8 ต.ค. 2021 เวลา 08:15 • ท่องเที่ยว
"โรงเรียนปอเนาะเกาะยาวน้อยทัศนศึกษา" เรื่องเล่าจากคอลัมน์ "Sight & See ไปกับครูพี่ต้นคูน" บนแอป 2read
ทัศนียภาพของท้องทะเลรอบเกาะยาวน้อย
ชายหาดหน้าที่พัก
เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สามารถดึงดูดผู้คนจากทุกมุมโลกให้เดินทางมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต ชาวบ้านที่นี่เป็นมิตรกับผู้มาเยือนและเปิดกว้างต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประชากรส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นชาวมุสลิม ในการเดินทางครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับผู้คนในสังคมของโรงเรียนปอเนาะเกาะยาวน้อยถึงสองวันเต็ม และได้พบเรื่องราวที่น่าสนใจหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวของนักเรียนปอเนาะรุ่นใหม่ และเรื่องเล่าจากประสบการณ์ที่ครูใหญ่โรงเรียนปอเนาะได้พบเห็นในฐานะที่เป็นชาวมุสลิมในประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ เยือนเกาะยาวน้อย เมื่อพุทธศักราช 2516 ในการนี้ฮัจญีอิสมาอิล โรมินทร์ (โต๊ะครูแอ) พร้อมด้วยราษฎรเกาะยาวน้อย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ (ได้รับความอนุเคราะห์พระบรมฉายาลักษณ์จาก คุณอับดุลฮาดีย์ โรมินทร์)
วิถีนักเรียนปอเนาะ
ผมมีโอกาสเดินทางไปฝังตัวอยู่ที่เกาะยาวน้อยเป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์เมื่อเดือนกันยายน 2563 ผมมีความคุ้นเคยกับพื้นที่และผู้คนบนเกาะยาวน้อยอยู่แล้วในระดับหนึ่ง เนื่องจากได้มีโอกาสมาลงพื้นที่สำรวจและสัมภาษณ์เก็บข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชุมชนของชาวบ้านในพื้นที่ให้กับกลุ่มเอกชน เพราะฉะนั้นการไปเกาะยาวน้อยสำหรับผมจึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่การพักผ่อนหรือการทำงานเท่านั้น แต่หมายถึงการได้กลับไปพบปะกับผู้คนที่ผมคุ้นเคย และเต็มไปด้วยมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน ซึ่งไม่มีข้อจำกัดด้านความเชื่อ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมมาเป็นเครื่องขวางกั้นเลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
ผู้เขียน และคุณอับดุลฮาดีย์ โรมินทร์ ภายในที่พักอาศัยของครอบครัวโรมินทร์ โรงเรียนปอเนาะสันติสุข
วันแรกที่ผมไปถึง ผมได้รับคำเชิญจากคุณอับดุลฮาดีย์ โรมินทร์ ผู้ดูแลโรงเรียนปอเนาะสันติสุขของเกาะยาวน้อยให้ไปร่วมประเพณีกินเลี้ยงในค่ำวันศุกร์ ซึ่งเป็นประเพณีของชาวมุสลิม ทันทีที่ได้นั่งลงกับพื้นและล้อมวงรับประทานอาหารกับชาวบ้าน ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเกาะเกิดขึ้นกับตัวผมอย่างรวดเร็ว และในวันรุ่งขึ้นผมมีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับนักเรียนในโรงเรียนปอเนาะ ทำให้ทราบว่านักเรียนที่มาเข้าเรียนในโรงเรียนปอเนาะส่วนมากมาโดยที่มีผู้ปกครองส่งเข้ามาเรียน แต่ก็มีบ้างที่เข้ามาเรียนด้วยความสมัครใจ เหตุผลหลักที่ผู้ปกครองส่งลูกเข้ามาเรียนในโรงเรียนปอเนาะก็เพราะต้องการให้บุตรหลานมีศาสนาเป็นเครื่องชี้ทางชีวิต นักเรียนหลายคนบอกกับผมว่าถ้าตนยังอาศัยอยู่ในสังคมเดิมๆ ก็จะเสี่ยงต่อการใช้ยาเสพติดและอบายมุขต่างๆ เพราะเพื่อนของตนติดอยู่ในบ่วงของอบายมุขเกือบหมด
ดังนั้นการมาอยู่ในโรงเรียนปอเนาะจึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และเป็นหลักประกันว่าตนเองจะเติบโตขึ้นเป็นศาสนิกชนที่ดี ประพฤติตนอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรมจรรยาของศาสนาอิสลามได้ในภายภาคหน้า
“... เพื่อนในชุมชนของผมติดยากันเกือบหมด พ่อแม่ก็กลัวว่าถ้าผมอยู่ที่นั่นผมก็จะติดเหล้าติดยาไปกับเขาด้วย ก็เลยส่งมาอยู่ที่นี่ ซึ่งก็ดีนะครับ เพราถ้าอยู่ในชุมชนเดิม สังคมเดิมๆ เราก็อาจจะเป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน อย่างน้อยมาอยู่ที่นี่ก็รู้ว่า อะไรดี อะไรไม่ดี...”
ส่วนมากกล่าวว่าเมื่อตนสำเร็จการศึกษาออกจากโรงเรียนปอเนาะไป ก็จะกลับไปทำมาหากินแบบที่ครอบครัวทำมา เช่น ทำสวน ทำประมง หรือประกอบการค้าเล็กๆ น้อยๆ แต่สิ่งที่นักเรียนในโรงเรียนปอเนาะมีอยู่เหมือนกันนั่นก็คือ การมีคำสอนในศาสนาอิสลามเป็นธรรมนูญประจำใจ
เมื่อผมได้คุยกับนักเรียนโรงเรียนปอเนาะแล้ว ผมจึงบอกกับคุณอับดุลฮาดีย์ว่าผมอยากจะมีโอกาสได้พูดคุยกับครูใหญ่ของโรงเรียนปอเนาะบ้าง ดังนั้นในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น ผมจึงมีโอกาสได้นั่งอยู่บนชานเรือนของโต๊ะครูอับดุลกุดดุส เปกะมล ซึ่งเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนปอเนาะสันติสุขเพื่อสนทนาถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในโรงเรียนปอเนาะ การพูดคุยครั้งนี้ใช้เวลาต่อเนื่องยาวนานถึงเกือบสี่ชั่วโมง แต่เป็นสี่ชั่วโมงที่มีค่าและเพลิดเพลินมากเหลือเกินสำหรับผม
มุมสงบของผู้เขียนในเรือประมง กลางทะเลเกาะยาวน้อย
พื้นที่เกษตรกรรมหลังฤดูเก็บเกี่ยวของโรงเรียนปอเนาะสันติสุข
แปลงเกษตรของโรงเรียนปอเนาะสันติสุข
เรื่องเล่าของโต๊ะครู
พื้นที่โรงเรียนปอเนาะสันติสุข คำว่าปอเนาะ มีความหมายว่า “กระท่อม” สื่อความหมายถึงการมาพักอาศัยในกระท่อมเพื่อเรียนศาสนาของนักเรียน
“... ที่นี่เราจะดูแลนักเรียนทั้งหมด ในเรื่องระเบียบวินัยและคำสอน ส่วนเรื่องที่ว่าวิถีชีวิตหรือความเคร่งครัดในศาสนาของเด็กจะเปลี่ยนแปลงไปอันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับ ทำความเข้าใจ และห้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่เราอยากให้เด็กๆ ได้รับไป นั่นก็คือความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับอิสลาม เขาจะแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ ...”
ผมถามคำถามสำคัญกับโต๊ะครูว่า โต๊ะครูรู้สึกอย่างไรกับการเป็นครูสอนศาสนาอิสลามในสังคมไทยที่คนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา โต๊ะครูบอกกับผมว่าชาวมุสลิมในโรงเรียนปอเนาะและชาวเกาะยาวน้อยนั้นไม่เคยรู้สึกว่าตนเองนั้นเป็น “คนอื่น” ในสังคมไทยเลย เนื่องจากไม่ใช่แค่เฉพาะภาพรวมของสังคมไทยที่มีพื้นที่ให้กับคนต่างศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะคำสอนโดยพื้นฐานของศาสนาอิสลามที่เน้นเรื่องสันติสุขระหว่างมนุษยชาติด้วย เพราะฉะนั้นชาวมุสลิมที่แท้ในความคิดของโต๊ะครูจึงย่อมจะเป็นมิตรกับผู้คนทุกเชื้อชาติและศาสนาอยู่แล้ว
“... ศาสนาพุทธก็สอนเรื่องความรักความเมตตา ศาสนาอิสลามก็สอนอย่างนั้น ที่มาของคำสอนเราอาจจะต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องประพฤติอย่างเดียวกัน...”
ผู้เขียนในพิธีตัมมัตอัลกุรอ่าน (สำเร็จการศึกษาพระคัมภีร์) เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563
ตารางเวลาละหมาดประจำวัน เมื่อวันที่ 24 – 25 กุมภาพันธ์ 2563
ผู้เขียนในพิธีแห่ขบวนแต่งงานของเจ้าบ่าวจากเกาะยาวน้อยไปยังเกาะยาวใหญ่
โต๊ะครูยังบอกกับผมอีกว่า นักเรียนปอเนาะทุกคนได้รับการอบรมสั่งสอนให้ใช้ชีวิตอยู่บนหลักการของศาสนาอิสลามก็จริง แต่จะต้องอ่อนน้อมถ่อมตน และไม่ปฏิบัติต่อคนต่างศาสนาอย่างเป็นอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยที่โต๊ะครูเห็นว่าความประนีประนอมพร้อมใจกันของคนในสังคมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวมุสลิมมีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุขได้แม้จะไม่ได้นับถือศาสนาหลักของประเทศ และความร่มเย็นเป็นสุขที่เราเห็นจนชินตานี้เอง กลับกลายเป็นเรื่องพิเศษในสายตาของชาวมุสลิมจากหลายประเทศทั่วโลก
"... ตอนผมไปทำพิธีฮัจญ์ที่เมืองเมกกะ​ คนมุสลิมที่นั่นเขาก็ถามว่าผมมาจากประเทศอะไร​ ผมตอบว่าผมมาจากประเทศไทย คนที่นั่นถามว่ามุสลิมในประเทศไทยเป็นอยู่กันอย่างไรบ้าง ทำไมจึงได้มาพิธีฮัจญ์กันมากมายขนาดนี้​ คนไทยส่วนใหญ่เป็นมุสลิมหรือ​ ผมก็บอกไปว่าเปล่า​ มุสลิมเราเป็นส่วนน้อยมาก แต่ประเทศของเราสนับสนุนทุกศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระมหากษัตริย์ของเราทรงอุปถัมภ์ทุกศาสนาโดยเสมอภาคกัน เสมอภาคจริง​ๆ เราไม่เคยรู้สึกว่า เราคนมุสลิมด้อยกว่าศาสนาไหนเลย​
คนทางนั้นก็ยิ่งสงสัยใหญ่​ ถามว่าพระมหากษัตริย์คุณเป็นมุสลิม​เหรอ​ ผมบอกว่าไม่ใช่​ เขาก็ถามว่าพระมหากษัตริย์คุณเป็นกาเฟร​ (คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม)​ แล้วท่านทรงดูแลชาวมุสลิมอย่างดีจริง​ๆ​ ได้อย่างไร คนที่นั่นไม่เชื่อเล​ย​ ผมก็ยืนยันว่าจริง​ เขาตื่นเต้นและแปลกใจมากเพราะไม่เคยเห็นที่ไหน​ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ​ (ขอบคุณพระเจ้า)​ เราคนมุสลิมโชคดีจริงๆ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย​ ..."
เมื่อฟังโต๊ะครูกล่าวถึงตรงนี้ ใจผมนึกถึงคำว่า “องค์อัครศาสนูปถัมภก” อันเป็นพันธกิจสำคัญของพระมหากษัตริย์ไทยทุกรัชกาล ที่จะต้องทรงอุปถัมภ์บำรุงทุกศาสนาในสังคมไทยโดยเสมอภาคกัน
โต๊ะครูบอกกับผมว่า ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้คนในสังคมนั้นเป็นเรื่องสำคัญ กลไกใดก็ตามที่ช่วยประคับประคองความหลากหลายของสังคมให้อยู่ร่วมกันได้ กลไกนั้นย่อมมีความสำคัญมาก เพราะหลายพื้นที่ในโลกนี้เกิดสงครามและความขัดแย้งมากมายเพราะผู้คนนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทย
“นี่เป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ และสำคัญกว่านั้นก็คือว่าเราจะทำอย่างไร ให้เราสามารถอยู่ร่วมกันอย่างนี้ได้ตลอดไป”
โต๊ะครูกล่าวทิ้งท้าย พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ แทนการตอบคำถามที่ว่านั้นในใจของโต๊ะครู
ขอขอบพระคุณ
ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 – 26 กันยายน 2563
1. โต๊ะครูอับดุลกุดดุส เปกะมล                        ครูใหญ่โรงเรียนปอเนาะสันติสุข
2. คุณอับดุลฮาดีย์ โรมินทร์                             ผู้ดูแลโรงเรียนปอเนาะสันติสุข
3. กลุ่มตัวอย่างนักเรียนโรงเรียนปอเนาะสันติสุข
📌 อ่านบทความอื่นๆ ในคอลัมน์ "Sight & See ไปกับครูพี่ต้นคูน" บนแอป 2read หรือคลิกภาพด้านล่าง
📲ดาวน์โหลดแอป 2read 👉https://bit.ly/3bQtbiV
✅อ่านง่าย อ่านสะดวก อ่านที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ตามใจต้องการ มีบทฟรีให้อ่าน เลือกอ่านเฉพาะบทที่อยากอ่านก็ได้ ซื้ออ่านทั้งเล่ม (เล่มที่จบแล้ว) ลด 10% ก็ดี๊ดี ใช้เหรียญเงินเปิดอ่านฟรีดีต่อใจ❤️
📚มีทั้งหมวดการลงทุน ธุรกิจ พัฒนาตนเอง ไลฟ์สไตล์ (ประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยว) นิยาย การ์ตูน และคอลัมน์หลากหลายเรื่องราวที่น่าสนใจ จากผู้รู้ลึกที่หลงใหลในเรื่องราวนั้นๆ
🎉สมัครสมาชิกกับแอป 2read รับไปเลย 30 เหรียญเงิน ฟรี! เอาไว้ใช้อ่านหนังสือบนแอป 2read (เหรียญเงินมีวันหมดอายุนะ)
💥อย่าลืมแวะมาอ่านบทความฟรีของ 2read Around U
มีทั้งคอลัมน์ “JOURNALIST IN YOUR SIDE” โดย นักผจญข่าว
“สดทุกเช้า อ่านข่าวจีน” โดย พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
และ “ทัศนศึกษา Sight & See ไปกับครูพี่ต้นคูน” โดย พี่ต้นคูน - ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์
ชอบเรื่องไหน ก็ตามอ่านกันได้เลยที่แอป 2read ที่เดียว!
#2read #แอปที่มากกว่าการอ่านศูนย์กลางการอัพสกิล
โฆษณา