Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สืบสานงานท่านพุทธทาส
•
ติดตาม
5 ต.ค. 2021 เวลา 07:12 • การศึกษา
#เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา ตอนที่ 51
#พุทธทาสภิกขุ หน้าที่ 159-164
.สภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านเป็นอย่างไรครับ ใกล้ชิดกับวัดแค่ไหน
- ก็ที่บอกแล้ว ชาวบ้านแถวนี้เขาต้องการพระ ต้องการวัด ตอนแรกเขาไม่ได้อยู่กันแบบนี้ ที่อยู่ใกล้วัดมีหลังเดียว บ้านพี่แช่ม ตรงมุมวัดแล้วก็ตามมาเรื่อย ๆ (หัวเราะหึ ๆ) จนเป็นหมู่บ้าน เดิมเขาอยู่ทางเขานํ้าผุดกัน เดินธรรมดา มันก็ราวครึ่งชั่วโมง ถ้าเดินบิณฑบาต จะช้ากว่านั้น ผมเดินบิณฑบาต ไปกลับหมู่บ้านนี้ แต่ว่าเดินเลยไปอีกหน่อยถึงที่เรียกว่าปลวกสูง ทั้งไปทั้งกลับ ๒ ชั่วโมงพอดี เดินอย่างบิณฑบาต เดินชมนกชมไม้ไปบ้าง
เราสัมพันธ์ชาวบ้านที่นี่ค่อนข้างใกล้ชิด เพราะต้องการยกระดับชาวบ้านด้วย คนแถบนี้ล้าหลังที่สุดของไชยา ตรงปากด่านนี้ สารพัดจะล้าหลัง ในตอนนั้น การพนันมีทุกบ้าน อะไร ๆ ก็ง่าย ๆ บ้านเรือนแทบหาดีไม่ได้ ท่านพระครูสุธนฯ ท่านขวนขวายมาก อุตส่าห์ไปชี้แจง อ้อนวอน ขอร้องให้เปลี่ยนแปลง กระทั่งว่าสอนให้ตํานํ้าพริกแกงให้ละเอียด
มันเป็นหมู่ชนที่ไกลออกมาจากเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่รู้ไม่ชี้ อยู่กันอย่างง่ายที่สุด การแต่งเนื้อแต่งตัวอะไรก็ตามแต่ แม้แต่ ดินบนบ้านก็ไม่กวาด บนเรือนคล้าย ๆ เต็มไปด้วยโคลน มันไม่ได้รับการอบรม ปลาทั้งตัวใส่หม้อแกง ตําพริก ๒-๓ ชิ้นใส่ไปก็กินได้ ปลาทั้งตัวไม่เคยตัดครีบ ไม่เคยขอดเกล็ด ท่านพระครูสุธนฯ ท่านขวนขวายจนเปลี่ยนแปลงจนเหมือนกับที่อื่น
ผมเองไม่ค่อยมีเวลา การไปเยี่ยมเยียน โดยเฉพาะเวลาเจ็บไข้ พระครูสุธนฯ ทั้งนั้น ท่านเป็นหมออยู่หน่อย ๆ เหมือนกัน หมอแผนโบราณท่านไม่ค่อยอยู่พักที่นี่ มาตอนมีงาน กลางคืนดึก ๆ ท่านก็เดินกลับไปพักวัดชยาราม ท่านก็ใช้วิธีล้อ แหมวันนี้กินแกงปลาทรงเครื่องอีกแล้ว หมายความว่าปลาไม่ได้ตกแต่งอะไรเลยทั้งหัว ทั้งหาง ทั้งครีบ ทั้งเกล็ด (หัวเราะเฮ่อะ ๆ)
หรือไม่ก็ล้อว่า นี่นี่ไปกวาดฝุ่นทําตุ๊กตาสักตัวสิ ฝุ่นที่บนเรือน ไม่ใช่ฝุ่นข้างล่าง เด็กผู้หญิง เด็กสาวมันก็เริ่มอาย ความเปลี่ยนแปลงมันก็เกิดขึ้น ผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าไม่ค่อยประสีประสา แต่เด็กผู้หญิง มันรุ่นสาว รุ่นสวยขึ้นมา มันก็อาย มันก็เปลี่ยนแปลง ตํานํ้าพริกแกงให้ละเอียดขึ้น แกงปลาก็ต้องตกแต่งกันบ้าง นี่งานพัฒนาแท้ ๆ เราทํามาก่อน เริ่มจากชนิดล้าหลังที่สุด แต่เราไม่ได้อวดโก้ สมัยนี้พัฒนากันหน่อย อวดโก้กันนัก
อาจารย์ครับ ถ้าเช่นนั้นอาจารย์ก็ต้องสนองความต้องการด้านพิธีกรรมชาวบ้านด้วยใช่ไหมครับ
- มันก็ต้องมี เริ่มไปสวดมนต์ตามบ้าน สวดผี สวดศพ เวลาเจ็บไข้ไปสวดมนต์ เขาดีใจที่สุด ผมไม่ค่อยได้ไป พระที่อยู่ด้วยกันไป ท่านพระครูสุธนฯ ไป
นํ้ามนต์โดยตรงไม่เคยทํา แต่มันทําเป็นพิเศษอยู่บ้างแล้วก็กลายเป็นนํ้ามนต์ คือ เวลาเข้าพรรษา สวดมนต์ ๓ คืน ก็ตั้งบาตรนํ้ามนต์ไว้ เขาก็มาเอานํ้านั้น ไปใช้ในลักษณะที่เป็นนํ้ามนต์ เอาไปใช้เกี่ยวกับการทํานาทําไร่ เอาไปรดนา รดข้าวกล้าอะไร หรือเอาไปเติมในบ่อ เป็นนํ้ามนต์ไปทั้งบ่อเลย
สวด ๓ คืนบ้าง ๗ คืนบ้าง แล้วแต่ สวดทุก ๆ คืน พอครบ ชาวบ้านก็เอาขวดมา คนละใบ ๒ ใบ แบ่งนํ้าในบาตรเอาไปใช้อย่างนํ้ามนต์ เอาไปเก็บไว้ก็ได้ เก็บไว้บนหิ้งก็มี
อาจารย์ครับ แล้วการอบรมสั่งสอนชาวบ้านในทางธรรมะ มีอะไรบ้างครับ
- ก็อบรมกันในวันพระ มีเทศน์ มีสนทนาธรรมะกัน เราก็ขอร้องให้หยุดงานวันพระกัน ให้วันพระเป็นวันสงบ ก่อนนี้ชาวบ้านแถบนี้มันล้าหลัง เต็มไปด้วยอบายมุข ดื่มนํ้าเมา เล่นการพนัน ก่อนนี้ มันก็ไปตกปลา ไปทํานา อะไรต่ออะไร แม้แต่วันพระ พอมีวัดเข้ามา วันพระก็มาวัด ไม่ต้องไปทําอย่างนั้นในวันพระ ก็เรียกว่าดีขึ้น แต่ชาวบ้านก็มากันไม่มากนัก ๕ คน ๑๐ คน ๒๐ คน มารับศีล แล้วกลับบ้าน ไม่ได้นอนวัด มีอยู่บางสมัย มาสวดมนต์ ตอนเย็นกันบ้าง
ต่อมาหลายปี ก็เริ่มฝึกให้เด็กผู้หญิงที่เริ่มโต สวดมนต์แปล การสวดมนต์ทําวัตร อยู่ในแผนการพัฒนาเหมือนกัน คิดทําแบบแปลให้สวด ทํากับมหาสําเริง การพัฒนาอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ก็เป็นเบ็ดเตล็ด เรื่องการไหว้พระสวดมนต์เป็นเรื่องขึ้นหน้า เพราะจัดให้มีการประกวดกันระหว่างหมู่บ้าน ระหว่างคณะ พอมีงานวิสาขะ ที่วัดพระธาตุฯ ก็ไปประกวดกัน คณะบ้านทุ่ง คณะโมถ่าย คณะวัดธารนํ้าไหล ฯลฯ ก็ประกวดกันว่าใครจะสวดได้ดีกว่า ได้เพราะกว่า ต่างคณะต่างก็ซ้อมกันในหมู่ของตน ที่โมถ่ายก็มีครูปัตติ์เป็นผู้นํา ผู้ใหญ่พิศก็เป็นผู้นําสายบ้านทุ่ง แถวนี้ก็มีพี่หอ ตายเสียแล้ว ทางเสวียดก็มีบ่อนหนึ่ง ทางวัดชยารามก็พวกบ้านโคกหม้อ
อย่างที่บ้านโมถ่าย ครูปัตติ์ชักชวนให้เด็กหญิงเด็กชาย ที่จบประถมแล้ว ทํางานอยู่ที่บ้าน ชักชวนให้มาเรียนท่องสวดมนต์ ที่บ้านของแก แล้วแกก็ลงทุนของกิน (หัวเราะเฮ่อะ ๆ) หาหัวเผือกหัวมัน ให้กินเล่นกัน แล้วก็สวดมนต์กัน เมื่อได้ข่าวว่าจะต้องไปประกวดที่วัดพระธาตุฯ ก็ซ้อมกันใหญ่ ซ้อมกันทุกคืน
มีคนมาเล่า (หัวเราะ) น่าขํา ที่เสวียด ก็เร่งมือกันใหญ่ เดินไปไร่ ไปนาก็ท่องสวดมนต์แปลกัน คนหนึ่งหนักข้อ ตักข้าวเลี้ยงหมูก็ท่องมนต์แปลไปพลาง
ตอนนั้นบ้านเมืองสงบ ทิ้งบ้านทิ้งเรือนไปวัดได้ ไม่ต้องเป็นห่วง กลางคืนก็ทิ้งมาซ้อมกันที่วัดได้ กุญแจพอรับประกันได้ เดี๋ยวนี้กุญแจไม่มีความหมาย
ในที่สุดก็สวดกันได้มาก สวดกันได้ดี ถึงคราวประกวดใหญ่ ก็ประกวดกันที่วัดพระธาตุฯ วันวิสาขะ ให้รางวัลเป็นการใหญ่ เด็กผู้ชายก็ให้หัดพูดหัดบรรยายธรรมะ เด็กผู้หญิงเสียงดีก็ให้หัดสวดมนต์ใช้รางวัลล่อ บ่อนติดอยู่หลายปี แล้วก็ค่อย ๆ เสื่อม เพราะมันเหนื่อยมาก ผมก็เบื่อง่าย
หนังสือสวดมนต์แปลนี้ เคยใช้เป็นแบบหัดอ่านหนังสือสําหรับผู้ใหญ่ด้วย คือผู้ใหญ่ที่ไม่รู้หนังสือ ก็สวดมนต์แปลได้ตามเด็ก ๆ ทีนี้ก็เอาตัวหนังสือมาดู เช่น นะโมตัสสะ ภะคะวะโต เขาก็เริ่มหัดแยกเป็น นะ เป็น โม เป็น ต เป็น ไม้หันอากาศ ไม่เท่าไร ไม่กี่เดือนก็อ่านหนังสือได้ น้าเส้สมภารทางโรงครัวคนแรกของสวนโมกข์ก็หัดอ่านหนังสือจากสวดมนต์แปล แต่ก่อนไม่รู้หนังสือ
จาก เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา หน้า 159-161
สนใจหนังสือติดต่อ : มูลนิธิโกมลคีมทอง
https://www.facebook.com/komolpublishing/
โทร 02-412-0744 02-866-1557
สโมสรธรรมทาน,หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ
http://store.bia.or.th/
.
ฟังเสียงเล่าไว้ฯ ราวปี 2527-2528
https://soundcloud.app.goo.gl/J661s
.
อ่าน PDF
http://www.buddhadasa.org/files/pdf/B_pdf/kp/kp1.pdf
.
ความเดิมตอนแรก
https://tinyurl.com/e8x2fc27
.
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย