Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สรุปหุ้น กองทุน ต่างประเทศ - BottomLiners
•
ติดตาม
7 ต.ค. 2021 เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เชนโรงแรม Marriott ร่าเริง รับข่าวยารักษาไวรัส แอบกลับมาระดับ ATH แล้ว!
“ถ้ายา Merck ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและเจ็บป่วยได้ จะเหมือนเป็นการประกาศยุติสงครามไวรัสไว้ล่วงหน้า”
เนื่องจากยารักษาจะช่วยให้คนมั่นใจที่จะออกจากบ้านมากยิ่งขึ้น เพราะโรคมีทางรักษาแล้ว (แม้จะไม่ 100%) แต่เมื่อรวมกับวัคซีนที่ใช้อยู่จะช่วยให้เราเห็นแสงสว่างปลายอุโมงชัดเจนขึ้น
แน่นอนว่าหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวที่ซบเซามานาน ต่างวิ่งกันสนุกสนานรับข่าวยาลุ้นอนุมัติให้ใช้งานได้ในปีนี้เลย โพสนี้ BottomLiner จะพามารู้จัก 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์ เชนโรงแรมใหญ่เครือ Marriott
#ลักษณะธุรกิจ
Marriott International เป็นเครือโรงแรมที่ก่อตั้งโดย J. W. Marriot ตั้งแต่ปี 1927 ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีโรงแรมในเครือที่ให้บริการมากกว่า 1.4 ล้านห้องพัก ในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
โดย Marriott มีแบรนด์โรงแรมที่บริหารภายใต้บริษัทแม่อยู่มากกว่า 18 แบรนด์ ตั้งแต่แบรนด์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับล่างจนถึงกลุ่มลูกค้าระดับบน ยกตัวอย่าง เช่น Marriott, JW Marriott, Renaissance, Bulgari, Ritz-Carlton, Courtyard, Residence Inn, SpringHill Suites, Sheraton และอีกมากมาย
Marriottมีรายได้จาก3ช่องทางหลัก
- Base management fees และ Incentive management fees - Marriott จะคิดค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซนต์จากรายได้ (Base Management) และกำไรของโรงแรม (Incentive Management) สำหรับโรงแรมที่ Marriott ให้บริการ Management Services
- Franchise fees - รายได้จากค่าธรรมเนียม franchise ที่คิดกับ franchisees และ operator ในการใช้แบรนด์ในเครือ โดยจะเก็บเป็น initial application fees (ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น) และ ongoing royalty fees ซึ่งจะคำนวนจากรายได้ทั้งหมดของโรงแรม
โดยปัจจุบัน Marriott มีรายได้จาก Franchise fees หรือรายได้จากการอนุญาตให้ใช้แบรนด์ในเครือไปสร้างโรงแรม และการรับจ้างบริหารโรงแรม ซึ่งถือเป็นการใช้ทรัพย์สิน “Brandname” มาหารายได้เพิ่มโดยที่ Marriott ไม่ต้องลงทุนเอง
#นักท่องเที่ยวปรับตัวอยู่กับไวรัส
Marriott เห็นถึง pent-up demand ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้คนเริ่มรู้สึกปลอดภัยที่จะเดินทาง โดยบริษัทมี occupancy rate หรืออัตราการเข้าพักโรงแรมทั่วโลก ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ 51% ทั่วโลก และเห็นทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเดินทาง High season ช่วงสิ้นปีนี้ หลังจากนักท่องเที่ยวอดทนอยู่แต่บ้านเป็นแผลกดทับกันถ้วนหน้า
ขณะที่ประเทศจีน เป็นตลาดของ Marriott ซึ่งฟื้นตัวเกินช่วงก่อนเกิดไวรัสระบาดไปแล้ว วัดจากRevPAR (Revenue Per Available Room = อัตราการเข้าพัก x ราคาขายเฉลี่ย) ทางด้านอเมริกาและแคนาดาก็มี demand ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังจากฉีดวัคซีนได้เยอะ
#อัพเดทงบ
ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา Marriott พลิกกลับมามีกำไรที่ $422 million หลักจากขาดทุนจากการถูกสั่งปิดโรงแรมในหลายพื้นที่เมื่อปีที่แล้ว
#นักท่องเที่ยวกลับมาแต่การเดินทางเพื่อทำธุรกิจอาจไม่กลับมา
ความเสี่ยงที่ Marriott จะต้องเจอคือ ไวรัสได้เปลี่ยนขั้นตอนดีลธุรกิจหลายอย่างไปแล้ว เช่น การประชุมสามารถใช้ Microsoft Teams, Zoom หรือ การเซ็นเอกสารก็มี Docusign
จึงมีแนวโน้มว่าการเดินทางเพื่อธุรกิจหรือ Business Trip อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับไปเท่าช่วงไวรัสระบาด หรืออาจไม่กลับมาเลย ซึ่ง Marriott ที่มีโรงแรมในย่านกลางเมืองใหญ่อาจจะเจอผลกระทบมากกว่าโรงแรมในเมืองท่องเที่ยว
ใครถือหุ้นโรงแรมต่างประเทศหรือโรงแรมไทยอยู่บ้าง แสดงตัวขอความคิดเห็นต่อธุรกิจโรงแรมต่อจากนี้ด้วยนะครับ
BottomLiner
3 บันทึก
3
2
3
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย