4 ต.ค. 2021 เวลา 01:46 • ท่องเที่ยว
Turkey (06) .. อุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan Sarnici
เราชมความยิ่งใหญ่ของโดมเซนต์โซเฟียแล้ว สิ่งน่าสนใจต่อไป ที่เราถือว่าแปลกไม่น้อยทีเดียวเพราะว่าสถานที่นี้ตั้งอยู่ที่ใต้ดินซึ่งก็คือ “อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน” Yerebatan Sarnici หรือ The Basilica Cistern ) สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 523 หรือช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 ในยุคไบเซนไทน์ อายุเก่าแก่กว่า 1485 ปี สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ์จัสติเนียม .. แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของระบบวิศวกรรมในสมัยไบเซนต์ไทน์
อุโมงค์เก็บน้ำ Yerebatan Sarnici ...ตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินหลายสิบเมตร มีความกว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร นับเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในอิสตันบูล เคยใชัเก็บน้ำมากถึง 100000 ตัน โดยผันน้ำมาจากป่าเบลเกรดที่อยู่ห่างออกไปราว 20 กิโลเมตร ใกล้กับทะเลดำ
น่าทึ่งมากกับความอัจฉริยะของผู้คนยุคก่อน ซี่งสามารถวางระบบชลประทานไว้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยอุโมงค์เก็บน้ำแห่งนี้เป็นที่เก็บน้ำไว้ใช้ในพระราชวัง และเป็นที่สำรองน้ำไว้ใช้ในยามที่เมืองถูกข้าศึกปิดล้อม
ยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างใน อากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ และมีน้ำหยดติ๋งๆตลอดทางเดินที่ค่อนข้างมืด .. มีเสียงดนตรีพื้นเมืองบรรเลงเบาๆ ให้บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์กึ่งน่ากลัวนิดๆ
.. ในอ่างเก้บน้ำมีน้ำสูงราว 1 เมตร มีสะพานวางทอดไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินชมภายใน
สิ่งที่ดูโดดเด่นในอุโมงค์ใต้ดินนี้ ... คือ เสาทรงโรมันที่ตั้งอยู่เรียงรายที่มีจำนวนถึง 336 ต้นที่ ทำจากหินอ่อนทั้งหมด เสาแต่ละต้นสูงต้นละ 9 เมตร ตั้งเรียง 2 แถวๆละ 28 ต้น โดยมีระยะห่างเท่ากันทุกต้นที่ 4.9 เมตร เสาต้นกลางเป็นสไตล์ไอคอนิค และโคริเทียน .. ใช้รับน้ำหนักหลังคาอุโมงค์ เสาแต่ละต้นตกแต่งเนรูปแตกต่างกัน และดูเหมือนว่าจะมาจากที่ต่างๆ ทว่าไม่มีหลักฐานขัดเจนว่ามาจากที่ไหนบ้าง
เสาเพียงต้นเดียวที่มีลักษณะแตกต่างไปจากต้นอื่นๆ .. มีชื่อว่า Tears of Crying Column มีลวดลายเป็นรูปตาไก่ กิ่งไม้เลื้อย และหยดน้ำตา (เพราะมีหยดน้ำที่ไหลตลอดเวลา) .. เชื่อกันว่าเสานี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนถสรณ์แด่ผู้คนหลายร้อนคนที่เสียชีวิตจากการก่อสร้างสถานที่แห่งนี้
.. เสานี้ยังคล้ายกับซุ้มฉลองชัยชนะของ ธีโอโดซุสที่ 1 (Triumphal Arch of Theodosius I) ในศตวรรษที่ 4 ซึ่งอยู่ที่ Forum Tauri Square ..
... ณ จุดปลายทางเดิน มีอีก 2 เสา ที่มีฐานเสาเป็นหัวนาง “เมดูซา” (Medusa Head) ที่มีเส้นผมเป็นงู เสาต้นแรกสร้างเป็นเมดูซ่าวางกลับหัว
และอีกต้น หน้าเมดูซ่าวางตะแคงขวา อยู่ติดๆกัน .. เชื่อกันว่าหัวทั้งสองนี้ถูกนำมาจากสถานที่อื่นของจักรวรรดิโรมัน นำมาไว้ที่นี่เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำ
สิ่งที่นับว่าเหลือเชื่อมาก ก็คือ .. นับตั้งแต่จักรวรรดิออตโตมันเข้ามายึดครองพื้นที่นี้หลาร้อยปี ไม่เคยมีใครค้นพบห้องเก็บน้ำใต้ดินที่นี่เลย ใจนถึงยุค 90 จึงมีคนพบว่ามีน้ำผุดมาจากใต้ดิน จนมีการสำรวจและขุดพบในที่สุด และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เมื่อวันที่ 9 กันยายน ปี 1987 มานี่เอง
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา