“โจนออฟอาร์ก (Joan of Arc)” วีรสตรีแห่งประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส
หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ “โจนออฟอาร์ก (Joan of Arc)” กันมาบ้าง
ผมเคยเขียนเรื่องราวของโจนออฟอาร์กเป็นซีรีส์ แต่โพสต์นี้ก็จะเป็นการสรุปเรื่องราวของวีรสตรีแห่งฝรั่งเศสผู้นี้ เป็นการสรุปให้อ่านในโพสต์เดียว สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านเป็นตอนๆ
“โจนออฟอาร์ก (Joan of Arc)” เป็นหญิงสาวชาวบ้านที่มีชีวิตอยู่ในยุคกลางของฝรั่งเศส และเธอก็เชื่อว่าเธอคือผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นผู้นำฝรั่งเศสในการเอาชัยเหนืออังกฤษ
โจนนั้นไม่เคยได้รับการฝึกฝนทางทหารมาก่อน จึงได้ทูล “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส (Charles VII of France)” ซึ่งในเวลานั้นยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ให้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เธอเป็นผู้นำทัพฝรั่งเศส ต่อสู้กับทัพอังกฤษ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ
ภายหลังจากที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ขึ้นครองราชย์ โจนก็ได้ถูกกองทัพเบอร์กันดีจับตัว และถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาโทษ โดยสุดท้าย เธอก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานใช้เวทมนต์คาถาและเป็นพวกนอกรีต และให้ประหารด้วยการเผาทั้งเป็น
ขณะที่เสียชีวิตนั้น โจนมีอายุเพียง 19 ปี
หากแต่ภายหลัง เธอก็ได้รับการยกย่องเป็นนักบุญ และเป็นหนึ่งในนักบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของฝรั่งเศส
สำหรับประวัติของโจนนั้น เธอเกิดในราวปีค.ศ.1412 (พ.ศ.1955) ที่หมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือในฝรั่งเศส โดยเกิดมาในครอบครัวชาวไร่
ตั้งแต่เด็ก โจนไม่ได้รับการสอนการอ่านเขียน หากแต่แม่ของเธอได้ปลูกฝังให้เธอศรัทธาในคริสตจักรคาทอลิก
ในเวลานั้น สถานการณ์ในฝรั่งเศสไม่ค่อยจะดีนัก เนื่องจากฝรั่งเศสและอังกฤษได้มีความขัดแย้งกัน และก่อเป็น “สงคราม 100 ปี (Hundred Years War)” ในเวลาต่อมา
ในปีค.ศ.1420 (พ.ศ.1963) ได้มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ โดยสนธิสัญญาสันติภาพนี้ไม่ยอมรับ “เจ้าชายชาร์ลส์ (Charles of Valois)” องค์รัชทายาทฝรั่งเศส และให้ “พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ (Henry V of England)” ขึ้นเป็นพระประมุขของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส
ในปีค.ศ.1422 (พ.ศ.1965) “พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ (Henry VI of England)” พระราชโอรสในพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดา
อังกฤษภายใต้การสนับสนุนของพันธมิตรฝรั่งเศสที่เข้ากับอังกฤษ ได้ยึดครองดินแดนจำนวนมากทางตอนเหนือของฝรั่งเศส และผู้คนในหมู่บ้านที่โจนอาศัยอยู่ก็ต้องอพยพ ทิ้งบ้านไปอยู่ที่อื่น
พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ (Henry V of England)
พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ (Henry VI of England)
ขณะมีอายุได้ 13 ปี โจนก็เริ่มได้ยินเสียงในนิมิต ซึ่งโจนก็เชื่อว่าเป็นเสียงจากพระเจ้า เพื่อมอบหมายภารกิจสำคัญให้เธอ
นั่นคือการกอบกู้ฝรั่งเศสและขับไล่ศัตรูออกไปจากดินแดน รวมทั้งทวงคืนบัลลังก์ให้เจ้าชายชาร์ลส์ โดยโจนนั้นเชื่อมั่นและอุทิศตน จนตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะถือพรหมจรรย์
ขณะมีอายุได้ 16 ปี พ่อของโจนได้พยายามจะจับคู่ให้โจน หากแต่โจนก็ได้โน้มน้าวให้ศาลท้องถิ่นเชื่อว่าเธอไม่สมควรถูกจับคู่แต่งงาน
พฤษภาคม ค.ศ.1428 (พ.ศ.1971) โจนได้เดินทางไปยังฐานที่มั่นของผู้ที่ภักดีต่อเจ้าชายชาร์ลส์ หากแต่เธอก็ถูกปฏิเสธจาก “โรเบิร์ต เดอ บอดริคอร์ท (Robert de Baudricourt)” ขุนนางคนหนึ่ง แต่โจนก็ไม่ยอมแพ้ เธอสามารถรวบรวมผู้ติดตามได้จำนวนหนึ่ง โดยผู้ติดตามเหล่านี้เชื่อว่าเธอเป็นผู้ที่จะมาช่วยกอบกู้ฝรั่งเศส
ต่อมา บอดริคอร์ทได้ยอมให้โจนเข้าร่วม โจนจึงตัดผมและแต่งตัวเป็นบุรุษ ก่อนจะเดินทัพเป็นเวลา 11 วันไปยังชีนอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของวังขององค์รัชทายาท
โจนได้ทูลเจ้าชายชาร์ลส์ว่าเธอจะทำให้พระองค์ขึ้นครองบัลลังก์ให้ได้ และได้ทูลขอกองทัพเพื่อเดินทางไปยังเมืองออร์เลอ็อง ซึ่งถูกอังกฤษปิดล้อมอยู่
เหล่าที่ปรึกษาและแม่ทัพของเจ้าชายชาร์ลส์ต่างคัดค้าน หากแต่เจ้าชายชาร์ลส์ทรงยินยอมตามคำขอของโจน โจนจึงนำทัพ ออกเดินทางไปสู้รบกับอังกฤษที่ออร์เลอ็องในเดือนมีนาคม ค.ศ.1429 (พ.ศ.1972) โดยโจนใส่เกราะสีขาว และขี่ม้าสีขาว
โจนได้นำทัพเข้าสู้และขับไล่ศัตรู ทำให้ศัตรูต้องถอยทัพข้ามแม่น้ำลัวร์
จากชัยชนะของโจน ทำให้ชื่อเสียงของโจนโด่งดังไปทั่วกองทัพฝรั่งเศส โดยโจนและผู้ติดตามได้นำเจ้าชายชาร์ลส์เสด็จข้ามเขตของศัตรู เข้าไปยังเมืองไรม์ และเจ้าชายชาร์ลส์ก็ได้เข้าพิธีบรมราชาภิเษก ขึ้นเป็น “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส (Charles VII of France)” ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1429 (พ.ศ.1972)
โจนได้เสนอว่ากองทัพฝรั่งเศสควรใช้โอกาสในชัยชนะนี้ บุกเข้าไปยึดปารีสคืนกลับมา หากแต่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ก็ยังทรงลังเล อีกทั้งเหล่าข้าราชสำนักก็เริ่มจะทูลพระองค์ว่าโจนนั้นเริ่มจะมีอิทธิพลมากเกินไปแล้ว
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส (Charles VII of France)
เมื่อเป็นอย่างนี้ กองทัพเบอร์กันดีจึงสามารถรวบรวมกำลัง และยึดฐานที่มั่นในปารีส ก่อนจะยกทัพกลับมาโจมตีโจนในเดือนกันยายนของปีนั้น
ฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ.1430 (พ.ศ.1973) พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ได้มีรับสั่งให้โจนนำทัพเข้าสู้กับกองทัพเบอร์กันดีที่กงเปียญ โดยโจนนั้นได้ถูกเหวี่ยงตกม้าและถูกทิ้งให้อยู่นอกกำแพงเมือง
โจนถูกกองทัพเบอร์กันดีจับกุมตัว และนำตัวเธอไปยังปราสาทที่ถูกยึดโดยแม่ทัพอังกฤษที่รูอ็อง
โจนถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาโทษ โดยเธอต้องตอบคำถามในข้อหาที่ถูกกล่าวหากว่า 70 ข้อหา รวมทั้งข้อหาว่าใช้เวทมนต์คาถา และแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าผู้ชาย
พวกเบอร์กันดีตั้งใจที่จะกำจัดโจนและทำลายชื่อเสียงของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ซึ่งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ก็ไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโจน เนื่องจากโจนถูกกล่าวหาด้วยข้อหาร้ายแรงหลายข้อหา พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 จึงไม่ทรงทำสิ่งใดเพื่อช่วยเหลือโจน
พฤษภาคม ค.ศ.1431 (พ.ศ.1974) ภายหลังจากถูกคุมขังเป็นเวลากว่าหนึ่งปี โจนจึงยอมลงนามยอมรับผิด โดยยอมรับว่าเธอไม่เคยเกิดนิมิตอะไรทั้งนั้น หากแต่ไม่กี่วันต่อมา เธอก็แสดงการต่อต้านด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าผู้ชายอีกครั้ง ทำให้ทางการตัดสินประหารเธอในที่สุด
เช้าวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ.1431 (พ.ศ.1974) ขณะมีอายุเพียง 19 ปี โจนถูกนำตัวไปยังบริเวณตลาดเก่าของรูอ็อง และถูกเผาทั้งเป็น
แต่ถึงแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ชื่อเสียงของโจนนั้นก็โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ และอีก 20 ปีต่อมา พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ได้มีรับสั่งให้พิจารณาคดีใหม่เพื่อล้างมลทินให้โจน และในปีค.ศ.1920 (พ.ศ.2463) โจนก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญ
และจนถึงทุกวันนี้ ชื่อเสียงของโจนก็เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส
- 16
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
