6 ต.ค. 2021 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Mukesh Ambani : ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในอินเดียและเอเชีย ผู้กุมอาณาจักรธุรกิจ Reliance ที่แทรกตัวอยู่แทบทุกก้าวของชีวิตคนอินเดีย
2
Mukesh Ambani
ด้วยจำนวนประชากรมหาศาลกว่า 1.3 พันล้านคน ดินแดนเสือหลับอย่างอินเดีย นั้นยากที่จะมีผู้ใดมาสร้างอิทธิพลไปได้อย่างกว้างขวาง หากแต่ก็ยังมีบางคนที่ขึ้นไปสู่จุดนั้นได้ โดยนอกจากนายกรัฐมนตรี Narendra Modi แล้ว มีอยู่หนึ่งอาณาจักรธุรกิจที่ฝังตัวไปอยู่ในการดำเนินชีวิตของผู้คนในอินเดียแทบจะทุกย่างก้าว
อาณาจักรธุรกิจนั้นก็คือ Reliance Group ซึ่งคนที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่บริหารอาณาจักรนี้อยู่ก็คือ ชายผู้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอินเดียรวมถึงในทวีปเอเชียด้วยอย่าง “มูเกช อัมบานี (Mukesh Ambani) นั่นเอง
2
📌 เส้นทางชีวิตที่ออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน
เหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่น้อย เนื่องด้วยในหน้าชีวประวัติของนักบริหารอันดับต้นๆหลายท่านกลับปรากฎเรื่องราวที่ว่าพวกเขาเหล่านั้นกลับเลือกที่จะออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน ในเรื่องราวของมูเกช อัมบานี ก็มีเหตุให้เขาตัดสินใจที่จะหยุดการเรียนเช่นกัน
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนปี 1980 ขณะนั้นมูเกซที่พึ่งเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์จาก Institute of Chemical Technology ได้ตัดสินใจที่จะเข้าเรียนคณะบริหารธุรกิจ (MBA) ที่หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกอย่าง Stanford University อย่างไรก็ดี ในปี 1980 ธีรุไภย อัมบานี (Dhirubhai Ambani) ผู้เป็นบิดาของมูเกซก็ได้เรียกตัวเขากลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว เพราะเขาเชื่อว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงนั้นดีกว่าการเรียนจากในห้องเรียน จนทำให้มูเกซได้ถูกขัดเกลาจนเป็นผู้บริหารอันดับต้นของโลกต่อมา
1
ธีรุไภย อัมบานี (Dhirubhai Ambani)
นอกจากบทบาทในการสั่งสอนลูกชายเหมือนกับเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคนหนึ่ง ตัวของธีรุไภย อัมบานี ยังเป็นคนก่อตั้งและปูพื้นฐานของบริษัทอย่างแข็งแกร่งในช่วงแรก นับตั้งแต่ที่เขาพาครอบครัวย้ายกลับจากเยเมนมาที่อินเดีย เขาก็ได้เริ่มสร้างบริษัทค้าขายเสื้อผ้าและเส้นใยเสื้อผ้ากับเพื่อนที่รู้จักกันที่เยเมน ก่อนที่ต่อมาจะแยกทางกัน ทำให้ธีรุไภยออกมาตั้งบริษัทของตัวเองที่ทำธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ต่อในชื่อ “Reliance Textile Industries”
หลังจากที่ออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง อัมบานีผู้พ่อก็ได้ทำการสร้างโรงงานการผลิตและขยายกิจการเข้าสู่วงการเสื้อผ้าด้วย โดยมีการตั้งแบรนด์ขึ้นมาใช้ชื่อว่า “Vimal”
1
หน้าเว็บไซต์ “Only Vimal”
จนในปี 1977 ก่อนที่เขาจะเรียกตัวลูกชายคนโตกลับมาช่วยครอบครัว บริษัท Reliance Textile Industries ก็ได้ทำการเปิดขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยได้รับความสนใจอย่างมาก จนถึงขนาดที่มีความต้องการซื้อหุ้นมากกว่าที่เปิดขายกว่า 7 เท่าตัว แสดงให้เห็นถึงรากฐานความสำเร็จที่ถูกปูมาอย่างดีก่อนในยุคของพ่อ
1
📌 ขยายอาณาจักรธุรกิจ
ธุรกิจของ Reliance Textile เติบโตขึ้นอย่างมากหลังจากมีการสร้างโรงงานผลิตของตัวเอง กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์อันดับต้นของโลก แต่ไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้นทางบริษัทก็ยังได้ขยายกิจการต่อไปในกลุ่มธุรกิจอื่นมากมายด้วย และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Reliance Textiles Industries Ltd. เป็น Reliance Industries Ltd. ในปี 1985
Reliance Textiles Industries Ltd. ในปี 1985
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของบริษัทเกิดขึ้นในปี 2000 เมื่อพวกเขาได้สร้างโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เมือง Jamnagar เป็นการกรุยทางเข้าครอบครองสู่ธุรกิจปิโตรเคมีอย่างเต็มตัว
โรงงานกลั่น Jamnagar ของบริษัท Reliance ถือเป็นโรงงานกลั่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก – bechtel.com
นอกจากนี้บริษัทยังมีบทบาทในการปฏิรูปเทคโนโลยีมือถือในอินเดีย จากการสร้างบริษัทลูก “Reliance Jio” ที่ผลิตมือถือแบรนด์ของตัวเองอย่าง LYF ที่ครองส่วนแบ่งอันดับต้นๆ ของอินเดียและก็ยังมีธุรกิจเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตในอินเดียด้วย
Reliance Jio
ธุรกิจการค้าปลีกก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สำคัญของ Reliance เช่นกัน ภายใต้แบรนด์ Reliance Fresh ทำให้พวกเขาครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย และก็ยังมีธุรกิจอีกหลายประเภท อาทิ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจบริการการเงิน ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจช่องทีวี ธุรกิจลงทุนเทคโนโลยีการแพทย์และชีวภาพ
บริษัท Reliance ยังเป็นบริษัทเอกชนรายแรกของอินเดียที่รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยบริษัทจัดอันดับระดับโลกอย่าง S&P และ Moody’s และก็ยังเป็นบริษัทเอกชนสัญชาติอินเดียแห่งแรกที่ถูกจัดเข้าไปอยู่ในลิสต์ Fortune Global 500 อีกด้วย โดยในปี 2020 Reliance มีมูลค่ายังถูกจัดอยู่ที่อันดับ 48 ของบริษัทที่มูลค่าทางตลาดมากที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าเกือบ 200,000 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
1
📌 คนรวยกับคนจน ชีวิตที่แสนจะแตกต่างของคนอินเดีย
3
ปีที่ผ่านมาอินเดียเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้ ผู้คนจำนวนมากต้องเจอกับสถานการณ์อันยากลำบาก แต่กับครอบครัวอัมบานีพวกเขากลับมีสินทรัพย์เพิ่มมากขึ้นอีกมหาศาล จนในปีที่แล้วมูเกซ อัมบานี ก็กลายเป็นคนเอเชียคนแรกที่เข้าไปติดอยู่ใน 10 อันดับแรกลิสต์บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดโลกของนิตยสาร Forbes
1
มีการประมาณกันว่ากลุ่มคนรวยที่สุดในอินเดีย 10% ถือครองสินทรัพย์มากกว่า 3 ใน 4 ของทั้งประเทศ และก็ยังมีความเหลื่อมล้ำขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสินทรัพย์ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ก็มักจะตกไปอยู่ในมือคนรวยอยู่ดี ความร่ำรวยของอัมบานีก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน
1
โดยครอบครัวอัมบานีนั้นขึ้นชื่อ ในเรื่องการใช้ชีวิตที่หรูหรา อย่างเช่น ที่พักที่พวกเขาอาศัยอยู่ ที่รู้จักกันในชื่อ Antilia เป็นแมนชั่นสูง 27 ชั้น ที่มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว 3 ลาน มีที่จอดรถ 168 คัน และก็ยังมีโรงหนังส่วนตัวขนาด 50 ที่นั่ง โดยมีการประมาณกันว่าที่พักของครอบครัวอัมบานีต้องใช้คนดูแลกว่า 600 ชีวิตและมีมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นเคหะสถานส่วนตัวที่มีมูลค่าเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองแค่พระราชวังบักกิงแฮมเท่านั้น (Buckingham Palace)
1
Antilia บ้านของครอบครัวอัมบานี เป็นหนึ่งในบ้านพักที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก – Design Addict
นอกจากนี้ ในงานแต่งงานของลูกสาวคนเดียวของมูเกซ “อิชา อัมบานี (Isha Ambani)” ก็โด่งดังไปทั่วโลก มีการเชิญคนดังมาร่วมงานมากมายซึ่งรวมถึงนางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ ด้วย รวมถึงมีการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลกซึ่งรวมถึงซูเปอร์สตาร์อย่างบียอนเซ่ด้วย
อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของอเมริกาอย่างฮิลลารี คลินตัน ก็ยังมาร่วมงานแต่งงานของครอบครัวอัมบานีด้วย – The Indian Express
อิทธิพลของครอบครัวอัมบานี ยังไม่ได้หยุดอยู่แค่ในเรื่องของสินทรัพย์เท่านั้น เมื่อในปี 2018 นิตยสาร Forbes ยังจัดให้มูเกซเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดเป็นอันดับ 48 ของโลก โดยมีเพียงแค่นายกรัฐมนตรีของอินเดีย Narendra Modi อีกคนเดียวเท่านั้นที่เป็นชาวอินเดียที่ได้รับการจัดให้ติดอยู่ในลิสต์เดียวกันนี้
#Reliance #อินเดีย
#Bnomics #Economics #เศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
ผู้เขียน : ณัฐนันท์ รำเพย Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
Reference :
โฆษณา