8 ต.ค. 2021 เวลา 03:11 • ท่องเที่ยว
รักและอาลัย ณ สุสานฝรั่ง สุสานศิลป์แห่งมิลาน
11 มิถุนายน 2558 วันนี้เป็นวันสบายๆในมิลาน โรสชวนไปเยือนสุสานในเมืองมิลาน ออกปากชวนอย่างนี้ จะพลาดกันได้อย่างไร
 
สามสาวโรส นุ้ย จาด พากันไปขึ้นรถรางใกล้ที่พัก ต้นทางมาจากสถานีรถไฟกลางเชนทราเล (Centrale Station) รถรางสายนี้ช่วงใกล้เที่ยงจะมีผู้อพยพจากแอฟริกาเหนือที่ยังมีสถานะการเข้าเมืองผิดกฎหมายมาขึ้นโบกี้สุดท้ายจนแน่นขนัด เพื่อนๆแนะนำให้หลีกเลี่ยงการขึ้นโบกี้สุดท้ายช่วงเที่ยงวัน
หลายประเทศสนับสนุน แซ่ซ้องและเรียกขานกลียุคยืดเยื้อในแอฟริกาเหนือว่าอาหรับสปริง แต่บางประเทศเช่นอิตาลี กรีซ เยอรมนีกลับต้องแบกรับภาระหนักหน่วงจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายจำนวนมหาศาล โดยบรรดาประเทศโต้โผหรือประเทศกองเชียร์ไม่ช่วยแบ่งเบาภาระนี้แต่อย่างใด
รถรางสายนี้ผ่านโบสถ์แห่งหนึ่งห่างจากสถานีเชนทราเลประมาณ 5-6 ป้าย ทุกวันโบสถ์จะจัดอาหารกลางวันให้ผู้ยากไร้ กิจกรรมนี้ทำกันมาเนิ่นนาน ผู้อพยพคงบอกต่อๆจึงพากันเดินทางมา อย่างน้อยที่สุดยังมีอาหารหนึ่งมื้อช่วยประคองชีวิตให้ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน
ปกติจะมีนายตรวจคอยสุ่มตรวจผู้โดยสาร(คนอิตาเลียนแหละค่ะ)ที่แอบขึ้นรถรางฟรี ไม่ซื้อตั๋ว เห็นตรวจกันทีไร ต้องจับได้หลายคนทุกที แต่ขบวนรถไปกินมื้อเที่ยงนี้เราไม่เคยเห็นนายตรวจเลย ปัญหาที่มีสาเหตุจากดินแดนห่างไกลนี้อาจจะใหญ่เกินกำลังของคนทำงานจะแบกรับไว้กระมัง
เราลงที่สถานี Garibaldi เพื่อแวะดูย่านราตรีใกล้ๆ แต่ยัง”เช้า”เกินไป ร้านรวงยังปิดอยู่ จากที่นั่น เดินไปไม่กี่อึดใจก็ถึงสุสานใหญ่ของมิลานแล้ว อาคารด้านหน้าใหญ่มาก โอ่อ่า อลังการ ตั้งอยู่บนลานกว้าง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมหลายยุค ช่องแสงกลมโรสวินโดว์แบบกอธิกประดับด้วยกระจกสี อาคารประดับปูนปั้นพรรณพฤกษาและรูปทรงเรขาคณิต ผนังกรุหินสลับสีขาว-เขียวเป็นแนวขวางเหมือนอาคารยุคกลางแถวเซียนนา ผู้รู้ว่าลวดลายบนซุ้มโค้งตลอดแนวระเบียงเป็นแบบไบแซนไทน์ สวยเกินจินตนาการว่าคือสุสาน กิจกรรมของเราวันนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว เพียงเห็นอาคารหลังใหญ่ ก็เตรียมตัวรับความประหลาดใจที่จะได้ชม
เดิมทีในมิลานมีสุสานขนาดเล็กจำนวนมากกระจัดกระจายทั่วเมือง เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้น เมืองขยายตัวตามลำดับ จึงจำเป็นต้องจัดผังเมืองใหม่ ช่วงกลางคริสตวรรษที่ 19 มีการรวบรวมสุสานต่างๆมาไว้ที่แห่งใหม่นอกตัวเมือง คือ Monumental Cemetery of Milan อนุสรณ์สถานแห่งมิลานแห่งนี้
สุสานนี้ครอบคลุมพื้นที่ 250,000 ตร.ม. (ประมาณ 156 ไร่ / เทียบกับสนามหลวงมีพื้นที่ประมาณ 74 ไร่) ที่นี่ไม่ใช่แค่ที่ฝังศพธรรมดา หากมีการวางผัง ออกแบบกันตั้งแต่เริ่มต้น สถาปนิกผู้ออกแบบอาคารคือ คาร์โล มัคชิอาคินี่ เริ่มเปิดใช้งานราวปี ค.ศ. 1866 (พ.ศ. 2409 ตรงกับช่วงท้าย ร.4) มีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสุสานชาวยิวด้วย เราไม่ได้แวะคารวะผู้วายชนม์กลุ่มนี้
ไม่กี่สิบปีต่อมา มีการสร้างสุสานแห่งที่สองในมิลานขึ้นอีกเพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง คือ สุสานมัจโจเร (Maggiore Cemetery of Milan) มีขนาดใหญ่ที่สุด สร้างโดยรวบรวมสุสานขนาดเล็กหลายแห่งมาไว้ที่เดียวกันเช่นกัน
ตอนที่สามสาวไปถึงสุสาน ไม่เห็นใครอื่นอีก พากันเดินขึ้นชมอาคารชั้นบน ผ่านโถงใหญ่กรุผนังและพื้นด้วยหินอ่อน หินแกรนิต เพดานสูงมากทำให้ดูโล่ง ดูยิ่งใหญ่ โถงใหญ่เปรียบเหมือนหอเกียรติยศ (Hall of Fame) ประกอบด้วยสุสานคนสำคัญจากตระกูลนักธุรกิจใหญ่ คนมีชื่อเสียงจากหลายวงการของมิลานและอิตาลี (แต่ต่างชาติอย่างเรารู้จักแค่ไม่กี่ชื่อเอง เช่น คัมพารี พิเรลลี)
ในหอเกียรติยศมีภาพสลักนูนสูงแสดงความรักอาลัยประดับสุสาน รวมทั้งโลงศพคาร์โล มัคชิอาคินี่ ผู้ออกแบบอาคาร มีฮวงซุ้ยของ จีโอวานนี มัคเคีย ผู้ก่อตั้งองค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือหญิงมีครรภ์ มารดาและบุตรผู้ยากไร้ ฮวงซุ้ยนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1869 โดยทำเป็นประตูจำลองเปิดแง้มไว้บานหนึ่ง เปรียบเหมือนทางสู่สวรรค์หรือโลกอันไกลโพ้นที่ผู้วายชนม์ออกเดินทางไปแล้ว เป็นประตูที่ผู้อยู่เบื้องหลังสามารถเสาะหาการปลอบประโลมใจและความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า รูปปั้นจีโอวานนี มัคเคียประดับอยู่ด้านบนเหนือประตู ที่ระเบียงทางเดินในอาคาร ยังมีสุสานคนสำคัญเรียงราย (แต่เราไม่รู้จัก!)
ถัดจากหอเกียรติยศ พากันเดินเข้าไปดูปีกขวาของอาคาร ด้านในสร้างเป็นซุ้มโค้งระหว่างเสาแต่ละช่วง เปิดไฟ warm light อ่อนๆ ให้บรรยากาศขรึมจัด จนต้องสำรวมสติและกิริยาทั้งการพูด การเดิน บนผนังสองฝั่งทำเป็นช่องๆสูงจรดเพดานเหมือนช่องบรรจุอัฐิตามวัดพุทธในบ้านเรา แต่ละช่องมีแผ่นหินแกะสลักข้อมูลผู้วายชนม์ปิดไว้ บ้างอาจมีภาพผู้วายชนม์กำกับ สีแผ่นป้ายโดยรวมดูกลมกลืนกัน ไม่แน่ใจว่าทางสุสานมีระเบียบบางอย่างกำหนดไว้หรือไม่ (เช่นคุมโทนสี หรือดีไซน์)
ช่องเก็บอัฐิบางช่องมีดอกไม้สดเสียบไว้ด้านหน้า ด้วยความใคร่รู้รีบเพ่งดูความสดของดอกไม้ และปี ค.ศ.บนแผ่นป้ายว่าพลัดพรากไปเนิ่นนานเพียงใด หากจากไปนับร้อยปีแล้วเหตุไฉนจะยังมีคนนำดอกไม้สดมาแสดงความรำลึกถึง แต่โดยรวมไม่มีเบาะแสให้คาดเดาได้ ห้องเก็บอัฐิยังมีทางแยกไปห้องเก็บอัฐิอีกห้องหนึ่ง อีกห้องหนึ่งและอีกห้องหนึ่งมากมาย
สามสาวพากันลงจากอาคารเพื่อชมฮวงซุ้ยฝรั่งบนลานโล่งด้านหลัง ผังพื้นที่แบ่งเป็นซอยหรือทางเดิน สร้างขนานกันหลายซอย หลุมศพเรียงรายสองข้างทางเดินไปจนสุดทาง มีทางเดินเชื่อมกับซอยถัดไปทั้งด้านซ้ายและขวา สองข้างทางปลูกไม้ยืนต้น ทำให้ร่มรื่น ยังมีหัวจ่ายน้ำรุ่นโบราณติดตั้งอยู่ด้วย
ฮวงซุ้ยแต่ละแห่งออกแบบราวกับจะประชันกับเพื่อนบ้านข้างเคียงด้วยสถาปัตยกรรมยุคต่างๆทั้งแบบกรีก ไบแซนไทน์ เรอเนสซองส์ มีการใช้เรื่องราวจากพระประวัติพระเยซูบอกเล่าความรัก อาลัย ความหวังของการคืนชีพ เช่นรูปสลัก Pieta เมื่อพระแม่มารีโอบร่างพระเยซูที่นำลงมาจากไม้กางเขน รูปสลักการฟื้นคืนชีพของพระเยซู พระเยซูถูกบังคับให้แบกไม้กางเขน รวมทั้งเหตุการณ์ The Last Supper
การตกแต่งฮวงซุ้ยแต่ละรายยังสื่อถึงความโศกเศร้าอาดูร ปิ่มว่าจะขาดใจ จากการพลัดพรากระหว่างแม่กับลูก สามีกับภรรยา รักไม่สมหวัง ชวนให้คนผ่านทางอย่างเราครุ่นคิดถึงผู้วายชนม์ที่ทอดร่างสงบนิ่ง ณ ที่นั้น
ไม่ว่าสูงหรือต่ำศักดิ์ ร้ายหรือดี ยากดีมีจน ปราดเปรื่องหรือเชื่องช้า ทุกคนล้วนไม่อาจหลีกหนีความตาย ต้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง
บ้างสื่อความรักอาลัยแบบเรียบง่าย แนวน้อยแต่มากโดยการประดับตะเกียงหรือคบเพลิงดวงเดียวเพื่อสื่อถึงความหวังของการคืนชีพ บ้างออกแบบแนวคิวบิคซิสม์ โดยรวมแล้ว สะท้อนความโศกศัลย์ แต่งดงามจนต้องเรียกว่า สุสานศิลป์แห่งมิลาน
ฮวงซุ้ยที่น่าสะเทือนใจสำหรับเราคือความโศกศัลย์ อาลัยรักของปุถุชน แบบเรียบง่าย อันแรกคือ สุสานรักไม่สมหวัง รูปสลักผู้วายชนม์สาวนอนทอดร่างบนเตียงราวกับหมดอาลัย หรือทุกข์ทรมานก่อนเสียชีวิต ด้านข้างจารึกว่า Non Dire Ad Alcvno Perche Sono Morta (อย่าบอกใครนะว่าทำไมชั้นถึงตาย - ขอบคุณโรสสำหรับคำแปล)
ฮวงซุ้ยผู้เป็นแม่และเมียนั่งกุมมือลูกชายสองคนที่เสียชีวิตจากสงครามบนหลุมศพของสามีที่จากลาไปแล้ว ใบหน้าเธอสงบ แต่ดูเศร้าสร้อยนัก
ความรักอาลัยต่อหญิงสาวผู้ด่วนจากไป
ฮวงซุ้ยภรรยาสาวที่จากไปก่อนเวลาอันควร นอนสงบบนเตียง มีรูปสลักของสามีซึ่งเสียชีวิตภายหลัง ประดับบริเวณหัวเตียง
รูปสลักเด็กน้อยที่จากไปบนสนามหญ้าเขียวชอุ่มราวกับกำลังเดินบนสรวงสวรรค์ สื่อถึงความรักของคนเป็นพ่อแม่ที่คล้ายคลึงกันไม่ว่าจะผิวพันธุ์ใด
บ้างสร้างเป็นบ้านหลังน้อยในสถาปัตยกรรมยุคต่างๆ เป็นสุสานครอบครัวตั้งเรียงรายกัน ผู้ออกแบบฮวงซุ้ยต่างปลดปล่อยจินตนาการกันเต็มที่เพื่อสื่อถึงความอาลัย อาดูร ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ
อนุสรณ์สถานมิลานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
โฆษณา