5 ต.ค. 2021 เวลา 02:28 • นิยาย เรื่องสั้น
วิชากระบี่อสูรแสวงพ่าย
เอี้ยก่วยภาคพิเศษ
ภาคนี้เป็นภาคแยกของเอี้ยก่วยที่ผมเขียนถึงวิชาของ
" 🗡#กระบี่อสูร #ต๊กโกวคิ้วป่าย 🦅 "
เอี้ยก่วยเมื่อแขนขาด บาดเจ็บสาหัสคิดกลับไปเขาจงน้ำ
เพื่อเสาะหาเซียวเล้งนึ่ง แต่เกรงว่าไม่อาจประคับประคองตนเองไปถึง
.
สุดท้ายมายังหุบเขาร้าง🏔ซึ่งเป็นสุสุสานกระบี่ (เกี่ยมท่ง)
ด้วยความสิ้นหวังและอ้างว้าง
.
แต่การมายังสุสานกระบี่เกี่ยมม้อ ต๊กโกวคิ้วป่าย
อาจกล่าวได้เป็นจุดพลิกผันแห่งชีวิตของเอี้ยก่วย
ผู้มีชะตาที่อาภัพยิ่ง เอี้ยก่วยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากอาวเอี้ยงฮง
สำนักสุสานโบราณ และรับการถ่ายทอดไม้ตีสุนัขจากอั้งฉิกกง
รวมทั้งวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ และเพลงกระบี่ขลุ่ยหยก จากอึ้งเอี๊ยะซือ
.
แต่ทั้งหมดทั้งมวลวิชาของเอี้ยก่วยที่เป็นเชิงอาวุธ⚔️ นั้น
ไม่ว่าจะเป็นไม้เท้าตีสุนัข กระบี่สุรางคนางค์ กระบี่ช้วนจิน นั้น
.
แม้เรียนมาหลากหลาย แต่วิชาดังกล่าวก็มิได้เกิดการหลอมรวม หรือสังเคราะห์ขึ้นได้ การมายังสุสานกระบี่ในยามที่ชีวิตตกต่ำถึงที่สุด
ทำให้เอี้ยก่วยได้มีโอกาสพบ #เงา แห่งยอดคน
ยอดมือกระบี่แห่งยุคนาม
.
" เกี่ยมม้อ ต๊กโกวคิ้วป่าย”
.
ต๊กโกว แปลว่า โดดเดี่ยว เดียวดาย
.
คิ้วป่าย แปลว่า แสวงหาพ่ายแพ้
.
🍂🗡
“ กระบี่อสูรต๊กโกว คิ้วป่าย เมื่อพิชิตทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้าน
จึงฝังกระบี่ไว้ในสถานที่นี้
.
โอ้อนิจจา เหล่าผู้กล้าอับจนวิธี เสียทีที่กระบี่คมกล้า เป็นที่น่าอนาถใจ ”
.🍂🗡
เป็นข้อความที่สลักบนหินใหญ่จากอาวุธอันแหลมคม 2 แถว
โดยกระบี่อสูรผู้นี้
.
เอี้ยก่วยเมื่อทบทวนอ่านข้อความอยู่หลายเที่ยว ทั้งแตกตื่นทั้งเลื่อมใส
ทั้งรู้สึกถึงความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง
.
ซึ่งเคลือบแฝงอยู่ภายใน ของยอดคนอาวุโสท่านนี้
เพียงเพราะฝีมือไร้ผู้ต่อต้าน ได้แต่พำนักเร้นกายภายในหุบเขาลึก
อย่างนั้นความลึกล้ำพิสดารของพลังฝีมือไม่ทราบว่าบรรลุถึงขั้นใด
.
ไหนเลยที่ตนจะเทียบเทียมได้ ยามนี้หลงเหลือแขนข้างหนึ่ง
ต่อให้ยามกะทันหันไม่ตาย เรื่องพิชิตทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้าน
คงไม่มีหวังไปชั่วชีวิต เอี้ยก่วนพลันครุ่นคิดว่า
.
คนผู้นี้ขนานนามว่า “กระบี่อสูร” ย่อมใช้กระบี่ปานเทพยดา
มีนามว่า “คิ้วป่าย” แสวงหาพ่ายแพ้
.
แสดงว่าท่องไปทั่วหล้า ต้องการเสาะหาผู้ที่เอาชัยตัวเอง
ในที่สุด ไม่สมมาดปรารถนา ต้องอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้
ด้วยความตรมตรอมจนกระทั่งตายจากไป
นับเป็นบุคลิกภาพยอดคน
เอี้ยก่วยยิ่งคิด ยิ่งเคลิบเคลิ้มงมงาย
เมื่อพี่อินทรีได้นำเอี้ยก่วยไปยังสุสานกระบี่
เอี้ยก่วยพบกระบี่วางเรียงรายอยู่ 3 เล่ม ระหว่างกระบี่เล่าที่
กับเล่มที่ 2 ยังมีแผ่นหินแท่งยาว
กระบี่ทั้ง 3 เล่มล้วนจัดวางอยู่บนหินเขียวก้อนหนึ่ง
.
กระบี่ขวาสุด เห็นศิลาใต้กระบี่สลักอักษรเล็กๆว่า
“เกรี้ยวกราดรุนแรง ทำลายล้างทุกสิ่ง เมื่อวัยหนุ่มฉกรรจ์ใช้ชิงชัย
กับเหล่าผู้กล้าแคว้นฮ่อซวก”
.
เป็นกระบี่ยาวประมาณ 4 เซียะ เปล่งประกายสีเขียว
นับเป็นศาสตราวุธคมกล้า เอี้ยก่วยยังวางกระบี่ลงยังที่เดิม
หยิบแผ่นหินแท่งยาวขึ้นเห็นสลักอักษรเล็กๆ
.
“กระบี่อ่อนกุหลาบหนูม่วงใช้ก่อนอายุ 30 พลั้งมือ
ทำร้ายผู้กล้าฝ่ายธรรมมะถือเป็นสิ่งอัปมงคลโยนทิ้งลงสู่ก้นหุบเหว”
.
สุดท้ายเอี้ยก่วยหยิบกระบี่อีกเล่ม
ยกขึ้นมาไม่กี่เชียะพลันร่วงหลุดจากมือ
หล่นกระทบหินจนสะเก็ดไฟแลบกระจาย
เป็น กระบี่สีดำทะมื่น ไม่มีลักษณะพิเศษอันใดแต่หนักอึ้งยิ่ง
.
กระบี่ยาว 4 เชียะเศษ น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 70-80
ชั่งเปรียบกับดาบทองหอกใหญ่ที่ใช้ในสมรภูมิยังหนักกว่าหลายเท่า !!!
.
เอี้ยก่วยตอนหยิบยกไหนเลยคาดคิดว่าหนักถึงเพียงไหน
ยามไม่ทันระวัง ข้อมือถูกถ่วงทิ้งลง เป็นเหตุให้ไม่อาจถือมั่น
พลันคิดว่า
.
“ กระบี่หนักอึ้งถึงเพียงนี้ ไหนเลยใช้ออกได้
โดยความคล่องแคล่วถนัดมือ อย่าว่าแต่ปลายกระบี่และคมกระบี่
ล้วนไม่ผ่านการฝนแหลม ช่างประหลาดแท้ ”
นี้เป็นคราแรกที่เอี้ยก่วยพานพบกระบี่เหล็กดำ
ซึ่งจะเป็นกระบี่คู่มือของอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อมองดูอักษรจารึกใต้กระบี่ เขียนว่า
.🗡🌑
“กระบี่หนักไร้คม ใช้ได้คล่องแคล่ว ฝีมือการสร้างไม่ประณีต
ก่อนอายุสี่สิบใช้พิชิตทั่วแผ่นดิน ”
.🗡🌑
เหล่าสหายชาวยุทธ โดยเฉพาะผู้ฝึกกระบี่คงทราบว่า
เพลงกระบี่ทั่วหล้า ไม่ว่าค่ายสำนักใด มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดแผกแตกต่าง ล้วนถือความรวดเร็ยปราดเปรียวเป็นหลัก กระบี่หนักอึ้งเช่นนี้ ไม่ทราบใช้อย่างไร นี่คือความพิสดารของกระบี่อสูรที่ทำให้พิชิตทั่วหล้าอย่างแท้จริง
.
ส่วนกระบี่เล่มสุดท้าย เป็น กระบี่ไม้เล่มหนึ่ง อักษรใต้กระบี่จารึกว่า
.
“หลังอายุ 40 ปี ไม่ยึดติดกับวัตถุ แม้แมกไม้ไผ่หินล้วนถือเป็นกระบี่ได้
นับแต่นี้พากเพียรฝึกปรือ เริ่มเข้าสู่ห้วงไร้กระบี่เหนือกว่ามีกระบี่ ”
เอี้ยก่วยอ่านแล้วถึงกับทอดถอนใจ
.
“ ยอดวิชาของผุ้อาวุโส สุดที่ผู้คนจะคาดคิดคำนวณได้ ”
.
เป็นอินทรียักษ์คาบกระบี่หนักไร้คมขึ้นมา
วางลงบนฝ่ามือเอี้ยก่วย เพื่อให้เอี้ยก่วยฝึก
.
แต่เอี้ยก่วยแขนขวาขาด จะฝึกกระบี่หนักร่วม 70-80 ชั่ง
เช่นนี้ได้อย่างไร ❓❓
.
👉คำตอบคือ
.
อินทรียักษ์คาบดีงูป้อนเข้าปากเอี้ยก่วยทำให้เกิดความกระตือรือร้น
คึกคัก เพิ่มพูนกำลังวังชา เป็นดั่งโอสถทิพย์รักษาบาดเจ็บ
ให้เอี้ยก่วย จุดชีพจรที่ยามปกติพลังลมปราณยากบรรลุถึง
กลับปลอดโปร่งไม่ติดขัด สร้างความยินดีแก่เอี้ยก่วยยิ่ง
กำลังภายในโคจรหมุนเวียนหามีอุปสรรคขัดข้องไม่
นอกจากนี้ เอี้ยก่วยยังได้ฝึกปรือวิทยายุทธ์เพลงกระบี่
โดยได้อินทรียักษ์🦅เป็นคู่มือ โดยอินทรียักษ์นี้
อยู่เป็นเพื่อนกับต๊กโกวคิ้วป่ายย่างยาวนาน
การจิก การจู่โจม และการรุกถอย คล้ายแฝงวิชาการต่อสู้
.
ต๊กโกวคิ้วป่ายอยู่ในหุบเขาร้างอย่างเดียวดาย ระหว่างที่ไร้เรื่องราว
ยึดถือทวิชาตตัวนี้เป็นคู่มือในการซักซ้อมกระบวนท่าวิทยายุทธ์
.
เอี้ยก่วยสามารถค้นพบเค้าโครงที่เหลืออยู่ของปรมาจารย์อาวุโสท่านนี้จากอินทรียักษ์นี้เอง จึงเท่ากับเอี้ยก่วยได้ร่ำเรียนกับตัวแทนของต๊กโกวคิ้วป่าย
ผลของการทานดีงูวิเศษ และซ้อมมือกับอินทรียักษ์ทำให้เอี้ยก่วย
รู้สึกกระบี่ไม่หนักมืออีกต่อไป
ยามนี้เอี้ยก่วย จึงได้หลอมรวมวิชาของตนเคยได้ร่ำเรียนมา
โดยมีอินทรียักษ์คอยชี้แนะ
.
เอี้ยก่วยนั้น มีพื้นฐานวิชาฝีมือจากปรมาจารย์แห่งยุคหลายท่าน
ทำให้มีพื้นฐานที่หนักแน่นและมั่นคง หากมิได้มีพื้นฐานดังกล่าวมานั้น
วันนี้ต่อให้เอี้ยก่วยมีประสบการณ์พิสดาร
ก็ไม่สามารถบรรลุถึงขอบเขตของวิชา “#กระบี่อสูร”🗡🌑 ได้
.
มาตรแม้นอินทรียักษ์เป็นสัตว์วิเศษ แต่อย่างไรก็ไม่สามารถเอ่ยวาจาได้ อย่างมากเพียงกระตุ้นชี้นำ แต่ไม่สามารถแนะนำสั่งสอน
เพียงแต่อินทรียักษ์ทรงพลังมาแต่กำเนิด
ทั้งอยู่กับต๊กโกวคิ้วป่ายมาเป็นเวลานาน
มักซ้อมมือปะกระบวนท่ากับท่านจึงจดจำวิธีรุกถอยจู่โจมได้บ้าง
.
อย่างไรก็ดี ในการฝึกวิชากระบี่อสูรเอี้ยก่วยยังได้
ธรรมชาติมาเป็นอาจารย์สอนสั่งอีกด้วย
ฝึกกระบี่กับสายน้ำป่า⛈💦
.
เมื่อฝนห่าใหญ่เทกระหน่ำลงมา เอี้ยก่วยถือกระบี่หนัก
ฝ่าสายฝนตามอินทรียักษ์ไป อ้อมผ่านช่องเขาพลันได้ยิน
เสียงน้ำดังสะท้านแก้วหูแทบแตก
เห็นบนเขามีน้ำตกคล้ายมังกรขาวสายหนึ่งสาดเทลงมา
กระแทกกระทั้นลงยังลำธารสายหนึ่ง
กระแสน้ำเชี่ยวกราก ในสายน้ำเจือปน ด้วยก้อนหิน ต้นไม้
อินทรียักษ์ใช้จะงอยปากดึงเอี้ยก่วยลงไปในสายน้ำ
ส่วนตัวมันไปยืนเกาะบนโขดหินใหญ่กลางสายธาร
.
ปีกซ้ายยื่นเฉียงตีหินที่กระแทกลงมาจากต้นน้ำก่อนหนึ่งพุ่งกลับไป
รอจนกระแทกลตามแรงน้ำก็ตีกลับไปอีก
จู่โจมเช่นนี้ 5- 6 ครั้ง หินไม่สามารถพุ่งผ่านตัวมัน
.
จวบจนครั้งที่ 7 หินแหวกพุ่งลงมา อินทรีขยับปีกตีใส่หิน
ก็พุ่งพ้นจากลารร่วงลงบนฝั่ง
จากนั้นอินทรีก็กระโดดกลับมายังข้างกายเอี้ยก่วย
นี่เป็นแบบของวิชากระบี่อสูร ที่เอี้ยก่วยต้องฝึกฝน
ท่ามกลางสายน้ำป่าที่เชี่ยวกราก
เป็นความเข้มงวดของอินทรียักษ์ ที่เคี่ยวกรำเอี้ยก่วย
เพื่อให้บรรลุวิชากระบี่อสูรให้จงได้
.
คราแรกเอี้ยก่วย แม้ใช้พลังถ่วงพันชั่ง (โชยกึงตุ่ย)
ยังไม่สามารถยืนหยัดในสายน้ำป่าได้
เมื่อโดนการเคี่ยวเข็ญจากอินทรียักษ์ จึงรวมพลังที่จุดศูนย์ 2
เท้าปักหลักมั่น ไม่หายใจเข้าอีก
.
จากนั้นเอี้ยก่วยถีบยัน 2 เท้าทะยานขึ้น
ในปากมีสายน้ำฉีดพุ่งออกมาดุจเกาทัณฑ์ จากนั้นร่างจมดิ่งลง
ไปในลำธารอีกครั้ง ปล่อยให้น้ำป่าผ่านศีรษะไป
ร่างยืนหยัดอยู่กลางน้ำ ประหนึ่งหลักศิลาอันมั่นคง
จิตใจสงบเยือกเย็นทีละน้อย
.
จากนั้นเอี้ยก่วยใช้กระบี่หนักตวัดใส่ก้อนหิน
ซึ่งถูกพัดพามาตามกระแสน้ำ ก้อนหินเมื่ออยู่ในน้ำจึงมีน้ำหนักเบากว่าเดิม
.
แม้แต่กระบี่หนักเอง เมื่อมีแรงน้ำหนุนส่งก็ไม่หนักอึ้งเช่นยามปกติอีก
เมื่อมีธรรมชาติหนุนส่งเช่นนี้ เอี้ยก่วยจึงเพิ่มความคล่องแคล่ว
ใช้เพลงกระบี่ แทง ตวัด เขี่ย สะบัดจู่โจม
เมื่อฝึกจนสิ้นเรี่ยวแรง เอี้ยก่วยจึงทะยานขึ้นจากน้ำ
อินทรียักษ์สบโอกาสจึงกางปีกจู่โจม
.
เอี้ยก่วยจึงได้แต่เสือกกระบี่แทงสวนไป พลางกล่าว
“ล่วงเกินแล้ว”
ได้ยินเสียงคมกระบี่แหวกตัดอากาศ ดัง ซี่❗️ ซี่ ❗️
ผิดแผกแตกต่างจากกาลก่อน อินทรีเห็นปลายกระบี่ทิ่มแทงเข้าใกล้
กลับมิกล้าต้านรับ ได้แต่กระโดดถอยหนีไป
นี่เป็นพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของเอี้ยก่วย
.
ระยะเพียงเดือนเศษได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เข้าสู่ขอบเขตของสุดยอดฝีมือในยุทธภพ
.
เอี้ยก่วยหวนนึกถึง ตนเองฝึกซ้อมในน้ำป่าครึ่งค่อนวัน
มีพลังรุดหน้ากว่าเดิม คนผู้หนึ่งมีพลังเพิ่มพูนไม่อาจกระทำสำเร็จ
ในเวลาสิบวันครึ่งเดือน
เหตุใดแทงจู่โจมในน้ำครึ่งวัน กลับมีเพลงกระบี่รุดหน้า❓
คาดว่าดีงูของงูประหลาด🐍
คงมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างเอ็นกระดูก
ทำให้กำลังภายในเพิ่มพูนโดยไม่รู้สึกตัว
นี่เป็นด้านดีในยามวิกฤตของชีวิตเอี้ยก่วย
เเละเมื่อเสริมกับการฝึกกระบี่ในสายน้ำป่า
ทำให้เอี้ยก่วยเข้าใจเหตุผลของ
วิถีกระบี่ที่แทงตาม พุ่ง ทวน ฟัน ขวาง ฟาดย้อนมากหลาย
.
ระหว่างที่อยู่ในน้ำทำให้เอี้ยก่วยได้คิดว่า
เมื่อใช้กระบี่เช่นนี้ สามารถทำลายล้างทุกสิ่ง
ตัวกระบี่ไยต้องมีคม ❓
แต่หากกระบี่นี้มิใช่กระบี่ที่มีน้ำหนักมากกว่ากระบี่ทั่วไปหลายสิบเท่า
ก็ไม่อาจใช้เพลงกระบี่ชุดนี้ได้ หากตนเองใช้กระบี่ธรรมดา
เพียงขยับสั่นพลิ้วไหวเบาๆ คมกระบี่ก็หักแล้ว
.
เอี้ยก่วยจึงคิดว่าเพลงกระบี่หนักนั้นเนื้อหาสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
หากจะฝึกกระบี่ไม้ให้เป็นดั่งกระบี่หนัก
คงต้องมีพลังการฝึกปรือจากตื้นเขินเป็นล้ำลึก
ขึ้นอยู่กับการเพาะสร้างของตนเอง
.
ภายหลังเมื่อฝึกกระบี่หนักสำเร็จเอี้ยก่วยจึงลงจากเขาไป
ฝึกกระบี่กลางทะเลคลั่ง🌊
.
ต่อมาด้วยกำหนดนัด 16 ปีกับเซียวเล้งนึ่ง ฮูหยินของตน
เอี้ยก่วยได้หวนกลับมายังสุสานกระบี่
เพื่อฝึกขั้นสุดท้ายคือ #การใช้กระบี่ไม้
พัฒนาการของเอี้ยก่วย เฉกเช่นหลักการฝึกอาวุธของจอมยุทธในยุทธภพ
.
คือฝึก กระบวนท่าอาวุธ จากนั้นฝึกอาวุธหนัก
เช่นในสมัยก่อนจะมีง้าวหรือทวนเหล็กที่หนักร้อยชั่ง
เพื่อให้ฝึกการเสริมสร้างร่างกาย คือกระดูกเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ
หากแต่เอี้ยก่วยนั้นสามารถใช้อาวุธหนักในการต่อสู้จริงได้
ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเพลงกระบี่อสูรนี้
.
เมื่อฝึกอาวุธหนักจนสูงสุดแล้ว ย่อมกลับมาฝึกอาวุธเบา
ดุจไร้น้ำหนักคือ กระบี่ไม้
.
แต่อย่างไรก็ตามหลักวิชาบู๊คือ “#สูงสุดคืนสู่สามัญ” หรือขอบเขตขั้นปรมาจารย์กระบี่ คือ
“#ไร้กระบี่ #เหนือกว่ามีกระบี่”
.
แม้นต๊กโกวคิ้วป่ายใช้กระบี่หนักเหล็กดำพิชิต
โดยไร้ผู้ต่อต้านแต่จากจารึกอักษรแล้ว กระบี่ไม้ยังสามารถ
ชนะกระบี่หนักเหล็กดำ แต่ขอบเขตสุดท้าย ไร้กระบี่ย่อมเหนือกว่ากระบี่ไม้
.
ดังนั้นเอี้ยก่วยจึงเริ่มฝึกกระบี่ไม้ ในใจครุ่นคิดว่า
.
“ กระบี่หนักเหล็กดำหนัก 70 ชั่ง กระบี่ไม้ที่เบาหวิวเล่มนี้
คิดใช้ความเบาสะกดความหนัก มีเพียงสองสถาน
คือ คือใช้ความเร็วพิชิตเชื่องช้า หรือใช้อาศัยกำลังภายในเปี่ยมล้น
ใช้ความเข้มแข็งพิชิตอ่อนแอ”
.
แบบฝึกของกระบี่ไม้ย่อมแตกต่างจากกระบี่หนัก คือ
การฝึกกระบี่กลางหิมะ❄️❄️ การฝึกของเอี้ยก่วยยังใช้
ธรรมชาติเป็นอาจารย์สอนสั่งเช่นเคย
เมื่อเอี้ยก่วยถือกระบี่ไม้ ร่ายรำกลางหิมะพร้อมกับ
โบกสะบัดแขนเสื้อข้างขวา พอเกล็ดหิมะพลิ้วลงมา
ก็ใช้เพลงกระบี่ หรือกระแสลมจากแขนเสื้อ
กระพือเกล็ดหิมะให้ลอยพ้นห่างออกไป
.
ขั้นต่อมา จึงได้รับการชี้แนะจากอินทรียักษ์ ใช้ปีกเข้าจู่โจม
เมื่อกระบี่ไม้เจอพลังมหาศาลของอินทรียักษ์
.
เอี้ยก่วยได้แต่พยายามหาช่องว่างตีโต้
แต่เมื่อเจอกับพลังของอินทรียักษ์เข้าจริงๆ กระบี่ไม้ย่อมหักไป
.
และเป็นอินทรียักษที่ใช้จะงอยปาก กัดชายเสื้อของเอี้ยก่วย
นำเอี้ยก่วยไปยังแบบฝึกสุดท้าย คือ มายัง #ทะเลตังไฮ้ (#ทะเลบูรพา)
.
เพื่อให้เอี้ยก่วยฝึกปรือกระบี่กลางคลื่นพิโรธ🌊
เอี้ยก่วยต้องใช้กระบี่ไม้พุ่งฝ่าเกลียวคลื่นสีขาว
สะบัดกวัดแกว่งกระบี่ เพื่อรับรู้พลังแห่คลื่นที่หนุนเนื่องเข้ามา
คลื่นแล้ว คลื่นเล่า
.
ความแตกต่างจากแบบฝึกกระบี่หนักที่ฝึกกับน้ำป่าเเละคลื่นพิโรธคือ
น้ำป่าจะกระแทกจากบนลงสู่ล่าง
แต่เกลียวคลื่นจะโถมพัดซัดเข้ามาจาก 4 ทิศ 8 ทาง
.
ทุกครั้งที่เอี้ยก่วยต้านทานไม่ได้ก็จะดำดิ่งลงใต้น้ำเป็นการหลบเลี่ยง
ฝึกเช่นนี้วันละ 2 ครั้ง คือยามเที่ยงวัน กับยามเที่ยงคืน
ติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน
ผลคือ เอี้ยก่วยกลับมีพลังฝีมือรุดหน้าไม่น้อย
.
เมื่อเอี้ยก่วยหยอกเย้ากับอินทรียักษ์ ด้วยความคึกคักแห่งวัยหนุ่ม
จึงสะบัดกระบี่ฟันออกด้วยพลัง 10 ส่วน ☄️
ด้วยความที่เอี้ยก่วยรั้งสภาวะไม่ทัน
อินทรียักษ์จึงส่งเสียงร้อง และกระโดดออกไปข้างๆ
.
กระบี่จึงฟันใส่ต้นไม้เล็กๆ ต้นหนึ่ง ผลลัพธ์คือแม้กระบี่ไม้หักสะบั้น
แต่ลำต้นไม้ก็หักกลางด้วย
พลันต้องครุ่นคิดว่า
“กระบี่ไม้เปราะบางไร้พลัง กลับสามารถฟันต้นไม้หัก
ย่อมอาศัยพลังข้อมือของเรา
.
ภายหน้าฟันต้นไม้หักโดยที่กระบี่ไม่หักเสียหาย
อย่างนั้นจะมีความสำเร็จใกล้เคียงกับผู้อาวุโส
แซ่ต๊กโกวเมื่อครั้งกระโน้นแล้ว ”
วสันต์สิ้นฤดูสารทแทนที่🍃🎋 วันคือผ่านพ้นดั่งสายธาร
เอี้ยก่วยฝึกซ้อมกระบี่ช่วงเวลาน้ำทะเลหนุนสูง
ทุกเที่ยงวันเที่ยงคืนโดยไม่ว่างเว้นเสียงกระบี่ไม้ยิ่งมายิ่งดัง
เมื่อถึงตอนท้ายกลับดังครืนครั่นเลือนลั่น ดังเป็นเวลาหลายเดือน
เสียงกระบี่กลับเบาลงทีละน้อย ในที่สุดกลายเป็นไร้เสีย
ฝึกปรืออีกหลายเดือน เสียงกระบี่ค่อยดังขึ้นอีก
นั้บแต่นั้นจากเบาเป็นดัง จากดังเป็นเบา ย้อนทวนรวม 7 ครั้ง
สุดท้ายจากเบาเป็นเบา จากดังเป็นดัง
เอี้ยก่วยเมื่อฝึกปรือถึงขั้นนึ้จึงงอนับนิ้วดูพบว่าตนเอง
อยู่ชายฝั่งทะเลมา 6 ปีแล้ว
ผลของการฝึกของเอี้ยก่วยล่ะ❓❓
.
ยามนี้เอี้ยก่วย ถือกระบี่ไม้แทงสวนระลอกคลื่นยามน้ำทะเลหนุนสูง
พลังอันแผ่พุ่งออกจากกระบี่สามารถต้านทานปะทะคลื่นลูกใหญ่ซึ่งถาโถมเข้ามาปะทะ โดยที่กระบี่ไม้นั้นไม่หักอีกแล้ว
.
อินทรีวิเศษแม้ทรงพลังมหาศาล
ยังไม่อาจต้านทานกระบี่ไม้ของเอี้ยก่วยสักสองท่าสามกระบวนเพลง
.
ยามนี้เอี้ยก่วยจึงรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกในช่วงปัจฉิมวัย
ของกระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่าย เมื่อตนเองมีความสำเร็จ
ใกล้เคียงกับต๊กโกวคิ้วป่าย พลันครุ่นคิดขึ้น
.
🍁
“ อาศัยเพลงกระบี่นี้ทั่วทั้วยุทธจักรไหนเลยมีคู่ต่อสู้ต้านติด
มิเน่าเล่า ผู้อาวุโสแซ่ต๊กโกวสะทกสะท้อนอ้างว้าง
ตัดสินใจฝังกระบี่ในหุบเขาร้าง ”
.🍁
นับว่าเอี้ยก่วยได้เข้าสู่ขั้นขอบเขตของปรมาจารย์แห่งวิชากระบี่แล้วคือ
...อาศัยเบาพิชิตหนัก ใช้หลักสี่ตำลึงก็สามารถปาดพันชั่ง
เมื่อบรรลุถึงขอบเขตขั้นนี้เอี้ยก่วยจึงหวนกลับสู่ยุทธภพ
🍁🍁🍁
ในตอนหน้าข้าพเจ้าจักเขียนถึงฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย
ซึ่งเป็นภาคพิเศษของเอี้ยก่วยอีกภาคหนึ่งครับ
.
ขอบคุณเหล่าชาวยุทธทุกท่านที่ติดตาม และกดไลค์ กดแชร์มากๆครับ
.
ขอคารวะเหล่าชาวยุทธทุกท่าน🍶
☯ อนันตทวิ
🙏ขอบคุณภาพเอี้ยก่วยจาก
- เอี้ยก่วยเจ้าอินทรี (The Return of the Condor Heroes)
เเละจากอินเทอร์เน็ตครับ
โฆษณา