คำพูด/ประโยค ที่คุณไม่ควรพูดกับลูกของคุณหรือควรหลีกเลี่ยงในการพูดกับพวกเขา
การสื่อสารนั้นจำเป็นอย่างมากในการที่จะพบปะผู้คนหรือการทำงานการศึกษาต่างๆเเต่พวกคุณรู้หรือไหมว่าเด็กนั้นในด้านการสื่อสารเป็นช่วงวัยที่เรียนรู้ได้ดีที่สุดยิ่งพวกเขาได้สื่อสารออกมามากจะช่วยให้พวกเด็กๆเหล่านั้นตอนที่โตขึ้นเป็นคนที่กล้าที่จะเเสดงออกกล้าที่จะสื่อสารในหลายๆด้านเพราะด้วยวัยเด็กที่คอยช่วยเสริมความมั่นใจใน
การพูดเเละการสื่อสารที่ดีทำให้พวกเขาโตขึ้นได้อย่างมีความสุขเเต่ถ้าหากพวกเขาได้เจอกับการสื่อสารที่ไม่ดีละเราจึงของมาบอกกับประโยคหรือคำที่คุณไม่ควรใช้หรือหลีกเลี่ยงที่จะใช้กับเด็กในวัยต่างๆ
1 หยุดร้องเดี๋ยวนี้
เป็นประโยคที่เรามักใช้กับเด็กเวลาเราพบเจอเด็กหรือลูกของเรากำลังร้องไห้ซึ่งสิ่งที่ผู้ใหญ่จะสื่อกับเด็กคือให้เด็กนั้นหยุดร้องเพราะจะทำให้ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจว่าเด็กร้องไห้เพราะอะไร?เเต่คุณรู้ไหมบางทีเด็กนั้นก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้องเพราะอะไรเพราะบางทีพวกเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บเเต่เด็กนั้นไม่รู้ว่าพวกเขาได้เเผลตรงไหนพวกเขาเเค่รู่สึกเจ็บเเค่นั้นเองเพราะความเจ็บปวดสำหรับเด็กนั้นเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยพบเจอหรือเเค่ยังไม่มีความอดทนต่อความเจ็บปวดนั้นมากพอร่างกายเลยตอบสนองให้ร้องไห้ออกมาเพื่อเเสดงถึงความเจ็บปวดเช่น เดียวกับอารมณ์เศร้าที่เด็กได้พบเจอเเต่ความอดทนนั้นต่ำจึงได้เเสดงออกในการร้องไห้เเทนเเละยิ่งพวกคุณไปตวาดหรือใช้เสียงทีาดังยิ่งทำให้พวกเขาร้องไห้ยิ่งกว่าเดิมอีก
2 เร็วๆหน่อยสิ
คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่บางคนนั้นต้องเคยเผลอใช้คำพูดเร่งเร้าเช่นนี้กับลูกๆแน่เพราะยิ่งเวลาที่ต้องรีบพวกเรานั้นก็จะใช้คำเพื่อเร่งอีกฝ่ายที่กำลังช้ากว่าเราอยู่อย่างตอนออกจากบ้านไปโรงเรียนแล้วหันมาเจอลูกกำลังลีลาอยู่กับการกินข้าวเก็บของและใส่รองเท้า หรืออาบน้ำกับเข้าห้องน้ำนานมากๆ แต่แม้จะเร่งรีบขนาดไหนการเร่งหรือบอกให้ลูก“ เร็ว ๆ หน่อย” หรือ "เร็วหน่อยได้ไหม" ก็ไม่ควรใช้กับลูกมากเพราะจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กขี้กังวลลนและเร่งรีบจนทำอะไรผิดพลาดได้ง่ายเเถมยังจะกลายเป็นนิสัยส่วนตัวพวกเขาเพิ่มอีกทำให้เวลาพวกเรารีบเเล้วพลาดจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ความมั่นใจหายไปจนเด็กๆกลัวที่จะเร่งรีบเเต่ก็กลัวพ่อเเม่ว่าอีก
3 อย่าทำนะ!
พ่อแม่หรือคนเลี้ยงเด็กที่ห้ามนั่นห้ามนี่เด็กตลอดเวลาหรือคอยบอกอยู่สิ่งที่ต้องทำให้ได้จนเกินไปจะทำให้เด็กขาดความเชื่อมั่นไม่กล้าตัดสินใจการห้ามลูกทำสิ่งที่อันตรายหรือไม่เหมาะสม ทำได้ แต่ควรอธิบายให้เหตุผลกับลูกด้วยไม่ใช่ห้ามพร่ำเพรื่อแบบไม่มีเหตุผลหรือเเค่ไม่ถูกใจเราก็สั่งห้ามเด็กๆในดารทำสิ่งต่างๆ เช่นลูกวิ่งเล่นก็ออกคำสั่งแค่ว่า"อย่าวิ่งนะ" "ห้ามวิ่งในห้องหรือข้างนอก" "มานั่งเฉย ๆ นี่" เพราะลูกจะไม่ได้เรียนรู้ว่าเพราะอะไรจึงไม่ควรวิ่งต่อไปลูกก็จะทำอีกเข้าทำนอง
“ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ " แต่ให้ใช้วิธีบอกสิ่งที่ลูกควรจะทำแทนไม่ใช่ตะโกนหรือตวาดใส่พวกเขา
4 ทำไมเห็นเเก่ตัวจังเลย
บ่อยครั้งที่ลูกมักจะแสดงอาการหวงของเล่นของตัวเองหวงขนมหรือของกินที่ตัวเองชอบจนไม่ยอมแบ่งให้คนอื่นคุณพ่อคุณแม่อาจจะมีเจตนาที่ดีไม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมเช่นนั้นจึงใช้วิธีตำหนิว่าลูกกำลังแสดงพฤติกรรมของคนเห็นแก่ตัวเพื่อหวังให้ลูกปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ธรรมชาติของเด็กเขายังไม่ถึงวัยที่จะรู้และเข้าใจความหมายของคำดังกล่าวอาการหวงของเป็นเพียงการแสดงออกไปตามสัญชาตญาณเท่านั้นดังนั้นแทนที่คุณพ่อคุณแม่จะพูดให้ลูกรู้สึกไม่ดีกับตัวเองแล้วลองเปลี่ยนพูดคุยและอธิบายให้ลูกเข้าใจประโยชน์ของแบ่งปันลองสอนลูกว่าเราสามารถแบ่งปันสิ่งนี้กับเพื่อนได้และเพื่อนจะรู้สึกดีใจมากที่ลูกแบ่งให้รวมถึงการทำให้ลูกเห็นบ่อยๆว่าคุณพ่อคุณแม่ก็แบ่งปันให้กันได้เป็นเรื่องธรรมดา
5 ทำไมไม่เหมือนคนอื่นเลย
" ลองดูเพื่อนคนนั้นสิ่" " ดูน้องสิยังทำได้เลย" การพูดแบบนี้พ่อแม่อาจะคิดว่าเป็นการกระตุ้นให้ลูกพัฒนาตัวเอง แต่การเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น ๆ หรือกับพี่กับน้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรอาจทำให้ลูกรู้สึกว่าเราด้อยกว่าอยู่เรื่อย ๆ ไม่ส่งผลดีในการกระตุ้นให้ลูกได้พัฒนาตัวเองเลยนาน ๆ ไปจะทำให้ลูกไม่เห็นคุณค่าในตัวเองขี้อายไม่กล้าแสดงออกไม่กล้าลงมือทำอะไรเพราะขาดความมั่นใจว่าตนจะทำได้สำเร็จในทางตรงข้ามเด็กบางคนอาจจะรู้สึกโกรธอิจฉาหรือแสดงพฤติกรรมต่อต้านรุนแรงก้าวร้าวตอบโต้กลับไปตรงกันข้ามกับที่ผู้ใหญ่บอกให้ทำเพื่อให้เกิดความรู้สึกสะใจที่พ่อแม่มักจะเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นซึ่งไม่เป็นผลดีกับตัวเด็กเลย
ก็อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปบางคำนั้นอาจจะดีบางคำอาจจะเเย่เเต่บางคำเด็กๆก็ไม่รู้ว่าดีหรือเเย่จึงอยู่ที่ผู้ใหญ่อย่างเราต้องคิดก่อนที่จะสื่อออกมาให้เด็กได้รับรู้ไม่งั้นจะเป็นการทำร้ายพวกเขาในทางอ้อมเเทน
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
