11 ต.ค. 2021 เวลา 12:00 • หนังสือ
ไม่มีใครแคร์ชีวิตเรา เท่ากับตัวเราเอง
1.
เป็นความจริงที่ฟังแล้วบาดหู แต่ก็ควรรู้ไว้ นั่นก็คือ "ไม่มีใครแคร์ชีวิตเรา เท่ากับตัวเราเอง" บางคนเฝ้าพร่ำบ่นว่า "ชีวิตฉันแย่ขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครมาช่วยบ้าง?" แต่ความจริงก็คือ ทุกคนต่างก็กำลังยุ่งกับชีวิตตัวเองอยู่ มีแต่เราและเราเท่านั้น ที่ต้องจัดการชีวิตเอง บางคนเฝ้าก่นด่าว่า "ใครบางคนต้องรับผิดชอบที่ทำให้ชีวิตฉันเป็นแบบนี้" แต่ความจริงก็คือ ไม่มีใครมารับผิดชอบหรอก เรานั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบผลของมัน
3
ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
ถ้าเราอยากทำให้ชีวิตดี มันก็เป็นเรื่องของตัวเราเอง 100% ไม่มีใครสนใจเรื่องของเราทั้งนั้น เพราะเรื่องใหญ่ของเรา ล้วนเป็นเรื่องเล็กของคนอื่น
ถ้าวันนี้ยากจนอยู่ ลำบากอยู่ มันก็เป็นเรื่องของเราล้วน ๆ ที่ต้องจัดการ ถ้าวันนี้ไม่มีความสุขในใจ มันก็เป็นเรื่องของเราล้วน ๆ ที่ต้องแก้ไข ถ้าวันนี้ยังไม่เก่ง ความรู้น้อย มันก็เป็นเรื่องของเราล้วน ๆ ที่ต้องฝึกฝนเพิ่มเติม ถ้าวันนี้ยังตกหลุมชีวิตอยู่ ยังขึ้นมาไม่ได้ ก็ต้องเป็นเราที่ตะเกียกตะกายขึ้นมาเอง ...มันไม่ใช่เรื่องของใครทั้งนั้น
"ชีวิตเป็นของเรา" คือสโลแกนแห่งยุคสมัย คนรุ่นใหม่ล้วนอยากมีชีวิตอิสระ แต่เมื่ออยากได้สิทธิ์นั้น เราก็ต้องพร้อมที่จะรับรู้ด้วยว่าสิทธิ์นี้มาพร้อมกับหน้าที่ เราต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง เพราะ "ไม่มีใครแคร์ชีวิตเรา เท่ากับตัวเราเอง"
1
ใครคิดได้แบบนี้ เขาผู้นั้นจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเขาจะเลิกโทษคนอื่น เลิกรอคอยความช่วยเหลือ เลิกเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากผู้อื่น
2
ผู้ใดก็ตามหันมารับผิดชอบชีวิตตัวเอง ผู้นั้นย่อมมีโอกาสสำเร็จในชีวิต
1
2.
จะมีบางสิ่งที่เราทำแล้วได้ผลตอบแทนในวันนี้ พรุ่งนี้ หรือสิ้นเดือนนี้ แต่ก็มีจะบางสิ่งที่เราทำแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้รับผลตอบแทนเมื่อไหร่ มันอาจได้ผลตอบแทนในปีนี้ ปีหน้า หรืออีกหลายปีข้างหน้า
1
การกระทำอย่างแรก คนส่วนใหญ่ใส่ใจ เพราะได้ผลตอบแทนเห็นผลทันตา ทั้งที่จริงเป็นการกระทำอย่างหลังต่างหาก ที่จะเปลี่ยนชีวิตเราได้ น่าเสียดายที่การกระทำแบบนี้ไม่ค่อยได้รับความใส่ใจ เพราะเห็นผลช้า รอไม่ไหว ไม่สนุก วิธีหนึ่งที่เราอาจใช้เพื่อเตือนสติตัวเองได้ก็คือ การถามตัวเองด้วยคำถามดังต่อไปนี้
3
ข้อแรก วันนี้ฉันได้ลงมือทำอะไรเพื่อวันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ เพื่อเดือนนี้แล้วบ้าง? เช่น ทำงานส่งให้ทันเย็นนี้ ส่งของให้ลูกค้า ตอบจดหมายต่าง ๆ ฯลฯ
1
ข้อสอง วันนี้ฉันได้ลงมือทำอะไรเพื่อปีนี้ เพื่อปีหน้า หรือเพื่ออีกหลายปีข้างหน้าแล้วบ้าง? เช่น ออมเงิน เรียนรู้การลงทุน ออกกำลังกาย เล่นกับลูก ฝึกภาษา ฯลฯ
1
ชีวิตต้องวางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทำเพื่อวันนี้นั้นดีแน่ แต่อย่าลืมสร้างบางอย่างไว้ตั้งแต่วันนี้
เพื่อให้มันผลิดอกออกผลในอีกหลายปีข้างหน้าที่จะมาถึง
3.
หลายปีก่อน ถ้าใครนำหนังสือ "ฉันเปลี่ยน เพราะเขียนเป้า" มาให้ผมเซ็น ผมจะเขียนประโยคหนึ่งว่า "ลงมือทำ" เพราะสิ่งนี้แยก "คนมีความฝัน" กับ "คนเพ้อฝัน" ออกจากกัน
มีหลายคนที่ผมให้คำแนะนำบางอย่างไป พวกเขาตื่นเต้นกับไอเดียดังกล่าว ขอบคุณผมเป็นการใหญ่ แต่รู้มั้ยครับ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นคืออะไร? ...เมื่อเวลาผ่านไป ได้พบกันอีกครั้ง ผมถามเขาเหล่านั้นหลาย ๆ คนว่า "เป็นไงบ้างครับ ทำสำเร็จไปแค่ไหนแล้ว? ไอเดียที่คุยกันวันนั้น เห็นตื่นเต้นใหญ่เลย"
ทายสิว่าคำตอบคืออะไร? ถูกต้องครับ เขาเหล่านั้นจำนวนมากยังไม่ได้ลงมือทำแม้แต่น้อย ผมจึงถามต่อไปว่า แล้วทำไมไม่ลงมือทำ? คำตอบยอดฮิตที่ผมได้ยินก็คือ ยังไม่พร้อม ไม่มีเวลา ไม่มีเงินทุน ไม่รู้จะเริ่มยังไง กลัวพลาด กลัวผิดหวัง สรุปว่า "กลัว" ที่จะเริ่มอะไรใหม่ ๆ นั่นเอง ...ผมได้นึกในใจว่าแล้วทำไมไม่กลัวการ "อยู่กับที่" บ้าง?
ผมกลับมาคิดถึงเรื่องนี้ ทำอย่างไรเราจะเปลี่ยนจาก "คนเพ้อฝัน" เป็น "คนมีความฝัน" แล้ว "ลงมือทำ" คิดไปคิดมา ได้ 3 ข้อต่อไปนี้ที่หวังว่าจะเป็นคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
ข้อหนึ่ง หลังจากได้รับไอเดียดี ๆ ให้ลงมือทำบางอย่างภายใน 24 ชั่วโมง ทำอะไรก็ได้ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ได้ แต่ขอให้ลงมือทำ ไม่อย่างนั้นเวทย์มนต์แห่งความตื่นเต้นที่ได้รับไอเดียมานั้นจะสูญหายไป แล้วเราก็กลับมาเป็นคนเก่าคนเดิม ...เพราะฉะนั้นอย่ารอให้พร้อมแล้วค่อยลงมือทำ แต่ให้ลงมือทำก่อน แล้วเราจะพร้อมเอง
ข้อสอง เมื่อลงมือทำ อย่าคาดหวังว่าจะต้องสำเร็จตั้งแต่แรก แต่ให้ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ตอนทำสิ่งใหม่ในชีวิต มันจะยากในทุกเรื่อง แต่เมื่อทำไปเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆ ง่ายขึ้นเอง
ข้อสาม เมื่อลงมือทำแล้วไม่เป็นอย่างใจคิด อาจล้มเหลว เฟล อายเพื่อน ไม่น่าเลยกู ให้บอกตัวเองว่า อะไรที่ไม่ทำให้เราตาย มันจะทำให้เราโต ทำแล้วล้มเหลว ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย บันไดของความสำเร็จ สร้างขึ้นจากความล้มเหลว
ทั้งหมดนี้ สรุปได้ความว่า ร้อยไอเดียอู้ฟู่ ไม่สู้หนึ่งลงมือทำ แน่จริง ต้องลงมือทำ เลิกเอาแต่ฝัน แล้วลงมือทำอะไรสักอย่างได้แล้วครับ
ชีวิตเป็นของเรา เราต้องลงมือทำด้วยตัวเอง.
โฆษณา