5 ต.ค. 2021 เวลา 02:37 • นิยาย เรื่องสั้น
ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย
เอี้ยก่วยภาคพิเศษ🦅
ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายเป็นภาคส่งท้ายของเอี้ยก่วย
ข้าพเจ้านั้นขอเล่าถึงซึ่งความสำคัญของเพลงฝ่ามือชุดนี้เกิดจากการที่
เอี้ยก่วยยามที่ต้องรอนางอันเป็นดวงใจนานถึง 16 ปี
.
ต่อมาเมื่อได้ฝึกกระบี่กลางทะเล🌊กับอินทรียักษ์
ยามอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน อยู่ว่างไร้เรื่องราว
จึงทดลองต่อยหมัดเตะเท้า เนื่องด้วยเอี้ยก่วยมีพลังการฝึกปรือลึกล้ำ
.
พอลงมือก็เปล่งอานุภาพไพศาล เพียงฝ่ามือเดียวถึงกับ
ฟาดกระดองของเต่าทะเล🐢ซึ่งอยู่บนชายหาดตัวหนึ่งแตกสลาย
ดังนั้นเอี้ยก่วยจึงใช้ความคิดบัญญัติเพลงฝ่ามือขึ้นมาชุดหนึ่ง
ลงมือด้วยท่วงท่าแตกต่างกับวิชาฝีมือธรรมดาทั่วไป
ความร้ายกาจของเพลงฝ่ามือนี้อยู่ที่กำลังภายใน มีทั้งสิ้น 17 กระบวนท่า
.
เนื่องจากในชีวิตเอี้ยก่วย ได้รับการชี้แนะจากยอดฝีมือไม่น้อย
ดั่งที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้ในวิชากระบี่อสูรแสวงพ่าย
ไม่ว่าจะเป็นวิชาลมปราณคางคก ของอาวเอี้ยงฮง ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์
ของอึ้งเอี๊ยะซือ เคล็ดวิชาในคัมภีร์สุรางคนางค์ของลิ้มเชี้ยวเอ็ง รวมทั้งเคล็ดวิชาของสำนักช้วนจิน เป็นต้น
กล่าวให้ชัดแจ้งคือในยอดฝีมือแห่งยุค 5 ทิศ 🔯
นอกจากวิชาดรรชนีเอกสุริยันของอิดเต็งไต้ซือแล้ว
เอี้ยก่วยได้ศึกษาวิชาของพิษประจิม
ภูตบูรพา ขอทานอุดร และกลางอิทธิฤทธิ์ รวมทั้งแนววิชาของสำนักสุสานโบราณซึ่งเป็นมรรคาอีกสายหนึ่งด้วย
ยามนี้เมื่อฝึกวิชากระบี่อสูร ซึ่งเป็นหล่อหลอมรวมวิชาเพลงอาวุธต่างๆ
เมื่อฝึกฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายนั้น กระบวนท่าเพลงมวยย่อมต้องมีการ
หลอมรวมวิชาต่างๆเฉกเช่นเดียวกัน เพียงแต่เอี้ยก่วยเหลือเพียงแขนเดียว
ดั้งนั้นไม่อาศัยยการเปลี่ยนแปลงของกระบวนท่าเข้าเอาชัย หลักวิชานี้จึงจงใจสวนทางกับหลักเหตุผลของวิชาบู๊ทั่วไป
เหตุใดถึงมีชื่อว่า
“ 🤚ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย 🌊(อ่ำเยี้ยงเซียวฮุ้นเจี้ย )”??
.
เอี้ยก่วยนำมาจากข้อความใน กาพย์เปียกฮู่ (กาพย์ลาจากจร)
ของกังเอียม ที่ว่า
.
🍂
“ เศร้ากำสรดวิญญาณสลาย คลาดคลาหายจากจรไปแสนไกล”
.🍂
(กังเอียวเป็นบุคคลในราชวงศ์เหนือใต้
มีความรู้ในเชิงอักษรศาสตร์เป็นเลิศ ชนชาวโลกเรียกขานเป็นกังนึ้ง
แปลว่าบุรษแซ่กัง พอย่างเข้าปัจฉิมวัย ความคิดอ่านเริ่มเสื่อมถอย
ในกาพย์กลอนปราศจากข้อความเพราะพริ้ง
ผู้คนจึงบอกว่า กังนึ้งเสื่อมสิ้นภูมิปัญญา ภายหลังกลายเป็นสุภาษิตบทหนึ่ง ใช้เปรียบเปรยคนที่หมดสิ้นภูมิปัญญา)
.
หลังจากที่เอี้ยก่วยฝึกฝ่ามือนี้สำเร็จก็มิได้ใช้ออกแต่ประการใด
จนมาพบจิวแป๊ะทง ณ หุบเขาร้อยบุปผา (แป๊ะฮวยก๊ก)🏔
.
เมื่อจิวแป๊ะทงใช้วิชาในคัมภีร์เก้าอิม นามว่า
เพลงหมัดกำราบมาร (ไต้ฮกม้อคุงฮวบ)
ซึ่งเป็นเพลงหมัดที่อานุภาพรุนแรงสุดเปรียบปาน
ด้วยความผยองของเอี้ยก่วยจึงกล่าวว่า
“เพลงหมัดกำราบมารมีอันใดน่าอวดอ้าง ❓
ท่านใช้สองมือออกโดยพร้อมเพรียง
(ใช้แบ่งภาคร่างแยก สองมือขัดแย้ง)
ลองรับวิชาฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายของข้าพเจ้าดู “
.
ทันใดนั้นเอี้ยก่วยพลันยกมือข้างเดียวไพล่หลัง
ทอดสายตามองไกล ฝีเท้าเลื่อนลอย ทรวงอกเปิดกว้างออก
ท่วงท่าทั้งหมดตรงกันข้ามกับข้อห้ามของวิชาบู๊
จิวแป๊ะทงเห็นดังนั้นจึงสืบเท้าไปหนึ่งก้าว
ซ้ายเปลี่ยนเป็นฝ่ามือกดประทับหลอกล่อโดยมีเจตนาหยั่งดู
เอี้ยก่วยคล้ายไม่รู้สึกตัว หาแยแสสนใจไม่
.
จิวแป๊ะทงจึงร้องเตือนว่า “ระวัง” พลางต่อยหมัดใส่ท้องน้อยเอี้ยก่วย
เพราะเกรงว่าจะทำร้ายอีกฝ่ายหมัดนี้จิวแป๊ะทงใช้พลังเพียง 3 ส่วน
หาคาดไม่ว่าหมัดเพิ่งกระทบถูกร่างเอี้ยก่วย พลันรู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่ท้องน้อยของเอี้ยก่วยเต้นระริก พร้อมกันนั้นทรวงอกยุบเข้าด้านใน
แล้วดีดกระดอนออก
จิวแป๊ะทง ใจหายวาบ รีบกระโดดหลบไปทางซ้าย
หวนนึกถึงยอดฝีมือชาวบู๊ลิ้มยุบทรวงอก บังคับท้องน้อยจมลง
ใช้หลบเลี่ยงกระบวนท่าศัตรูความจริงเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่การบังคับกล้ามเนื้อทำร้ายผู้คนเช่นนี้ กลับไม่เคยได้เห็นมาก่อน
.
ดังนั้นจึงร้องถามเอี้ยก่วยว่า “นี่เป็นวิชาฝีมืออันใด”
.
เอี้ยก่วยกล่าวว่า “ นี่เป็นกระบวนท่าที่ 13 ในฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายเรียกว่า #เนื้อเต้นใจสะท้าน (ซิมเกียเน็กเถี่ยว)
.
ด้วยความอยากรู้จิวแป๊ะทงจึงสะบัดฝ่ามือด้วยแขนซ้าย
เอี้ยก่วยกลับเงยหน้ามองท้องฟ้า ราวกับมองไม่เห็น
ฟาดฝ่ามือใส่เบื้องบนศีรษะของจิวแป๊ะทง ฝ่ามือพาดเฉียงลง
พลังฝ่ามือกาลายเป็นรูปโค้งกระจายลงรอบด้าน
.
จิวแป๊ะทงทราบว่าฝ่ามือนี้ปานประหนึ่งท้องโพยมปกคลุมพื้นที่กว้างไพศาล ไม่สามารถหลบหลีกรอดพ้นจึกยกฝ่ามือต้านรับ
.
เสียงฉาด! เมื่อฝ่ามือทั้งสองข้างปะทะกัน อดส่ายร่างโงนเงนมิได้
จิวแป๊ะทงเข้าใจว่าตัวเองชะล่าใจไป แต่หาทราบไม่ว่า
พลังฝีมือของเขาแม้ไม่อ่อนด้วยกว่าอีกฝ่าย แต่ฝ่ามือเปรียบเทียบฝ่ามือ
ไม่กล้าแข็งแกร่งกร้าวเท่ากับพลังฝ่ามือของเอี้ยก่วย นี่เป็นกระบวนท่า
“วิตกทุกข์ร้อนเกินเหตุ (กีนั้งอิวเทียน)
จากกระบวนท่าวิตกทุกข์ร้อนเกินเหตุ จึงเป็นกระบวนท่า
“เสกสรรปั้นเรื่องราว”
เมื่อจิวแป๊ะทงสะอึกเข้ามา เอี้ยก่วยพลันลดแขนลง
ไม่ตั้งท่าตระเตรียมป้องกันแม้แต่น้อย รอจนกระบวนท่าหมัดของจิวแป๊ะทงห่างจากเนื้อตัวนิ้วเศษ พลันเคลื่อนไหว ทั้งมือเท้า ซ้ายฝ่ามือ
ขวาแขนเสื้อ ขยับสองเท้าพุ่งศีรษะชน
แม้แต่ทรวงอกไหล่หลังล้วนใช้กระบวนท่าออก ไม่มีส่วนใดไม่ทำร้ายศัตรู
จิวแป๊ะทงแม้ระวังป้องกันแต่แรกว่าเอี้ยก่วยต้องมีไม้ตาย
แต่คาดไม่ถึงว่าเอี้ยก่วยจะโถมจู่โจมตลอดทั้งร่าง
พริบตานั้นปรากฏสิบกว่ากระบวนท่าจู่โจมถึงโดยพร้อมเพรียง
ที่ว่า กระบวนท่าเสกสรรปั้นเรื่องราวมีเพียงท่าเดียว
แต่แฝงท่าตามหลังสิบกว่าท่วงท่า
ต่อให้จิวแป๊ะทงมีภูมิความรู้ลึกล้ำไพศาล ยังวุ่นวายจนมือไม้ปั่นป่วน
.
จิวแป๊ะทงความจริงลดแขนซ้ายไม่ใช้ออกเพื่อไม่เอาเปรียบเอี้ยก่วย
ยามนี้มิอาจไม่ยกขึ้นปิดป้อง ต้องทุ่มเทอย่างสุดกำลัง
ค่อยต้านทานรับเพลงฝ่ามือชุดนี้ได้ แต่ไม่มีปัญญาตีโต้กระบวนท่ากลับไป ในที่สุดนับว่าปิดป้องต้านทานหมดสิ้น รีบพุ่งถอยไปด้านหลังวาเศษ
ป้องกันว่าเอี้ยก่วยมีท่าตามหลังประหลาดล้ำกว่านี้อีกหรือไม่
.
เมื่อเอี้ยก่วยเห็นจิวแป๊ะทงคลี่คลายกระบวนท่า
ที่ตัวเขาจู่โจมโหมใส่จนหมดสิ้น ด้วยฝีมือที่แคล่วคล่องว่องไวถึงที่สุด
อดทอดถอนชมเชยในใจมิได้
จึงใช้กระบวนท่า “ยืดเยื้อชวนรำคาญ (ทัวนี้ตั่วจุ้ย) “
.
แขนข้างขวาโบกสะบัด ราวกับสายน้ำไหลหลั่ง🌊
แต่มือซ้ายสะดุดลากถ่วง คล้ายกำลังลากดึงดินโคลนหนักหลายพันชั่ง
ก็มิปาน ซึ่งท่านี้ของเอี้ยก่วยแฝงไว้ด้วยเพลงฝ่ามือห้าธาตุชุดหนึ่ง
ซึ่งคล้ายวิชาของอึ้งเอี๊ยะซืออย่างยิ่ง
ซึ่งประกอบด้วยลักษณะของความคล่องแคล่วหนักหน่วง
ยามนั้นจิวแป๊ะทงมือซ้ายใช้ออกด้วยเพลงหมัดสูญจำรัส
มือขวาใช้ออกด้วยเพลงหมัดกำราบมาร
ใช้ความคล่องแคล่วสู้ความคล่องแคล่ว
ใช้ความหนักหน่วงสู้ความหนักหน่วง
ผลจากการปะทะ ทั้งสองส่งเสียงตวาดโดยพร้อมเพรียง
ถอยกายไปคนละหลายก้าว...
.
นี่เป็นความยอดเยี่ยมอัจฉริยะในเชิงยุทธของเอี้ยก่วย
ที่คิดหลักวิชาสวนทางกับแนวทางวิชาบู๊ทั่วไป
.
เอี้ยก่วยเมื่อใช้เพียง 4 กระบวนท่าก็หยุดมือไว้
เพราะหากแม้นต้องการพิสูจน์ผลแพ้ชนะ มิอาจไม่หักล้างกำลังภายใน
เมื่อถึงเวลานั้น อาจมีสภาพหนึ่งตกตายหนึ่งบาดเจ็บ
หรือเสียชีวิตทั้งคู่ เฉกเช่นอั้งฉิกกง และอาวเอี้ยงฮง
เป็นเหตุให้จิวแป๊ะทง ร่ำร้องขอเรียนวิชาที่เหลือ
แม้ให้กราบกรานเอี้ยก่วยเป็นอาจารย์ก็ยอม ด้วยความที่เอี้ยก่วยเห็นแก่ความเป็น “#ผู้งมงายวิชาบู๊” จึงบอกชื่อกระบวนท่า อีก 13 ท่าที่เหลือแทน
1. วนเวียนหุบเขาร้าง ( ไป๊ฮ้วยคงก๊ก)
2. ลักปุกช้งซิม (ใจสู้ขาดแรงหนุน)
3. ซากศพที่เดินได้ (ย้งนั้งจื่ออิว)
4. คนเขลาหาเรื่องใส่ตน (ย้งนั้งจื่ออิว)
5. ฝืนทวนความประพฤติ (ต้อเกี้ยเง็กซี)
6. ลืมกินไม่หลับนอน (ฮุ่ยจิ้มบ้วงเจี้ยะ)
7. เงาโดดเดี่ยวร่างเดียวดาย (โกวเอ้งเจียะเอี้ย)
8. กลืนความแค้นไม่ออกปาก (อิ้มหึงทุงเซีย)
9. จิตทั้งหกไม่สงบ (ลักซิ้งปุกอัน)
10. อับจนสิ้นหนทาง (ข้งทู้มวกโล่ว)
11. หน้าไร้แววผู้คน (มิ้นบ้อนั้งเส็ก)
12. จิตฟุ้งซ่านรัญจวน (เสียยิบฮุยฮุย)
13. ตะลึงงันราวไก่ไม้ (ไง้เยียกบักโกย)
กระบวนท่าเมื่อเอี้ยก่วยบอกออกมา จิวแป๊ะทงล้วนฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม
งมงาย แต่ก๊วยเซียง กลับบังเกิดความหดหู่ใจ หัวร่อไม่ออกร้องไห้มิได้😿
.
ต่อมาเอี้ยก่วยได้ท่องเคล็ดวิชา แสดงกระบวนท่าเพลงฝ่ามือตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เนื่องด้วยบนใบหน้าของสวมหน้ากากหนังมนุษย์
จึงไม่ได้แสดงท่า
“หน้าไร้แววผู้คน” ออกมาเพียงบ่งบอกเคล็ดความสำคัญ
.
กระบวนท่าหน้าไร้แววผู้คน เป็นกระบวนท่าที่แฝงความเปลี่ยนแปลงมากหลาย สีหน้าปรากฏแววยินดีเดือดดาล โศกศัลย์หรรษา เต็มไปด้วยความประหลาดพิกล ศัตรูพอพบเห็น ยากที่จะควบคุมจิตสำนึกตัวเองได้
เรายินดีศัตรูยินดี เรากังวลศัตรูกังวล สุดท้ายตกอยู่ใต้อาณัติของผู้ใช้กระบวนท่านี้ นี่เป็นวิธีพิชิตศัตรูที่ไร้เสียงไร้เงา
เปรียบกับการกู่ร้องสยบศัตรู ยังเหนือล้ำกว่าอีกขั้นหนึ่ง
.
เป็นกระบวนท่าที่เอี้ยก่วยดัดแปลงจากยอดวิชาย้ายวิญญาณ
ในคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง จิวแป๊ะทงศึกษาคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง
ย่อมสามารถทำความเข้าใจได้
ส่วนกระบวนท่า #ฝืนทวนความประพฤติ (#ต้อเกี้ยเง็กซี)
ยามใช้กระบวนท่า ศีรษะอยู่ล่างเท่าอยู่บน ฟาดออกหนึ่งฝ่ามือ
มีความเปลี่ยนแปลงในกระบวนท่านี้ถึง 37 กระบวนท่า
ซึ่งเอี้ยก่วยดัดแปลงจากวิชาเก้าอิมทวนทิศของพิษประจิม
อาวเอี้ยงฮงผู้เป็นพ่อบุญธรรมของตน
.
แต่เอี้ยก่วยยังเสริมอานุภาพและปิดจุดอ่อนโดยกระบวนท่านี้
ในย้อนทวนมีท่าตรง และย้อนทวนหักล้างกันเอง
สะกดข่มกันเอง นับว่าอัจฉริยะเกิดแก่คลื่นลูกหลังอย่างแท้จริง
.
จิวแป๊ะทงแม้เป็นผู้งมงายบู๊ตัวจริง ร่ำเรียนวิชา พบเห็นและประมือยอดฝีมือห้าทิศมาถ้วนทั่ว กลับไม่อาจตีความกระบวนท่า
“ ซากศพที่เดินได้ และ “อับจนสิ้นหนทาง ”
เนื่องเพราะสองกระบวนท่านี้แฝงอารมณ์ความรู้สึกของเอี้ยก่วย
ที่ต้องพลัดพรากกับภรรยา (เซียวเล้งนึ่ง)
ทำให้เอี้ยก่วยเกิดความคิดถึงคะนึงหา
ภายใต้อารมณ์ความรู้สึกดังกล่าว
เอี้ยก่วยค่อยบัญญัติเพลงฝ่ามือและกระบวนท่าเหล่านี้ขึ้นมา
.
แต่จิวแป๊ะทงไร้ห่วงกังวล ไร้ข้อผูกพัน สุขสำราญเบิกบานใจ
ย่อมไม่รับรู้ถึงรสชาติของความร้อนรุ่มใจดั่งไฟสุม🔥ของเอี้ยก่วยนี้
ภายหลังอึ้งย้งเมื่อมาพบจิวแป๊ะทงที่หุบเขาหมื่นบุปผา
อึ้งย้งคาดว่าสิบกว่าปีมานี้ จิวแป๊ะทงเร้นกายในหุบเขาร้าง
ตั้งใจฝึกปรือวิชาบู๊ คาดว่าคงคิดค้นแนววิชาประหลาดประเภท
“แบ่งภาคร่างแยก สองมือพันตูกันเอง”
แต่ยอดอัจฉริยะเชิงบู๊ กลางเฒ่าทารกผู้นี้
ถึงกับเอ่ยปากจากใจชมเชยฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายของเอี้ยก่วยว่า
.
“ วิชาฝ่ามือที่ดีที่สุดในหลายปีนี้ เป็นฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายของเด็กน้อยเอี้ยก่วย เฒ่าทารกละอายที่สู้ไม่ได้เรื่องวิชาการต่อสู้อย่าได้เอ่ยถึงอีก "
อึ้งย้งได้ฟังถึงกับประหลาดใจว่า ไม่ทราบว่าฝ่ามือกำสรดวิญญานสลายนั้นเป็นแนววิชาอันใด ❓
.
ซึ่งคำวิจารณ์ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายนี้กลับไม่ถือว่าเกินเลย
เพราะไม่เพียงแต่จิวแป๊ะที่เห็นถึงคุณค่าของเพลงฝ่ามือที่เอี้ยก่วยบัญญัตินี้
แม้แต่อึ้งเอี๊ยะซือ ซึ่งเคยประมือกับวิชาฝ่ามือชุดนี้ยังให้คำยกย่องแก่
เอี้ยก่วยว่า
.
“เพลงฝ่ามือของเล่าตี๋ชุดนี้ หากวิจารณ์ถึงความหนักหน่วงแกร่งกร้าว ทั่วทั้งแผ่นดินมีแต่สิบแปดฝ่ามือพิขิตมังกรของเขยเราที่สามารถทัดเทียบเปรียบได้ ส่วนเพลงฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วงของเล่าฮูกลับด้อยกว่าขั้นหนึ่ง”
.
นี่เป็นคำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาและไม่ปิดบังแต่ประการใดของอึ้งเอี๊ยะซือ
ที่ยกย่องฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายของอัจฉริยะ
ที่ตนเองมีส่วนในการส่งเสริมขึ้นมา
ส่วนอึ้งย้งนั้น กลับได้พบเห็นเพลงฝ่ามือชุดนี้ยามเมื่อก๊วยเซียง
ลูกสาวของตนถูกกิมลุ้นก๊กซือจับมัดไว้บนหอสูง
เพื่อให้ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งยอมแพ้
.
แต่ด้วยเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว
ก๊วยเซียงแม้เป็นบุตรในสายเลือด ก๊วยเจ๋งกลับตัดใจไม่ขอยอมแพ้
เลือกรักษาเมืองเซียงเอี้ยง กิมลุ้นก๊กซือเห็นดังนั้นจึงจุดไฟเผา
.
ในขณะที่ควันหนาทีบ เปลวอัคคีโหมสูง
ก๊วยเซียงใกล้เดินทางสู่ความตาย
เป็นเอี้ยก่วยที่โถมบุกขึ้นหอสูง จนปะทะกับกิมลุ้นก๊กซือ
คราแรกเอี้ยก่วยใช้กระบี่ต่อกรกับจักรทอง
ด้วยความที่กิมลุ้นก๊กซือมีพลังหนักแน่นแข็งกร้าว
อย่างที่เอี้ยก่วยไม่เคยพานพบมาก่อน อดลอบแตกตื่นสงสัยมิได้
หวนนึกถึงตนฝึกฝีมือกลางคลื่นลมทะเล สามารถต้านทานระลอกคลุ้มคลั่ง
.
เมื่อ 16 ปีก่อน กิมลุ้นก๊กซือมิใช่คู่มือของตน
แต่เมื่อครู่ฝ่ามือปะทะกัน เอี้ยก่วยแทบต้านทานรับไว้มิได้
.
ยามนี้เอี้ยก่วยใช้กระบี่ยาว ทดสอบจักรทองของกิมลุ้นก๊กซือ
จักรกระบี่พอปะทะ บังเกิดเสียงดังกระหึ่มดุจมังกรคำราม
พลังมหาศาลหักล้างกันสองรบ เป็นกระบี่ของเอี้ยก่วยหักเป็นหลายท่อน
กิมลุ้นก๊กซือก็ไม่อาจถือจักรมั่น จักรทั้งคู่หลุดลอยจากมือ
ร่วงลิ่วลงจากหอสูง โดนมือเกาทัณฑ์มองโกลเสียชีวิตไป 3 คน
เอี้ยก่วยลอบตื่นตระหนก
“ 16 ปีมานี้ เราไม่เคยใช้ กระบี่หนักเหล็กดำมาก่อน
วันนี้นับว่าชะล่าใจไปแล้ว ”
.
ยามนั้น กิมลุ้นก๊กซือล้วงมือไปในจีวร แสดงจักรเหล็ก จักรทองเหลือง
ออกมาโถมจู่โจมใส่ เอี้ยก่วยไม่มีอาวุธอื่น
โบกแขนเสื้อข้างขวาออก ฟาดฝ่ามือซ้ายเข้าต้านทาน
.
มาตรแม้นเอี้ยก่วยอาศัยแขนเสื้อกับหนึ่งฝ่ามือ
หักล้างกับจักรคู่ของกิมลุ้นก๊กซือสองร้อยกว่ากระบวนท่า
แนววิชาฝืมือของทั้งสองผิดแผกแตกต่าง
แต่ยิ่งต่อสู้พละกำลังยิ่งยืนนาน เงาจักรลมฝ่ามือ ปกคลุมยอดหอ
.
เอี้ยก่วยแม้ไม่มีอาวุธ แต่ยังไม่ตกเป็นเบี้ยล่างกิมลุ้นก๊กซือ
ระหว่างการต่อสู้ฐานล่างของหอถูกอัคคีเผาทำลาน
หากถล่มทลาย ทั้งหมดล้วนตกตายพร้อมกัน
ทั้งกิมลุ้นก๊กซือยังเห็นเพลงฝ่ามือของเอี้ยก่วยพลิกแพลงพิสดาร
หากหักล้างอีกร้อยกว่ากระบวนท่า เกรงว่าต้องถูกเอี้ยก่วยสยบไว้
.
กิมลุ้นก๊กซือจึงดำเนินแผนอุบายอันชั่วร้าย
หวดกระแทกจักรเหล็กใส่ไหล่ขวาของเอี้ยก่วย
ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายลดหัวไหล่ ลงหลบเลี่ยง
พลันซัดจักรทองเหลืองข้างซ้ายออกจู่โจมถึงเบื้องหน้าก๊วยเซียง
ก๊วยเซียงถูกจับมัดติดกับขอนไม้ไม่สามารถขยับดิ้นรน ไหนเลยหลบพ้นได้
.
เอี้ยก่วยใจหายวาบ รีบลอยตัวขึ้นโบกแขนเสื้อข้างขวา
ทำให้จักรทองเหลืองร่วงหล่นพื้น แต่ยอดฝีมือต่อสู้กัน
มิอาจผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เมื่อคิดช่วยก๊วยเซียง
เอี้ยก่วยจึงเปิดเผยช่องโหว่ขึ้นมา
.
กิมลุ้นก๊กซือใช้จักรเหล็กรีดใส่ข้อเท้าซ้ายของเอี้ยก่วย
เอี้ยก่วยลอยตัวอยู่กลางอากาศ เตะเท้าขวาออกอย่างเร่งร้อน
เตะใส่ข้อมือกิมลุ้นก๊กซือ กิมลุ้นก๊กซือพลิกจักรเหล็กวูบหนึ่ง
.
คราครั้งนี้เอี้ยก่วยมิอาจหลบกระบวนท่านี้ได้
ข้อเท้าขวาถูกจักรเหล็กกรีดคมใส่ โลหิตหลั่งริน🩸 รับบาดเจ็บไม่น้อย
.
ยามนี้กิมลุ้นก๊กซือ ได้เปรียบแยกย้ายเป็นบนล่างจู่โจมใส่ก๊วยเซียง
บีบบังคับเอี้ยก่วยทุ่มเทกำลังเข้าช่วยเหลือ จนมือไม้ปั่นป่วน
สถานการณ์กลายเป็นตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว
.
เอี้ยก่วยยามนี้ตกอยู่ในห้วงร่อแร่คับขัน
มีอยู่หลายครั้งคิดใช้ฝ่ามือกำสรดวิญญานสลายขยี้ทำลายศัตรู
.
แต่เพลงฝ่ามือชุดนี้สัมพันธ์กับจิตใจ นับแต่เอี้ยก่วยพบเซียวเล้งนึ่ง
ในใจปีติยินด เต็มไปด้วยความสุข ไหนเลยมีความรู้สึกของ
.
“กำสรดวิญญาณสลาย” อีก ❓
แม้เอี้ยก่วยอยู่ในห้วงอันตรายแต่ปราศจากความคับแค้นขมขื่น
ดังนั้นตอนใช้ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายออก
มักคลาดเคลื่อน มีอานุภาพจำกัดยิ่ง
.
สภาพของเอี้ยก่วยนี้ อึ้งย้งกับก๊วยเจ๋งที่รบติดพันใต้หอสูง
ยังเห็นชัดถนัดตา อึ้งย้งพลันฉุกใจคิด ชิงกระบี่จากมือเยลุกชี้
โยนให้ก๊วยเจ๋งเพื่อยิงธนูส่งไปให้เอี้ยก่วยในห้วงคับขันนี้
ก๊วยเจ๋งยิงกระบี่ด้วยธนูฝ่าอากาศไป พุ่งใส่กลางหลังเอี้ยก่วย
เอี้ยก่วยโบกแขนเสื้อข้างขวาม้วนกลับหลังห่อหุ้มตัวกระบี่ไว้🗡
.
ประจวบกับกิมลุ้นก๊กซือหวดจักรมาถึง เอี้ยก่วยใช้มือซ้ายรับกระบี่ไว้
แทงผ่านหว่างกลางของจักรทั้งคู่ แต่ไหล่ซ้ายของเอี้ยก่วยได้รับบาดเจ็บ เรี่ยวแรงอ่อนโทรมลง กิมลุ้นก๊กซือบิดจักรทั้งคู่
เสียงเพียะ❗️ เมื่อบิดกระบี่หักสะบั้น ‼️
ทุกผู้คนผู้อยู่ใต้หออดหน้าแปรเปลี่ยนมิได้
เอี้ยก่วยทราบว่าวันนี้ไม่มีหนทางรอด
มิเพียงช่วยเหลือก๊วยเซียงไม่สำเร็จ แม้แต่ตัวเองก็ต้องทิ้งชีวิตอยู่บนหอ
.
ดังนั้นกวาดมองเซียวเล้งนึ่งวูบหนึ่ง ร้องว่า
“เล้งยี้ ลาแล้ว ท่านเองถนอมตัว”
ยามนั้น จักรเหล็กของกิมลุ้นก๊กซือกระแทกใส่ศีรษะของเอี้ยก่วย
เอี้ยก่วยบังเกิดความทอดแท้อาลัย โบกแขนเสื้อม้วนออก
ฟาดใส่หนึ่งฝ่ามือโดยไม่หวังผล
เสียงทึบเมื่อฝ่ามือนี้ฟาดถูกหัวไหล่กิมลุ้นก๊กซือย่างพอดี
.
จิวแป๊ะทงอดร้องโพล่งมิได้ว่า
“กระบวนท่ายืดเยื้อชวนรำคาญ (ทัวนี้ตั่วจุ่ย) อันยอดเยี่ยม”
.
เอี้ยก่วย ยามนี้ค่อยพลันได้คิด ว่าเขาสำนึกตัวว่าต้องตาย
ยามท้อแท้สิ้นหวังสะบัดฟาดฝ่ามือออก
พอดีใช้ออกด้วยกระบวนท่าในเพลงฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย
นามว่า ยืดเยื้อชวนรำคาญ 💢
🍃🍃
เพลงฝ่ามือชุดนี้ใช้จิตบังคับแขน
แขนบังคับฝ่ามือ ล้วนขึ้นอยู่กับจิตสำนึก
เอี้ยก่วยเมื่อพานพบเซียวเล้งนึ่ง เพลงฝ่ามือชุดนี้ก็เสื่อมประสิทธิผล
.
เพราะไม่มีอารมณ์ความรู้สึกสิ้นหวัง ยามนี้ตกอยู่ในห้วงความเป็นตาย
ใกล้พลัดพรากจากหญิงคนรักตลอดกาล
ยามปวดร้าวรันทดค่อยเปล่งอานุภาพของ
ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายออกมาโดยไม่รู้ตัว
กิมลุ้นก๊กซือความจริงคาดว่ากำชัยชนะเป็นมั่นเหมาะ
พลันถูกฟาดฝ่ามือใส่หัวไหล่ ต้องส่ายร่างโงนเงน
ในใจแตกตื่นเดือดดาล พลันโถมเข้าหา เอี้ยก่วยถอยกายหลบเลี่ยง
จากนั้นใช้ออกด้วยกระบวนท่า
“วิญญาณไม่อยู่กับตัว” “ฝืนทวนความประพฤติ” “เลื่อนลอยราวสูญเสีย” ติดต่อกันสามกระบวนท่า
.
พร้อมกับตวัดเท้าแตะออกด้วยท่า “ซากศพที่เดินได้”
เท้านี้ยามเตะออกเคลิบเคลิ้มเลื่อนลอยคล้ายมีคล้ายไม่
เลือนรางไม่ชัดเจน กิมลุ้นก๊กซือไหนเลยหลบรอดได้ เสียงโครม☄️
เมื่อทรวงอกถูกเตะใส่ กิมลุ้นก๊กซือส่งเสียงร้องคำหนึ่ง
อ้าปากกระอักโลหิต ร่างพลิกร่วงจากหอสูง
ราชครูมองโกลผู้นี้จึงพ่ายแพ้แก่เพลงฝ่ามือกำสรดวิญญานสลายในช่วงสุดท้ายของการหักหาญเสี่ยงชีวิตนี้เอง
.
จากนั้นเอี้ยก่วยจึงช่วยก๊วยเซียงออกมาได้
ส่วนกิมลุ้นก๊กซือแม้ถูกเอี้ยก่วยเตะลงจากหอสูง
มาตรแม้นบาดเจ็บสาหัส ยังคิดดิ้นรนมีชีวิตรอด ฝืนใจบังคับลมปราณ
กลิ้งตัวทอดหนึ่ง พลันได้ยินเสียงหัวร่อฮาฮา
.
เป็นจิวแป๊ะทง กอดเอวกิมลุ้นก๊กซือไว้ กดร่างลงสู่พื้น
เนื่องด้วยจิวแป๊ะทงสวมใส่เกราะอ่อนขนเม่นของอึ้งเอี๊ยะซือ
กิมลุ้นก๊กซือรู้สึกคล้ายมีเข็มพันเล่ม
ลูกเกาทัณฑ์หมื่นดอกทิ่มแทงใส่ร่างโดยพร้อมเพรียง
ยามนี้กิมลุ้นก๊กซือได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว
.
พอถูกจิวแป๊ะทง โอบจับ กดร่างไว้ เช่นนี้ไหนเลยขยับดิ้นรนได้
หอสูงพอถล่มลงมา จิวแป๊ะทงพุ่งถอยหลบเลี่ยง
กิมลุ้นก๊กซือกลับถูกทับอยู่ใต้เสาอัคคี
อึ้งย้งเห็นธิดาคนเล็กรอดชีวิตจากห้วงความตาย
สร้างความยินดีจนร้องไห้ออกมา ในใจบังเกิดความสำนึกขอบคุณ
ต่อเอี้ยก่วยสุดบรรยาย มาตรว่าตนเองต้องตายก็ยินยอมพร้อมใจ
.
ส่วนทหารมองโกลที่ใต้หอเห็นผู้นำทัพจบสิ้นชีวิต
ถึงกับแตกซ่านวุ่นวาย เมื่อถูกกองกำลังฝ่ายซ้อง
ทั้ง 5 สายย้อนจู่โจมใส่ ยิ่งแตกซ่านไม่เป็นขบวน
นับว่าสถานการณ์ของชาวซ้องและมองโกลได้พลิกผันเพราะเพลงฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายของเอี้ยก่วย ทำให้ได้รับชัยชนะในการศึกปกป้องเมืองเซียงเอี้ยงไว้ได้ สร้างความสงบสุขยาวนานอีกหลายสิบปีให้แก่แผ่นดินตงง้วน
🥀🥀🥀
ขอคารวะชาวยุทธทุกท่าน🍶
อนันตทวิ☯️
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต
โฆษณา