11 ต.ค. 2021 เวลา 05:01 • หนังสือ
"ไม่มีเวลา" หรือ "สำคัญไม่มากพอ"?
3
1.
เป้าหมายใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งมีความหวังดี มีคำต้านทานมากเท่านั้น ถ้าเราทำอะไรบางอย่าง แล้วไม่เคยถูกใครทักท้วงห้ามปรามเลย นั่นอาจแปลว่าเป้าหมายเรานั้นเล็กมากจนไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าเราเจอคำห้ามปรามเป็นประจำว่า "อย่าเลย" เราก็ต้องเข้าใจว่า "เป้าหมายใหญ่นั้น คนธรรมดาไม่เข้าใจ"
1
ภาพถ่ายโดย Ann Nekr จาก Pexels
เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายถึงเราต้องบ้าบิ่น ไม่ฟังใครเลย แต่ถ้าเรารอบคอบแล้ว หาข้อมูลแล้ว ถ้าคิดว่าดีแล้ว ก็จงทำต่อไป
สิ่งที่แตกต่างระหว่าง "คนบ้าบิ่น" กับ "คนกล้าฝันใหญ่" ก็คือ "คนกล้าฝันใหญ่" เตรียมคิดในกรณีเลวร้ายที่สุดไว้แล้วว่าหากไม่เป็นอย่างที่คิด เขาจะรับมืออย่างไร เมื่อคิดเผื่อไว้แล้ว เขาจึงลงมือทำได้เต็มที่
1
ส่วน "คนบ้าบิ่น" คือคนที่ลุยไปข้างหน้า โดยไม่มีส่วนเผื่อความปลอดภัยไว้เลย เวลาล้มเพราะไม่เป็นอย่างที่คิด เขาจึงเจ็บหนักปางตาย
อยากรู้ว่าเป้าหมายของเราใหญ่แค่ไหน ให้ลองดูว่ามีคนห้ามปรามแค่ไหน นั่นล่ะ ตัววัดขนาดเป้าหมายชั้นดี
2.
สมมติว่าตอนนี้เราอยู่กรุงเทพ และความใฝ่ฝันของเราก็คือ "อยากไปเชียงใหม่" แต่เราดันพลาดท่า ตกเครื่อง ไปไม่ทัน ถ้าเป็นแบบนี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เก็บเงินซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ หรือไม่ก็เปลี่ยนไปนั่งรถทัวร์ หรือไม่ก็ขับรถไปเอง หรือไม่ก็โบกรถใครสักคนไป หรือไม่ก็นั่งเรือ หรือไม่ก็ขี่จักรยาน
หรือสุดท้าย ถ้าไม่มีทางไหนแล้วจริงๆ เราอาจค่อยๆ เดินไปเชียงใหม่ทีละนิดก็ยังได้ ถึงมันจะช้าไปหน่อยก็ตาม แต่มันต้องไม่ใช่ งั้นเปลี่ยนไปรังสิตแทนก็ได้ มันใกล้ดี แต่มันต้องไม่ใช่ งั้นนอนอยู่บ้านเหมือนเดิม แล้วบอกว่าฉันพอใจกับชีวิตแล้ว แต่มันต้องไม่ใช่การบอกว่า เชียงใหม่ไม่เห็นจะดีเลย รถติด ฝุ่นเยอะ...องุ่นเปรี้ยวซะงั้น
1
ถ้าอยากไปเชียงใหม่ ก็ต้องไปเชียงใหม่เท่านั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม (ที่ไม่เดือดร้อนผู้อื่น) เปลี่ยนวิธีการได้ แต่อย่าเปลี่ยนเป้าหมาย เพราะถ้าเจอปัญหาแค่นิดหน่อย ก็เปลี่ยนใจแล้ว นั่นแปลว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ได้อยากไปเชียงใหม่หรอก ก็แค่ดูคลิปที่เขาพาเที่ยวเชียงใหม่ เห็นว่าสวยดี เราก็เลยฝันเคลิ้ม มีอารมณ์อยากไปเชียงใหม่กับเขาบ้าง...ก็เท่านั้นเอง
"เชียงใหม่" ของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน เชียงใหม่ของบางคน อาจหมายถึง รถยนต์คันหรู เชียงใหม่ของบางคน อาจหมายถึง บ้านหลังโต เชียงใหม่ของบางคน อาจหมายถึง การศึกษาลูก เลี้ยงดูพ่อแม่
เชียงใหม่ของคุณคืออะไรครับ?
3.
ผมได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่แน่ใจว่าใครเป็นต้นตำหรับ ขอนำมาเล่าต่อตรงนี้ครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า ชายคนนึงบนบานขอกับเทวดาว่า "ขอให้ชีวิตนี้ฉันได้ทำงาน 'อาชีพในฝัน' ที่มีคุณสมบัติดัง 5 ข้อต่อไปนี้เถอะ เพี้ยงงงงง!"
ว่าแล้วชายคนนั้นก็ร่ายยาว... "ข้อ 1 ขอให้ได้ทำงานในห้องแอร์ เพราะฉันไม่ชอบอากาศร้อน ข้อ 2 เปิดเพลงฟังระหว่างทำงานก็ได้ เพราะฉันชอบฟังเพลง ข้อ 3 ได้เดินทางไปทั่ว เพราะฉันเบื่อการอยู่กับที่ ข้อ 4 ได้พบผู้คนหลากอาชีพ เพราะฉันชอบพูดคุย และข้อ 5 ให้ฉันเป็นผู้กุมบังเหียนชีวิตว่าจะไปทางไหน เพราะฉันชอบอิสระ
เทวดาได้ยินเสียงชายหนุ่มคนนี้ขออาชีพในฝัน แม้จะเป็นคุณสมบัติงานที่เรื่องมากเอาการ แต่เมื่อพิจารณาแล้ว เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนดี เทวดาจึงจัดให้ตามที่ขอ โอม มะลึกกึ๊กกึ๋ยยยยย มะลึกกึ๊กกึ๋ยยยยย เพี้ยง!
ไม่กี่เดือนต่อมา ชายคนนี้ก็ได้อาชีพในฝันตามที่ขอไว้!!! เขาได้เป็น "คนขับแท็กซี่" ในที่สุด
...เรื่องจบลงตรงนี้ (ซึ่งไม่รู้คุณจะขำหรือเปล่านะครับ แต่ตอนเด็กผมชอบเรื่องนี้มาก) พอนึกถึงเรื่องนี้ตอนโต ก็ได้มุมคิดอีกแบบว่า บางทีที่ตอนนี้เรามีชีวิตในแบบที่ไม่ชอบอยู่นั้น ก็เพราะเราตอบได้ไม่ชัดเจนว่าชีวิตแบบที่ชอบ มันคือแบบไหนกันแน่? ฝันก็เลยดูมัวซัว เหมือนคนสายตาสั้นที่ไม่ได้ใส่แว่น
ลองนั่งคุยกับตัวเองให้มากพอว่า ชีวิตที่เราชอบนั้น รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร? เขียนมันลงไป อ่านมันทุกวัน หาวิธีทางค่อย ๆ ทำให้เป็นจริง ปรับแก้ในทุกวัน ลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ฝันนั้นมา ฝันยิ่งชัดเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นจริงเร็วเท่านั้น หยิบแว่นมาใส่ให้ความฝันครับ เอาให้ชัดๆ ว่าชีวิตนี้ฝันอะไร?
ไม่อย่างนั้นอาจจะได้สิ่งที่ไม่คาดฝัน แบบชายคนนี้ก็ได้
4.
การจัดสำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำก่อนหลังก่อนที่จะลงมือทำ คือเคล็ดลับความสำเร็จข้อแรก ๆ ของการไปสู่เป้าหมาย แต่ปัญหาก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่คิดจะจัดลำดับให้ "การจัดลำดับความสำคัญ" เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ (งงมั้ย?) เขาจึงลงมือทำไปเลย โดยไม่จัดลำดับความสำคัญก่อน ชีวิตจึงต้องมายุ่งเหยิงในภายหลัง
"การบริหารเวลา" เป็นอะไรที่น่า "ขำขื่น" (ขำ+ขมขื่น) เพราะมีหนังสือและคอร์สสัมมนามากมายที่สอนเรื่องนี้ แต่ปัญหาก็คือ คนส่วนใหญ่ "ไม่มีเวลา" อ่านหนังสือหรือเข้าสัมมนานั้น ๆ (ก็เขาไม่มีเวลาไงครับ เขาจะไปอ่านหนังสือเรื่องบริหารเวลาได้อย่างไร)
เวลาเป็นของมีค่าที่สุดในโลก ใครยังไม่เคยเสียดายเวลา อย่าเพิ่งพูดเรื่องอยากร่ำรวย อยากประสบความสำเร็จ เพราะยังห่างชั้นมากนัก ส่วนใครเริ่มเสียดายเวลา แสดงว่าเริ่มเข้าใกล้นิสัยคนสำเร็จแล้ว
บรรทัดต่อไปนี้คือ "ตัวขโมยเวลา" ที่เราต้องระวังให้ดี ถ้าเผลอใจให้มัน วันคืนของเราจะหมดไปอย่างรวดเร็ว จากวันเป็นเดือน จากเดือนเคลื่อนไปเป็นปี จากปีสู่ปีก็คือหนึ่งชีวิตของเราที่หมดไป โดยยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
"5 ตัวขโมยเวลา" ที่ต้องระวังมันกัดกินเวลาของเราไปหมด มีดังนี้
1. การนั่งรอโดยเปล่าประโยชน์ เช่น รอรถ รอคิว (ให้พกหนังสือติดตัวไว้อ่าน อย่าเอาแต่เล่นมือถือ)
2. การจับกลุ่มนินทาเรื่องชาวบ้าน (ให้หันมาสนใจชีวิตตัวเองดีกว่า)
3. การเล่น social media ทั้งวัน (ให้ใช้แต่พองาม)
4. การคิดกังวลถึงปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้น การจมอยู่กับปัญหาที่ผ่านไปแล้ว (จงอยู่กับปัจจุบัน)
5. การไม่มีเป้าหมายในชีวิต จึงไม่รู้ว่าต้องทำอะไรที่สำคัญ (ข้อนี้สำคัญที่สุด จงหาเป้าหมายให้เจอ)
การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งทื่ต้องทำก่อน-หลัง กับ การบริหารเวลา จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องเดียวกัน เวลากับชีวิตก็เป็นเรื่องเดียวกัน ใครบริหารเวลาได้ ก็คือการบริหารชีวิตได้นั่นเอง
คำว่า "ไม่มีเวลา" ไม่มีอยู่จริง มีแต่ "มันสำคัญไม่มากพอ" เราจึงบอกว่า "ไม่มีเวลา".
โฆษณา