ปริญญาโท Master of Creative Media (Film and Television) RMIT คุณหมอแกงไก่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จทางโลกคนหนึ่ง แต่เมื่อได้เป็นศิษย์พระอาจารย์คม อภิวโร ติดตามไปปฏิบัติธรรมจนค่อนข้างสนิทแล้ว พระอาจารย์คมเมตตาบอกกับคุณหมอแกงไก่ว่า
“…เจ้าไก่เอ้ย รีบลาออกจากงาน รีบไปลาแฟนแล้วมาบวชซะ ชีวิตจะหักกลาง ไม่ตายโหงก็ต้องนอนเจ็บอยู่บนเตียงใครก็ช่วยไม่ได้ มันเป็นกรรมลูกเอ้ย รีบมาบำเพ็ญเอาบุญใหญ่หนีบาปที่เขากำลังไล่ตามอยู่ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม กรรมท่านไม่ได้ง้อให้ใครเชื่อ มาซะก่อนที่จะไกลสุดมือเอื้อม อะไรที่เราช่วยได้เราก็ช่วย เคยมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ถ้ามาช้าเกินกำหนดเวลาใครหน้าไหนก็ช่วยไม่ทันโว้ย
ไม่ใช่ตาย ๆ ไปแล้วก็จบ มันมีภพชาติหลังความตาย มีอบายภูมิเป็นที่ไป ตราบใดที่เรายังมีชีวิตเรายังมีสิทธิ์ปิดอบายภูมิเข้าถึงธรรมได้ ชีวิตเป็นของมีค่ามากนะ…”
๑ ปีถัดมา
คุณหมอแกงไก่จัดการภาระรอบตัวเรียบร้อยจึงมาขอบวช พระอาจารย์คมไม่อนุญาตให้บวช ท่านขอให้เป็นผ้าขาวฝึกตนไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า
“ไก่เป็นคนเก่งทางโลกมาก อัตตาสูง ถอดเขี้ยวถอดเล็บเก็บหัวโขน ละอัตตาอยู่เป็นผ้าขี้ริ้ว ฝึกให้จิตเขายอมเป็นผ้าเช็ดเท้าไปก่อน ถึงเวลาจะบอกให้บวชเอง”
อีก ๒ ปี ถัดมา
คุณหมอแกงไก่จึงได้อุปสมบท
ทุกอย่างดูคล้ายจะปกติสุข จนย่างเข้าพรรษาที่ ๓ หลวงพี่แกงไก่ป่วยเป็นโรคประหลาด ได้รับทุกขเวทนาทางกายมาก จนต้องนั่งรถเข็น ตรวจหาสาเหตุอย่างไรก็ไม่พบ ทั้งโยมแม่และโยมน้องชายของหลวงพี่แกงไก่ที่ล้วนเป็นอาจารย์แพทย์หนักใจมาก
หลวงพี่แกงไก่เล่าให้หมู่คณะฟังว่า
“ผมจำได้ พระอาจารย์คมเคยเตือนผมว่า
ให้เร่งภาวนาอย่าประมาท กรรมเป็นของมองไม่เห็น ลึกลับซับซ้อนและมีอำนาจมาก เวลาบาปเก่าติดตามมาส่งผล ผมจะรับแค่เพียงหนึ่งในสี่เพราะผลบุญกุศลที่ทำมาและบารมีครูบาอาจารย์ช่วยไว้ แม้จะลดไปสามส่วนแล้วแต่ถึงกระนั้นก็ต้องนอนเตียงผู้ป่วย นั่งรถเข็นเจ็บปวดทรมานจนอยากจะฆ่าตัวตายวันละหลายรอบ
ตอนนั้นผมเเข็งแรงดี ผมไม่เชื่อเลย นึกว่าท่านหลอกหรือพูดเล่น จนวันนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว ทุกอย่างปรากฏเป็นจริงตามที่ท่านว่าไว้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียว ขอหมู่เพื่อนอย่าประมาทเรื่องกรรม เรื่องจิตตานุภาพของครูบาอาจารย์ ทำเล่นได้เล่น ทำจริงได้จริง ทำดีได้ดีมาก ทำชั่วได้ชั่วมาก“
………………………………………………