15 ต.ค. 2021 เวลา 12:19 • นิยาย เรื่องสั้น
ตอนที่ 4. อัศจรรย์ แห่งสัจจะวาจา
1
การรักษาคำพูด เป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่งของมนุษย์ โดยเฉพาะกับสิ่งที่ทำได้ยาก...บารมียิ่งเพิ่มพูน
ภาพถ่าย Felix Mittermeier จาก Pexels
ดิฉัน เป็นนักเดินทางคนหนึ่ง ชอบเดินสายปฏิบัติธรรม ที่ไหนมีครูบาอาจารย์เก่งๆ ก็จะไปที่นั่น ไปขอศึกษาวิธีการปฏิบัติธรรมอย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 7 วัน
ที่ไหนสัปปายะ และการปฏิบัติธรรมเป็นไปด้วยดี ก็จะอยู่นานกว่านั้น หรือไม่ก็หาเวลาไปอีกเรื่อย ๆ
สถานที่ ๆ ฉันกำลังจะกล่าวถึงนี้ เป็นวัดที่อยู่ติดกับภูเขา ไม่ได้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมโดยตรง และไม่ถึงกับเป็นที่สัปปายะ
...แต่วิเวกสำหรับผู้ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองหลวง และมีพื้นฐานการปฏิบัติธรรมมาแล้วอย่างดิฉัน
ที่นี่เต็มไปด้วยถ้ำสวย ๆ มากมาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แห่งหนึ่งของ จ.ระยอง
ณ ช่วงเวลานั้น ประมาณ ปีพ.ศ. 2541
ซึ่งหลายจุดที่นี่ เป็น unseen มีเฉพาะคนในพื้นที่บางคนเท่านั้น...ที่จะรู้จัก หนึ่งในนั้นคือ "ถ้ำน้ำทิพย์"
แม่ชีที่พาดิฉันเข้าไป ท่านเป็นคนพบถ้ำนี้
โดยบังเอิญ ในนิมิตจากการนั่งสมาธิ มีเสียงกระซิบของผู้ชายคอยบอก "ทาง" ให้ท่านเข้าไป สมัยที่ท่านมาขอบวชอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ
แม่ชียังดูสาวกว่าวัย กระฉับกระเฉงและแข็งแรง ทั้งที่ตอนนั้น ท่านอายุ 50 กว่าปีแล้ว ท่านถูกชะตากับฉันตั้งแต่แรกเห็น บวกกับที่ฉัน มีรูปร่างผอมบางเหมือนท่าน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสม จึงได้รับสิทธิ์มาที่ "ถ้ำน้ำทิพย์" แห่งนี้
เพราะการเดินทางไปสู่ "ถ้ำน้ำทิพย์" ไม่ใช่ว่าใครก็ไปได้ ต้องใช้เส้นทางที่ถูกจำกัด
ไว้แล้วสำหรับคนบางคนเท่านั้น ท่านเรียกทางผ่านแห่งนี้ว่า "ทางผ่านพญานาคา"
เนื่องจากเป็นซอกเล็ก ๆ ขนาดแค่คนหนึ่งคนลอดเข้าไป ซึ่งต้องมีรูปร่างผอมบางเหมือนดิฉันและแม่ชีเท่านั้น จึงจะสามารถผ่านได้
โดยการใช้แขนเดินแทนขา ค่อย ๆ ถัดตัวเองเข้าไป เหมือนงูเลื้อยอย่างไรอย่างนั้นเพราะเส้นทางที่คดเคี้ยว และวกวนไปมา แถมมีความยาวหลายร้อยเมตร
หากไม่ชำนาญเส้นทาง อาจหลง...วนอยู่ในนั้นจนตายได้ เรียกว่าไปแค่ครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับดิฉัน
แต่น่าแปลกที่ ตลอดเส้นทางกลับไม่ขรุขระเลย มันเรียบลื่น เหมือนมีการใช้เส้นทางนี้อยู่ตลอดเวลา
บรรยากาศภายในถ้ำ ดูสงบเยือกเย็น แต่อากาศปลอดโปร่ง ไม่อับชื้น ทำให้รู้สึกสดชื่น พอดีกับแสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาตามซอกหิน แล้วสะท้อนกับผนังภายในถ้ำ เกิดเป็นแสงระยิบระยับ งดงามปานอยู่เมืองสวรรค์ คุ้มค่า...กับที่ยอมเสี่ยงตายเข้ามา
แต่ "ไฮไลท์" ของ "ถ้ำน้ำทิพย์ " ไม่ได้มีแค่ภาพที่งดงาม...ตระการตาเท่านั้น ยังมี
"หยดน้ำทิพย์" ซึ่งเป็นน้ำที่หยดลงมาจากซอกหิน บนเพดานถ้ำ ถ้าอยากชิม...ต้องอ้าปากรอ เพื่อจะได้ลิ้มลอง รสชาติของน้ำทิพย์ เพียงแค่ 1 หยด...
ดิฉันยังใจไม่ถึงพอ จึงใช้อุ้งมือทั้ง 2 ข้างยื่นไปรอรับหยดน้ำทิพย์ แทนการอ้าปาก เพื่อพิจารณาลักษณะของหยดน้ำทิพย์ ก่อนชิม
....ซึ่งกว่าน้ำทิพย์จะหยดลงมา แต่ละหยด ก็ทำเอาเมื่อยปากเมื่อยมือ ไปตาม ๆ กัน
แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอย เพราะน้ำทิพย์แต่ละหยดนั้น ดูบริสุทธิ์ ใส สะอาดและเย็น ทั้งยังมีกลิ่นหอมประหลาด และรสชาติที่หวานละมุนลิ้น ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สมกับชื่อ "หยดน้ำทิพย์"
จริง ๆ
....ช่วงเวลาที่ฉันไปอยู่ตอนนั้น หลวงพ่อใหญ่(ท่านเจ้าอาวาส) ยังมีชีวิตอยู่ และด้วยบุญบารมีของท่าน สภาพผืนป่าบนภูเขาในบริเวณนี้ เหมือนมีชีวิต...แวดล้อมไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ พร้อมด้วยสิ่งมีชีวิตอีกมากมาย ที่อาศัยร่มเงาจากผืนป่าแห่งนี้ โดยเฉพาะฝูงลิงนับร้อยตัว...ที่ฉันเห็น กับนกแปลก ๆ ที่ฉันไม่รู้จัก
ตอนแรก ฉันตั้งใจจะขอปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ เท่าที่จะอยู่ได้ แต่โชคไม่เข้าข้าง
บังเอิญหลวงพ่อไม่อยู่ จึงไม่มีใครรองรับการบวชของฉัน แต่ฉันก็ไม่ท้อ ยอมอยู่ช่วยงานที่โรงครัว เพื่อแลกกับที่พักและอาหารจนกว่าจะได้เจอหลวงพ่อ
....ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันเบื่อมาก ๆ งานที่นี่หนักสำหรับฉัน เพราะต้องคอยเตรียมอาหารรองรับลูกทัวร์และคณะที่มาเที่ยว
ทำงานตั้งแต่เช้าไปจนค่ำ แถมบางทีหากพวกเขามาถึงตอนดึก ก็ต้องพากันตื่นมา
ทำข้าวปลาอาหาร...ไว้ให้พวกเขากินกัน
ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของฉัน ในการมาที่นี่
....จนกระทั่งครบ 7 วัน ฉันก็ถอดใจ เตรียมเก็บสัมภาระ จะกลับบ้านที่กรุงเทพฯ
บังเอิญตรงกับวันที่หลวงพ่อ เดินทางกลับมาถึงวัดพอดี...ด้วยความเมตตาของแม่ชีรูปนั้น ท่านจึงพาฉันไปกราบหลวงพ่อ เพื่อกล่าวคำขอบวช
เมื่อไปถึงกุฏิของหลวงพ่อ ก็พบว่าท่านกำลังสนทนาธรรม กับคนอยู่กลุมหนึ่ง ดิฉันจึงคิดในใจว่า "แค่ได้มากราบนมัสการท่านก็พอ ไม่ขอบวชแล้ว...จะลากลับเลย"
แต่อยู่ ๆ เจ้าลิงน้อยที่อยู่บนตักท่าน ก็วิ่งเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว พร้อมกระโดดกอด แล้วจุ๊บที่แก้มหนึ่งที....
มันทำท่าปรบมือด้วยความดีใจ และวิ่งกลับไปนั่งที่ตักหลวงพ่อเหมือนเดิม ทุกคนที่นั่น ต่างก็หัวเราะชอบใจ ในพฤติกรรมของมัน
....ต้องขอบคุณเจ้าลิงน้อย ที่ช่วยให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดที่สะสม...ในหลายวันที่ผ่านมา
หลวงพ่อมองหน้าฉัน...แล้วถามว่า
"ตกลงจะเอายังไง จะมาลากลับบ้าน หรือจะขอบวช"
ฉันตกใจมาก ท่านรู้ใจฉันได้อย่างไร ไม่มีใครรู้เรื่อง...ที่ฉันตั้งใจกลับบ้านวันนี้ อีกทั้งแม่ชี ก็รายงานหลวงพ่อว่า...ฉันตั้งใจมาบวช และรอพบหลวงพ่อเป็นอาทิตย์แล้ว
จากนั้นท่านก็ให้ฉันอาราธนา ศีล 8 และกล่าวคำขอบวช แล้วจึงให้กรรมฐานแก่ฉัน
ซึ่งฉันก็ปฏิบัติตามแบบงง ๆ
สุดท้ายดิฉัน ก็ได้บวชชีพราหมณ์ และปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่น อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อและแม่ชี
ฉันชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะ จึงขอปลีกวิเวก เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่...ไม่มีความวุ่นวายจากผู้คน
จะมีก็แต่คนส่งอาหาร ซึ่งจะนำอาหารใส่ปิ่นโต และน้ำดื่ม มาส่งให้วันละ 1 ครั้ง แค่นั้น
....ฉันต้องยอมจ่ายเงิน เพื่อจ้างทั้งแม่ครัวและคนส่งอาหาร ด้วยจำนวนเงินพอประมาณ เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติธรรม และตัดความกังวล
ไม่นานเงินสด ที่นำติดตัวไปก็หมดลง และโชคไม่ดี ที่ฉันดันลืมบัตร ATM. ไว้ที่บ้านในกรุงเทพฯ เป็นสาเหตุให้อยู่ที่นี่ได้อีก...ไม่ถึง 2 อาทิตย์ ก็ต้องลาศีลกลับไป
ช่วงเวลาที่บวชอยู่...สถานที่ ๆ ฉันเลือกใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมนั้น เป็นถ้ำขนาดกลาง อยู่บนภูเขาสูง เต็มไปด้วยไม้ยืนต้นหลากชนิดและฝูงลิง มีทางขึ้นเป็นบันไดไม้เล็ก ๆ ทั้งสูงและชัน ที่ทำไว้แค่พอขึ้นไปข้างบนได้
....บรรยากาศภายในถ้ำนั้นปลอดโปร่ง โล่งเย็นสบาย มีอากาศถ่ายเทสะดวก ตกกลางคืนอากาศจะเย็นเป็นพิเศษ
ในถ้ำมีพระพุทธรูปปางสมาธิ ขนาด 9 นิ้ว ตั้งอยู่ 1 องค์ และตู้เก็บพระไตรปิฎกอีก 1 ใบ
นอกจากนั้น ก็มีเสื่อ หมอน ผ้าห่มและมุ้งครอบ ที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ พร้อมเทียนพรรษาขนาดใหญ่อีก 1 ต้น ที่เอาไว้จุด เพื่อให้ความสว่าง ในเวลาที่ความมืดมาเยือน
....ยังมีสุนัขตัวเมียสีน้ำตาลอีกหนึ่งตัว ที่ตามฉันมาจากโรงครัว คอยอยู่เป็นเพื่อนและเป็นเหมือนบอดี้การ์ดของฉัน...ด้วยความจงรักภักดี เหตุเพราะฉันให้อาหารมันตั้งแต่วันแรก...ที่เราเจอกัน
ความเป็นธรรมชาติของที่นี่ ทำให้ฉันสดชื่นและมีความสุข ฉันได้ยินเสียงนกร้อง เสียงฝูงลิง จากในป่า และเสียงค้างคาวที่อยู่ในถ้ำ พวกมันคุยกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง ตามประสาสัตว์...ที่ชอบอยู่รวมกันเป็นสังคม
ภาพโดย Maddie Franz & Victor Freitas จาก Pexels
ถ้ำที่ฉันอาศัยอยู่นี้...ถึงจะอยู่ห่างไกล จากจุดที่รองรับนักท่องเที่ยวมาก ๆ แต่ก็ยังมีห้องน้ำไว้บริการอยู่ใกล้ ๆถ้ำ...ถึง 5 ห้อง
แต่ละห้อง จะมีที่เก็บน้ำอยู่ 2 ส่วน คือส่วนที่ใช้อาบ...เป็นอ่างปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่พอประมาณ และอีกส่วนเป็นอ่างเล็กไว้เก็บน้ำสำหรับทำความสะอาด เวลาปลดทุกข์
....เวลาที่น้ำใกล้หมด จะมีลูกศิษย์ หรือพระลูกวัดคอยปั้มน้ำจากในบ่อ เพื่อสูบน้ำขึ้นไปให้ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า...ห้ามบอกแบบกระทันหัน
ในช่วงกลางวัน...บางครั้ง ก็พบนักท่องเที่ยวที่แวะเข้ามาในถ้ำบ้าง ด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ก็ไม่บ่อยนัก และไม่ได้เป็นการรบกวน การปฏิบัติธรรมของฉันแต่อย่างใด
มีเพียงสิ่งเดียว ที่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด ตลอดเวลาที่...อยู่ที่นี่ ก็คือ "ห้องน้ำ" ซึ่งไม่ค่อยสะอาด อย่างที่ควรจะเป็น
เนื่องจากอยู่ในจุดที่ลับตาคน แถมอุปกรณ์ล้างห้องน้ำก็ไม่มี
ทำให้ฉันเกิดความคิดว่า...ฉันจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อนำอุปกรณ์ล้างห้องน้ำ มาทำบุญ รวมไปถึง การช่วยทำความสะอาดห้องน้ำ...ทุกห้องที่นี่ด้วย
หลายปีผ่านไป ฉันยังคงวุ่นวายกับชีวิตตัวเอง ด้วยเพราะอยู่ในวัยทำงาน มีภาระต้องรับผิดชอบอีกมากมาย...ทำให้ลืม เรื่องที่จะกลับไปที่วัดนั้น...จนหมดสิ้น
....จนกระทั่ง คิมมี่เพื่อนสาว โทร. มาชวนฉันไปช่วยล้างห้องน้ำที่วัด ตามคำแนะนำของหมอดู เพื่อเป็นการแก้เคล็ด
ทำให้ฉันนึกได้ว่า...ฉันควรชวนคิมมี่ ไปทำ
บุญที่วัดนี้ด้วยกัน ดีกว่า
เรา 2 คน พากันไปเลือกซื้ออุปกรณ์ล้างห้องน้ำแบบจัดเต็ม ตั้งแต่น้ำยาล้างห้องน้ำ แปรงขัดห้องน้ำ ซึ่งมีหลายแบบ ทั้งด้ามยาว ด้ามสั้น หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง และรองเท้าบู้ท
ฉันและเพื่อนสาว พากันออกจากกรุงเทพฯแต่เช้ามืด เพื่อเดินทางไปวัดนี้ที่ จ.ระยอง
....เมื่อถึงวัดแล้ว เรา 2 คน ต้องทิ้งรถไว้ที่
จุดพัก ช่วยกันหอบข้าวของ พะรุงพะรังแล้วพากันเดินด้วยเท้า
กว่าจะไปถึงที่หมาย ก็ลำบากอยู่ไม่น้อย เพราะเส้นทางที่ใช้เดินนั้น...ทั้งไกลและลาดชัน ไม่สามารถขับรถเข้าไปได้
แถมยังเจอ "ฝนไล่ช้าง" ระหว่างทาง ที่ตกลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวอีก ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าร้อนแท้ ๆ
ทำให้ฉันและเพื่อน มีสภาพไม่ต่างอะไรกับ "ลูกหมาตกน้ำ"
แต่เราก็พากันมา ถึงที่หมายได้สำเร็จ ที่นั่นเราได้พบกับหลวงพ่อ...ซึ่งชราภาพมาก ๆ รูปหนึ่ง ที่บริเวณตีนเขา
ท่านเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อใหญ่(ท่านเจ้าอาวาส)รูปก่อน...ท่านละสังขารได้สัก 2 ปีแล้ว
เมื่อมองจากสภาพแวดล้อมโดยรวม ก็พบว่า สถานที่บริเวณนั้นดูทรุดโทรมไปมาก ผืนป่าก็ ดูแห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวา ไม่เห็นแม้แต่ลิงสักตัว แตกต่างจากตอนที่หลวงพ่อยังอยู่...โดยสิ้นเชิง
เพราะเมื่อสิ้นบุญหลวงพ่อใหญ่แล้ว ได้มีการระเบิดภูเขาบางลูก เพื่อสร้างถนนตัดผ่าน มีการแอบระเบิดก้อนหินบนภูเขาใกล้เคียง อยู่เป็นประจำ เพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม
ทำให้ส่งผลกระทบ ต่อระบบนิเวศของธรรมชาติโดยตรง สร้างความดือดร้อนให้ทั้งคนและสัตว์ที่อาศัยอยู่เดิม...ในบริเวณนั้นต้องขาดที่พักพิง เนื่องจากแหล่งอาหารและน้ำ ของพวกเขาถูกทำลายลงไป
ทางวัดได้บรรจุร่างของหลวงพ่อใหญ่(ท่านเจ้าอาวาสรูปก่อน)ไว้ในโลงแก้ว ซึ่งฉันกับคิมมี่ ก็พากันไปกราบนมัสการท่านด้วยในวันนั้น
สภาพสังขารร่างกายของท่าน ยังอยู่ดีเหมือนท่าน...แค่นอนหลับไปเท่านั้น
ฉันกับเพื่อน ได้ขออนุญาตหลวงพ่อรูปนั้น
ขึ้นไปทำความสะอาดห้องน้ำบนเขา อย่างที่ตั้งใจไว้
แต่ท่านแนะนำว่า ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะไม่ค่อยมีใครขึ้นไปใช้ เนื่องจากไม่มีลูกทัวร์และนักท่องเที่ยว มาเที่ยวเหมือนเมื่อก่อน
อีกทั้งน้ำในอ่างก็ไม่มีให้ใช้ เนื่องจากไม่ได้มีการสูบน้ำขึ้นไปบนเขานานแล้ว และท่านก็เดินจากไป
ฉันกับคิมมี่ได้แต่มองหน้ากัน ด้วยความผิดหวัง แต่เพื่อนก็ให้กำลังใจฉันว่า
"เอาน่า อุตส่าห์พากันมาถึงที่นี่แล้ว ก็ทำ
ต่อไปให้มันจบเท่าที่จะทำได้ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจ...อีกไงแก"
แล้วเราก็พากันขึ้นเขา ไปอย่างทุลักทุเล
เพราะบันไดทางขึ้นที่เป็นไม้ สภาพเก่าแล้วและคงไม่ได้รับการซ่อมแซมเลย ยังดีที่พอใช้งานได้ แม้จะดูไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นัก
....ขึ้นไปได้ครึ่งทาง คิมมี่ก็หันมาถามฉันว่า "แก...ถ้าเราพลัดตกเขาตาย แกว่าเราจะได้บุญหรือได้บาป?"
อ้าว! อยู่ๆก็เกิดกลัวตายขึ้นมา แม่คิมมี่เพื่อนสาวของฉัน
"ได้บุญสิ...ก็เราตั้งใจมาทำบุญ ไม่ได้มาฆ่าตัวตายสักหน่อย สัจจะบารมีได้เต็ม ๆ เลยนะแก ฉันเชื่อว่าเราต้องปลอดภัย"
ฉันตอบ...เพื่อความสบายใจของเพื่อน
ในที่สุด...เราก็พากันขึ้นไป จนถึงจุดหมายได้อย่างที่เราปรารถนา
ต่างคนต่างรีบแยกย้ายกัน ไปล้างห้องน้ำ คนละห้อง เพราะใกล้จะบ่ายคล้อยแล้ว
เมื่อเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป "เรื่องอัศจรรย์" ก็บังเกิดขึ้น...กับฉันและเพื่อน
"มีน้ำอยู่เต็มอ่างเลยแก!" พวกเราอุทานขึ้นพร้อมกัน
แล้วพากันสำรวจ...ปรากฎว่ามีน้ำอยู่เต็มอ่าง ทุกห้องจริง ๆ ทั้งอ่างเล็กและอ่างใหญ่ ราวกับว่า...มีใครมาสูบน้ำไว้ให้พวกเราใช้
แต่ที่แปลกใจมากกว่า...ก็คือน้ำในอ่าง เหมือนน้ำใหม่ ที่พึ่งสูบขึ้นมาได้ไม่นาน เพราะน้ำดูใสสะอาด ไม่มีคราบฝุ่นละอองลอยอยู่บนผิวน้ำให้เห็นเลย
สรุปว่า...ฉันและคิมมี่ ได้ช่วยกันล้างห้องน้ำทุกห้องอย่างมีความสุข เพราะมีน้ำให้ใช้อย่างเหลือเฟือ
ฉันกับเพื่อนไม่สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
เพราะเรารู้ดีว่า...ทุกครั้งที่เรามีความตั้งใจทำอะไรสักอย่าง เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น เราจะได้รับความช่วยเหลือจาก...สิ่งที่เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
Based on TRUE story
By memee
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
โฆษณา