่นรสผิดแผกไป
ที่ว่าน้ำพริกครกนี้เหมาะที่จะตำกินในหน้าฝนเท่านั้น เพราะส่วนประกอบสำคัญที่สุดคือฝักมะขามอ่อนและเครื่องแนมเครื่องจิ้มที่คู่ควรกับน้ำพริกถ้วยนี้ คือหน่อไม้รวก  ทั้งสองอย่างหาได้ง่ายและอร่อยที่สุดแค่ช่วงนี้ของปีเท่านั้น  พ้นจากช่วงดังกล่าวพอหาได้แต่ไม่อร่อยเท่า สู้อย่ากินเสียเลยดีกว่า
มะขามต้นเล็กข้างรั้วออกฝักอ่อนกำลังดี กิ่งไม่สูงนัก พอใช้มือโน้มลงมาได้  หน่อไม้รวกสดใหม่และปูเค็มพอหาซื้อได้ง่ายในตลาด  อย่ากระนั้นเลย สมควรแก่เวลาอ้อนแม่ให้ตำน้ำพริกปูกินดีกว่า
ปลิดฝักมะขามลงมา  คัดเอาอย่าให้อ่อนเกินไปนัก ประเดี๋ยวตำแล้วจะขม เลือกฝักที่พอมีเนื้อสักหน่อย แต่อย่าให้ถึงขั้นเริ่มมีเม็ดใหญ่  นำมาล้างขัดผิวสีน้ำตาลออกจากฝักเสียบ้างพอให้เห็นเปลือกสีเขียว  ผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
เลือกพริกแกวสด(คนบางไก่เถื่อนบ้านผมเรียกพริกขี้หนูว่าพริกแกว) คัดเอาเฉพาะเม็ดเขียวๆ หอมแดง กระเทียม เตรียมไว้ให้พร้อม จะใส่เท่าไรกะเอาตามชอบแล้วกัน  ชอบรสเผ็ดหนักพริกแกวหน่อย แต่หอมกระเทียมอย่ามากนัก  ขืนหนักมือเกินไปจะกลบกลิ่นมะขามเสียหมด
ปูเค็มเลือกมาสักสองสามตัว ใส่ถ้วยราดน้ำร้อนลงไปซาวเสียหน่อยเพื่อลดเค็มและลดกลิ่น  หากใครรังเกียจว่าเป็นของดิบ กลัวพยาธิ จะเอาปูเค็มไปต้มหรือเข้าเตาไมโครเวฟให้สุกก่อน  ขอบอกเสียตรงนี้เลยว่า ถ้าห่วงสุขภาพขนาดนั้น ก็อย่าไปกงไปกินเลย ไอ้น้ำพริกปูถ้วยนี้  กลับไปกินน้ำพริกเต้าหู้ยี้ชีวจิตแบบเดิมจะเกิดมรรคผลต่อสุขภาพมากกว่า
ได้เครื่องปรุงครบแล้วลงมือตำน้ำพริกปูกันเลย  เริ่มต้นใส่หอม กระเทียม พริกแกว ลงโขลกพอแหลกเสียก่อน  ใส่มะขามอ่อนตามลงไปโขลกต่อ  ตำให้ส่วนผสมแหลกเข้ากันเป็นเนื้อเดียว สักพักเดียวเท่านั้น กลิ่นเปรี้ยวของมะขามอ่อนคลุกเคล้ากลิ่นพริก หอม กระเทียมจะโชยออกมา  ถึงตอนนี้คนคนโขลกน้ำพริกพึงระวังให้จงหนัก  ไม่ใช่ระวังพริกกระเด็นเข้าตา แต่ระวังอย่าให้น้ำลายตัวเองหยดลงครก เพราะกลิ่นน้ำมะขามสดเปรี้ยวชวนเข็ดฟันยั่วให้น้ำลายสอ
เมื่อทุกอย่างแหลกเข้ากันดีแล้ว หยิบปูเค็มมาฉีกเอากระดองออก ใส่ลงไปตำรวมกับเครื่องที่อยู่ในครก โขลกให้แหลกคลุกให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ชิมรสดูสักหน่อย หากเป็นคนติดรสหวาน พออนุโลมให้เติมน้ำตาลลงไปตัดรสได้ ใช้น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลมะพร้าว(น้ำตาลปี๊บ) จะหวานเนียนลิ้นอร่อยกว่าความหวานแหลมของน้ำตาลทราย แต่ที่บ้านไม่ชอบน้ำพริกปูแบบมีหวานเลยขอผ่านน้ำตาลดีกว่า
ปรกติน้ำพริกปูเค็มไม่ต้องปรุงน้ำปลาเพิ่มเพราะได้เค็มจากปูอยู่แล้ว  แต่มีเคล็ดลับอยู่นิดหนึ่ง คือให้บีบมะนาวใส่ลงไปหน่อย อาจสงสัยว่าเปรี้ยวก็มีจากมะขามอยู่แล้วจะบีบมะนาวไปทำไมอีก  ขอบอกว่ามะนาวที่บีบใส่จะช่วยให้สีของน้ำพริกคงความเขียวสดได้นาน เพราะหากละมะนาวเสียแล้ว พอตั้งน้ำพริกทิ้งไว้สักพักจะเนื้อน้ำพริกจะเปลี่ยนเป็นสีดำดูไม่น่ากิน
ตักน้ำพริกปูจากครกลงถ้วย หน่อไม้รวกเจียนพอดีคำ ผักสดอื่นๆเท่าที่หาได้ในช่วงฝนเยอะแยะไปหมด  ผักที่ใช้แนมจิ้มน้ำพริกปูควรเลือกชนิดจืดหรือหวานเล็กน้อยและไม่มีกลิ่นฉุน  หากใช้ผักกลิ่นแรงจะไปกลบกลิ่นหอมของน้ำพริกเสียหมด
สมัยก่อนนอกเหนือจากหน่อไม้ลวกแล้ว  แถวบ้านผมยังเก็บสันตะวามาจิ้มน้ำพริกกินด้วย  สันตะวาเป็นพืชน้ำขึ้นตามที่น้ำท่วมในท้องนา  มีสีเขียว รสจืด จิ้มน้ำพริกกินดี กินกับปลาร้าสับยิ่งอร่อย  แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใคร่มีใครกล้ากินแล้ว  เพราะท้องนาบ้านเราเต็มไปด้วยสารพัดสารเคมีตกค้าง  เข้าใจว่าสันตะวาคงดูดซับสารพวกนั้นไปไว้ไม่ใช่น้อย
น้ำพริกปูเค็มมะขามอ่อน  ควรกินตอนตำเสร็จใหม่ๆ  ความอร่อยของน้ำพริกถ้วยนี้นอกจากรสชาติเปรี้ยวเผ็ดเค็มแบบจัดจ้านแล้ว  ยังอยู่ที่กลิ่นหอมของมะขามอ่อนสดที่ถูกโขลกละเอียดด้วย  ไอ้กลิ่นที่ว่านี่ให้ความรู้สึกว่าเปรี้ยวกระตุ้นต่อมน้ำลายดีนักแล  แต่ถ้าทิ้งไว้นานๆกลิ่นหอมที่ว่าจะจางไป น้ำพริกคลายความอร่อยไปอีกโข
ข้าวสวยหุงสุกใหม่ร้อนๆ  กินกับหน่อไม้รวกสดหวานกรอบจิ้มน้ำพริกรสจัดจ้านผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัวดีแท้  ได้เท่านี้กับข้าวอื่นๆปล่อยทิ้งไว้ประดับสำรับเล่นเสียเถิด  หากได้ปลาหนังจำพวก ปลาเค้า ปลาเทโพ ปลาลึงค์ มาย่างกินแกล้มแก้เสียวฟันจะวิเศษขึ้นไปอีก  ยิ่งถ้าได้ต้มเค็มปลาตะโกกหรือปลาตะเพียนมาซดบรรเทาความเผ็ดความเปรี้ยวด้วยแล้ว เป็นอันว่าเมื้อนั้นได้กินข้าวกันถึงขั้น “อิ่มหมีพีมัน” อีกมื้อหนึ่งเป็นแน่
ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนธาตุอ่อน ขออย่าได้ระเริงลิ้นไปกับความอร่อย บริโภคน้ำพริกชนิดนี้มากเกินไปนัก เพราะมะขามมีฤทธิ์ระบายอยู่แล้ว บวกกับพริกและปูเค็มเข้าไปอีก กินมากไปจะเข้าตำรา อร่อยปากลำบากท้อง ถัดจะท้องจะพลอยลำบากอวัยวะส่วนอื่นๆตามไปด้วย  เดือดร้อนต้องวิ่งหาห้องน้ำห้องท่ากันให้วุ่นวาย
ในฐานะคนรักกันชอบกัน เลยต้องเตือนกันเสียตรงนี้ก่อน
โฆษณา