9 ต.ค. 2021 เวลา 07:16 • ท่องเที่ยว
ปาดัง มีนังกาเบา
รูมะฮ์กาดัง (Rumah gadang) "บ้านหลังใหญ่" หรือ อิมะฮ์บากองจอง (Eumah bagonjong;  "บ้านที่มีหลังคาเป็นยอดแหลม" คือบ้านแบบพื้นถิ่น (รูมะฮ์อาดัต) ของชาวมีนังกาเบา
ปาดัง (Kota Padang) เป็นเมืองใหญ่สุดของชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย และเป็นเมืองเอกของจังหวัดสุมาตราบาราต
สุมาตราหรือ ซูมาเตอรา คือเกาะที่มีขนาดเป็นอันดับ 6 ของโลก และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอินโดนีเซีย​
ตำแหน่งเมืองปาดัง
เสน่ห์ของที่นี่ มีทั้งอาหาร วัฒนธรมและประวัติศาสตร์
อาทิตยวรมันเจ้าชายจาก Majapahit ในฐานะกษัตริย์อาทิตวรมัน ของมาลาปุระรัฐในศูนย์กลาง สุมาตรา.
เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของ Jayanegaraราชาแห่ง มัชปาหิต และหลานชายของ ตรีภูวนาราชาราชาแห่ง อาณาจักรมลายู
อาทิตวรมันได้รับรางวัล รัฐมนตรีอาวุโส ของมัชปาหิต (wreddamantri) และใช้อำนาจนี้เพื่อเปิดแผนขยายกำลังทหารของ Majapahit และยึดครองพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกในสุมาตรา
จากนั้นอดิตวรมันได้ก่อตั้งราชวงศ์ของ มินังกาเบา ใน ปการ์รูยุง และดำรงตำแหน่งในภูมิภาคสุมาตราตอนกลางเพื่อควบคุมการค้าทองคำระหว่างปี ค.ศ. 1347 ถึง 1375
พิพิธภัณฑ์ อทิตยวรมัน
กลุ่มชาติพันธุ์ มินังกาเบา (Minangkabau) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตะวันตกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย มีประชากรประมาณ 8 ล้านคน นับถือศาสนาอิสลาม ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ภาษา ตัวอักษรมีนังกาเบาเป็นภาษาตระกูลออสโตรนีเซียน ใช้พูดโดยชาวมีนังกาเบาในสุมาตราตะวันตก
“มินังกาเบา” แปลว่า ควายแห่งชัยชนะ คำว่า มินัง แปลว่า ชัยชนะ ส่วน กาเบา แปลว่าควาย
คำดังกล่าวมาจากตำนานที่ชาวมินังกาเบาสามารถเอาชนะชาวชวาได้ โดยตกลงกันว่าจะใช้การชนควายเดิมพันแทนการรบเพื่อไม่ให้เกิดการเสียเลือดเนื้อของทั้งสองฝ่าย
https://www.google.com
ฝ่ายชวาเลือกควายตัวเมียที่แข็งแรงมาประลอง ส่วนฝ่ายมินังกาเบาได้ออกอุบายเลือกใช้ลูกควายที่กำลังหิวมากมาทำการประลอง และแอบติดมีดเล็กปลายแหลมไว้ที่เขาของลูกควาย
เมื่อถึงการประลอง ด้วยลูกควายนั้นหิวโซจากการอดนมจึงวิ่งเข้าไปดูดนมของควายตัวเมีย ทำให้ปลายมีดที่ติดไว้บริเวณเขาแทงเข้าไปที่ท้องของควายฝั่งชวาจนตาย ฝ่ายมินังกาเบาจึงได้รับชัยชนะในที่สุด
ควายจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวมินังกาเบาเห็นได้จากหลังคาบ้านแบบจารีตและชุดพื้นเมืองของชาวมินังกาเบา ที่จะมีลักษณะคล้ายเขาของควาย
ความน่าสนใจของชาติพันธุ์มินังกาเบา คือ มีวัฒนธรรมหญิงเป็นใหญ่ในศาสนาอิสลาม โดยให้ผู้หญิงมีบทบาทอำนาจทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งอำนาจในการตัดสินใจเกือบทุกเรื่องมักตั้งอยู่บนความเห็นชอบของฝ่ายหญิง เมื่อมีการประชุมปรึกษากันในครอบครัว ผู้หญิงได้สิทธิ์ในการตัดสินใจว่าผลสรุปจะเป็นอย่างไร
ที่เป็นอย่างนี้เนื่องจากชาวมินังกาเบามองว่าความเป็นอยู่ของพวกเขาคล้ายชีวิตของไก่ ที่ลูกเจี๊ยบจะเดินตามแม่ไก่ ไม่ใช่พ่อไก่ เช่นเดียวกับพวกเขาที่มีความเชื่อว่าสวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้าแม่ ไม่ใช่พ่อ
การให้ความสำคัญกับการสืบเชื้อสายทางมารดา (Matriarchy) หรือ อาดัต มินังกาเบา (Adat Minangkabau) นั้น
ภาพระกอบจาก https://today.line.me/th/v2/article/kzj3oZ
เมื่อหญิงชาวมินังกาเบาให้กำเนิดทายาท บุตรที่เกิดมาจะกลายเป็นสมาชิกของตระกูลมารดาอย่างสมบูรณ์ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะตกทอดจากผู้เป็นแม่สู่บุตรสาว และเมื่อมีการแต่งงานฝ่ายชายจะต้องย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กับครอบครัวของภรรยา โดยทำหน้าที่ประกอบอาชีพส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัว แต่ไม่มีสิทธิ์ในการถือครองมรดกใด ๆ ถึงแม้จะแต่งงานกันแล้วทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็ยังผูกติดกับบ้านเกิดของตนอยู่ คือ สามีหรือซูมันโดจะไปหาภรรยาเฉพาะในตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันเขาจะต้องทำงานให้กับครอบครัวเดิม
Minangkabau Culture Documentation and Information Center เป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิจัยวัฒนธรรม
เด็กผู้ชายเมื่ออายุ 7 ขวบ ต้องออกจากบ้านไปอยู่สุเหร่า เพื่อศึกษาร่ำเรียนอัลกุรอานและยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเอง
ดังนั้น รูมาห์ กาดัง หรือบ้านแบบจารีตของชาวมินังกาเบาจะไม่มีห้องนอนของลูกชาย เนื่องจากพื้นที่ในชีวิตของผู้ชายส่วนใหญ่ คือ การอุทิศตนให้กับอัลลอฮ์ บ้านจึงเป็นมรดกของลูกสาวที่อาศัยอยู่
Museum Adityawarman
ระบบการสืบเชื้อสายฝ่ายมารดาในสังคมมินังกาเบานั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงมีอำนาจมากกว่าผู้ชายนะค่ะ เพียงแต่เป็นระบบสังคมที่กำหนดบ้านเกิด และทรัพย์สินต่าง ๆ ตามเชื้อสายตระกูลฝ่ายมารดา
ถึงแม้อิทธิพลศาสนาอิสลามที่เข้ามาจะมีแนวคิดที่แตกต่างจากสังคมแบบจารีตของชาวมินังกาเบา แต่ก็ไม่ได้ทำให้สังคมมินังกาเบานั้นสูญเสียรากเหง้าวัฒนธรรมเดิม
มัสยิดกลาง Masjid Raya Sumatera Barat เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของสุมาตราตะวันตก และใหญ่เป็นอันดับสองบนเกาะสุมาตรา
เพราะชาวมินังกาเบาได้มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของตนเองกับสังคมภายนอก และสามารถดำรงอยู่บนความหลากหลายที่เรียกว่า อาลัม มินังกาเบา หมายถึง โลกที่มีความกลมกลืน
ดังคำกล่าวของชาวมินังกาเบาที่ว่า “ประเพณีของเรามีรากฐานมาจากอัลกุรอานอันศักดิ์สิทธิ์ อัลกุรอานกล่าวว่าผู้ชายเป็นผู้นำ แต่ผู้หญิงไม่ได้อยู่ภายใต้ความกดดันของผู้ชาย แม้ว่าผู้ชายจะนำผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงจะมีความสำคัญน้อยกว่า”
สังคม แบบมาตาธิปไตยของชาวมินังกาเบา คือ การผสมผสานวัฒนธรรมของชาวมินังกาเบาและแสดงให้เห็นถึงบทบาทหน้าที่ของผู้หญิงมุสลิมมินังกาเบาที่ต่างจากผู้หญิงมุสลิมในสังคมอื่น
แม้ชาวมินังกาเบาจะรับเอาศาสนาอิสลามที่ให้ความสำคัญกับเพศชายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต แต่พวกเขาก็ไม่ได้ลดบทบาทของผู้หญิงลง พวกเขายังคงให้ความสำคัญกับการสืบเชื้อสายฝ่ายมารดาอยู่ เพราะพวกเขาเชื่อว่าการให้ความเคารพและให้เกียรติแก่เพศหญิงเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากเป็นเพศผู้ให้กำเนิดทายาทของเผ่าพันธุ์
ขอบคุณข้อมูลเชิงลึกและภาพประกอบจาก
ในสังคมมีนังกาเบานั้นนอกจากจะสร้างรูมะฮ์กาดังเพื่ออยู่อาศัยแล้ว ยังใช้เป็นศูนย์รวมชุมชนและประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ สังคมมีนังกาเบานั้นเป็นสังคมแบบ หญิงเป็นใหญ่ (Matrilineal) จึงทำให้รูมะฮ์นั้นจะสืบทอดจากมารดาสู่บุตรี
หอนาฬิกากลางเมือง Bukittinggi ก็ไม่ทิ้งเอกลักษณ์เขาควาย
ในปัจจุบันรูมะฮ์กาดังเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำสุมาตราตะวันตก
ข้าวแกงปาดัง นี่ยกขบวนกันมามากหน้าหลายจานมาก จะกินยังไง กินไม่ไหว ทำไมต้องเสริฟเยอะ ที่มาจากคำว่าประดังกันมารึเปล่า?
ร้านอาหารแบบปาดังจะมีอาหารที่ทำไว้แล้วหลายสิบอย่างวางอยู่ในตู้กระจกหน้าร้าน พอเข้าไปนั่งในร้านแค่บอกจำนวนคนเจ้าของหรือคนบริการจะตักข้าวสวยอินโดฯมาในจานครบจำนวนคนพร้อมกับข้าวเกือบทุกอย่างที่มีในร้าน วางจนเต็มโต๊ะแล้วซ้อนกันสองชั้นก็มีในบางที่
เวลากินส่วนใหญ่ก็ใช้มือลงทั้งนั้นมีถ้วยใส่น้ำล้างไว้ข้างๆจาน ไม่ค่อยเห็นใครใช้ช้อนส้อม ยกเว้นช้อนตักกับข้าว ถ้าจะเติมข้าวส่วนใหญ่ก็มาในกระบุงไม้ไผ่สานเล็กๆ หรือกระบุงพลาสติก
กินอิ่มคนขายจะเดินมาพร้อมกระดาษปากกาเวียนรอบโต๊ะสำรวจความเสียหายใครกินอะไรไปเท่าไร ถ้าไม่กินก็ไม่คิดเงิน อ้ออ พอกินเสร็จแล้วไม่ต้องคิดเยอะ ของที่มาวางถ้ายังไม่ถูกตักก็สามารถอุ่นขายรายต่อไปได้สบาย ไม่ดราม่านะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.gotoknow.org/posts/569060
Bukittinggi-Lobang Jepang (Japanese tunnel) อุโมงค์ญี่ปุ่น หรือ Lubang Jepang ตั้งอยู่ใน Panorama Park ในเมือง Bukittinggi เป็นอุโมงค์ใต้ดินที่ลึกลงไปประมาณ 60 เมตร
สร้างโดยชาวญี่ปุ่น มีความยาวประมาณ 6 กม. อาจเรียกว่าซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวชมเป็นระยะทาง 1.5 กม. ทางเข้ามี 2 ทางคือ จาก Panorama Park และด้านข้างจากทางหลวง อุโมงค์นี้สร้างขึ้นอย่างลับ ๆ เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 1944 โดยใช้แรงงานจากชาวชวา สร้างในช่วงกลางคืน มีตรอกทั้งหมด 21 ตรอก มีห้องต่างๆ เช่น ห้องบัญชาการ ห้องพิจารณาคดี ประตูซุ่มโจมตี ประตูทางหนี
Padang Beach
น่าจะต้องลากันที่หน้าหาดปาดังละสำหรับทริปนี้ ซาลามัต จาลัน(Salamat Jalaan) นะค่ะ
โฆษณา