19 ต.ค. 2021 เวลา 00:00 • หนังสือ
เสียงประกาศด้วยไมโครโฟนที่ผมได้ยินบ่อยที่สุดในสวนสาธารณะก็คือ “ขอให้เจ้าของรถทะเบียน xxxx มาเลื่อนรถของท่านหน่อย...”
4
ครั้งหนึ่งสถานีวิทยุรายการข่าวจราจรประกาศหาเจ้าของรถยนต์คันหนึ่งซึ่งจอดรถของเขาหน้าบ้านหลังหนึ่งโดยล็อคเกียร์ไว้ ทำให้เจ้าของบ้านออกจากบ้านไม่ได้ ต้องประกาศ (+ประจาน) ไปทั่วเมือง
นี่คือการขาด "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"
4
ความสามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นเรียกว่า empathy
เมอริล สตรีพ ดาราภาพยนตร์หญิงผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในโลกเซลลูลอยด์ กล่าวในปาฐกถาครั้งหนึ่งว่า เคล็ดลับของการเป็นนักแสดงที่ดีคือคำว่า empathy
“Empathy is at the heart of the actor’s art.”
สามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นได้เมื่อไร ก็สามารถจำลองตัวเองเป็นใครคนนั้นได้
1
สตรีพใส่ตัวตนของตัวละครที่เธอต้องรับบทในหัวใจของเธอเสมอ เพื่อจะเข้าใจว่าตัวตนนั้นคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไรในระดับลึกภายใน ดังนั้นไม่ว่าจะรับบทเป็นคนอาชีพใดหรือคนเชื้อชาติใด เธอก็ตีบทแตกกระจุย จนเป็นดาราหนังสตรีที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลมากที่สุดในโลก
1
นักแสดงหญิงอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวิชาชีพนี้ - ซูซาน ซาแรนดอน ก็เช่นกัน เธอกล่าวว่าเธอเป็นนักแสดงได้ทั้งที่ไม่เคยเรียนการแสดง เพราะเธอมีจินตนาการกับ ‘empathy’
3
empathy นี่เองที่นำพาเธอไปสู่โลกของนักกิจกรรมต่อสู้เพื่อคนหิวโหยทั่วโลก ท้ายที่สุดก็เป็นทูตยูนิเซฟ
การอ่านใจคนอื่นออกมิได้จำกัดที่คู่แต่งงานหรือนักแสดงเท่านั้น คนธรรมดาก็อาจมีความสามารถนี้
1
ผู้เฒ่าผู้แก่ที่อวยพรคู่สมรสใหม่มักใช้คำว่า ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ นี่เป็นเคล็ดลับในการอ่านใจคนอื่น เป็นยาวิเศษในการรักษาความสัมพันธ์กับคนอื่น ประโยคนี้ใช้ได้ทั้งในชีวิตสมรสและความสัมพันธ์กับคนทั่วไป
หลักการง่าย ๆ คือ “อย่ากระทำในสิ่งที่ไม่อยากให้คนอื่นกระทำกับเรา” หลักสอนนี้ปรากฏทั้งในศาสนาตะวันออกและตะวันตก
1
ความจริงก็คือ empathy เป็นสิ่งที่ถูกฝังมาในตัวเราทุกคนตั้งแต่เกิด ส่วนจะใช้มันหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
empathy เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการ!
1
มันเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้สัตว์หลายสายพันธุ์อยู่รอด สัตว์บางชนิดดูแลตัวที่เจ็บป่วย!
การเอาใจเขามาใส่ใจเราทำให้มีการเกื้อกูลกัน และท้ายที่สุด สปีชีส์นั้น ๆ ก็มีโอกาสรอดสูงกว่า
1
ในสังคมมนุษย์ หากไม่มีความเกื้อกูลระหว่างปัจเจก สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนก็คงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว
ทว่าเมื่อเราพัฒนาจนสายพันธุ์เรากลายเป็นเจ้าโลก เราก็เริ่มมองไม่เห็นประโยชน์ของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา มาถึงยุคนี้ มนุษย์เริ่มถอยห่างจากสัมผัสพิเศษนี้ แย่งกันกิน แย่งกันอยู่ ตัวใครตัวมัน ยิ่งนานวันความสัมพันธ์ก็ยิ่งแยกถ่างออก เห็นชัดเจนในยามเกิดภัยพิบัติ
ไม่เพียงแต่การขาดสัมผัสพิเศษระหว่างเพื่อนมนุษย์ เรายังขาดมันในระดับสิ่งมีชีวิตด้วยกัน คนส่วนมากไม่รู้สึกรู้สาอะไรเมื่อได้ยินว่าในแต่ละวันสัตว์โลกกว่าร้อยสายพันธุ์หายไปจากโลก
สัมผัสพิเศษยังกินความหมายกว้างกว่าระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มันครอบคลุมถึงคนกับสัตว์ คนกับพืช คนกับธรรมชาติ สัมผัสพิเศษคือถ้าไม่อยากให้ใครทำเรื่องแย่ ๆ ต่อเรา ก็ไม่ทำสิ่งแย่ ๆ นั้นต่อคนอื่น สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ รวมไปถึงธรรมชาติทั้งมวล
1
ตัวอย่างหนึ่งก็คือการเสพรังนกนางแอ่นซึ่งน้อยคนจะมองว่าเป็นการทำร้ายนก
การกินรังนกเท่ากับบังคับให้นกต้องทำรังสองครั้งซึ่งเปลี่ยนธรรมชาติของมัน
คำกล่าวว่า “ก็เราไม่ได้ฆ่านกสักหน่อย แค่เอารังของมันไปเท่านั้น” เป็นมุมมองของมนุษย์ ในความเห็นของพวกนก พวกมันคงอยากบอกเราว่า “ถ้ากูเอาบ้านมึงไปกินเล่นบ้างล่ะ มึงจะชอบไหม?”
3
ใจเขาใจเรา! หากเราไม่ชอบใจที่พวกปลวกกินบ้านเราเล่นเป็นขนมกรุบกรอบ และต้องเสียเวลาสร้างบ้านใหม่ เราก็คงเริ่มเห็นใจพวกนกนางแอ่น
การใช้ขวดพลาสติกน้อยลง ลดการใช้พลังงาน ปลูกต้นไม้ ฯลฯ เหล่านี้คือการใช้สัมผัสพิเศษต่อมนุษย์ พืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลก
1
มนุษย์เราทุกคนสามารถมี ‘สัมผัสพิเศษ’ หากเพียงรู้จักสังเกต เอาใจใส่คนอื่น ชีวิตอื่นบ้าง
คิดสักนิดเวลาทำอะไร จอดรถขวางคันอื่นก็อย่าล็อคเกียร์ไว้ เวลาเดินทางเท้า ก็คิดสักหน่อยว่าไปขวางทางคนเดินเร็วหรือไม่ หากเดินช้า ก็ชิดด้านใดด้านหนึ่งเพื่อไม่ให้เสียเวลาคนอื่น จะพูดจาอะไร ก็คิดสักนิดก่อนว่า มันจะทำร้ายจิตใจคนฟังไหม ฯลฯ
เมื่อเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะเข้าใจคนอื่นดีขึ้น เมื่อเข้าใจคนอื่นดีขึ้น เราก็ได้สังคมที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ช่วยเหลือกัน
5
นี่มิใช่โลกพระศรีอาริย์ที่เราอยากได้หรอกหรือ?
(เขียนเมื่อพฤศจิกายน 2554)
จากหนังสือ #คำที่แปลว่ารัก / https://bit.ly/3183W7I
โฆษณา