14 ต.ค. 2021 เวลา 04:57 • หนังสือ
เปลี่ยนคลื่นความถี่ แล้วโชคร้ายจะหายไป
2
1.
ไม่ว่าจะเรียกมันว่ากฏแห่งแรงดึงดูด คลื่นความคิด หรือคลื่นเต่าสะท้านฟ้าอะไรก็แล้วแต่ เมื่อไรที่รู้สึกดวงตก มีแต่โชคร้าย บางทีสิ่งที่เราต้องทำก็คือเปลี่ยน "คลื่นความถี่" แล้วโชคร้ายจะค่อย ๆ หายไป
2
หลายปีก่อน ตอนที่ชีวิตแย่ ๆ ตอนนั้นผมจมอยู่ในเหตุการณ์ จึงมองไม่เห็นภาพรวม แต่วันนี้พอมองย้อนกลับไป ถึงกับทึ่งตัวเองว่าผ่านมาได้ก็บุญแล้ว เพราะชีวิตช่วงนั้นเป็นดั่งศูนย์รวมความโชคร้าย ครบหมดเรื่องความซวย ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่แย่ ๆ นั้น ผมเจอเหตุการณ์ "เฉียด" อยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น...
ภาพถ่ายโดย Victoria Borodinova จาก Pexels
หนึ่ง ผมขึ้นรถสองแถว เจอนักเรียนช่างกลเอาปืนจ่อทุกคนบนรถ แล้วตะโกนถามว่า "เฮ้ย! ใครเป็นเด็ก...(ชื่อสถาบันแห่งนึง) บ้างวะ?"
สอง ผมนั่งรถแท็กซี่ เจอขี้เมาขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนสามตามประกบ เพราะไม่พอใจที่แท็กซี่บีบแตรใส่ ขี้เมาขี่ไล่บี้ กะเอาขวดเบียร์ฟาดรถ แท็กซี่ขับหนีอย่างกับหนังแอ็คชั่น
สาม ผมขับรถเข้าซอยแคบๆ คนขับบีเอ็มมาดนักเลงจอดขวาง จึงสาดไฟใส่กันไปมา บีเอ็มเบิ้ลเครื่องเตรียมพุ่งชนรถผม ผมต้องถอยหนีฉีกหลบข้างทาง คนขับบีเอ็มเปิดประตู เดินตรงมาที่รถ ผมคิดว่าผมคงโดนยิงตายแน่ ๆ ...สุดท้ายผมต้องยกมือไหว้ ถึงรอดมาได้
4
หรือจะเป็นเหตุการณ์อื่น ๆ เช่น ผมเจอเพื่อนเก่าที่ไม่พบกันหลายปี พาผมไปเกือบเสียผู้เสียคนทั้งสุราและนารี ผมเจอทั้งคนเบี้ยวหนี้ ยืมแล้วไม่คืน ผมเจอทั้งอาชีพการงานล่มสลาย รายได้ไม่พอใช้ ต้องเอาข้าวของไปขาย ผมเจอทั้งธุรกิจส่วนตัวที่ล้มละลาย สต็อคบานเบอะ ขายของเก็บเงินไม่ได้ ผมเจอทั้งปัญหาครอบครัว ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย
...และผมเจออีกมากมาย เล่า 3 วันก็ไม่จบ
ความโชคร้ายคือแก๊งอันธพาล เวลามา มันไม่มาคนเดียว เพียงแต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ มาถึงวันนี้ผมไม่เคยพานพบเรื่องราวแบบนั้นอีกเลย
คงเพราะอยู่คนละ "คลื่นความถี่" กับโชคร้ายนั้นแล้ว
2
2.
คำถามก็คือแล้วการเปลี่ยนคลื่นความถี่นั้นต้องทำอย่างไร? ...คำตอบก็คือ เราเปรียบเหมือนเครื่องรับวิทยุที่ปรับการรับคลื่นจากสถานีวิทยุได้ ถ้าเปิดคลื่นสถานีเพลงร็อคสายโหด เราก็จะไม่มีวันได้ฟังเพลงอีสซี่สบาย ๆ จากคลื่นนี้ เพราะเราฟังผิดคลื่น
3
เพราะฉะนั้นถ้าอยากฟังเพลงเพราะ ๆ เราก็ต้องปรับคลื่นให้ตรงสถานี ซึ่งทำได้ตั้งแต่ปรับอารมณ์ให้อยู่ในโซนบวก หาอะไรทำให้จิตใจแจ่มใส ออกกำลังกาย ออกกำลังใจ ตามมาด้วยเสพสิ่งดี ๆ ที่ให้พลังงานเชิงบวก เช่น หนังสือดี ๆ หนังดี ๆ เพลงเพราะ ๆ เรื่อยมาจนถึง คบคนที่ให้พลังงานดี ๆ กับเรา ไม่ใช่คนที่เอาแต่บ่นถึงปัญหา ไม่ใช่คนที่คิดลบ ดูดพลัง ...คนเราเป็นลูกหลานสิ่งแวดล้อม นี่คือเรื่องจริง
6
เมื่อสะสมพลังได้มากพอ เมื่อปั่นรวมพลังได้มากพอ เราจะเริ่มลอยสูงขึ้นจากคลื่นความถี่ของความซวย ...และไม่พบเจอมันอีกเลย เราจะเจอคนดี ๆ โอกาสดี ๆ งานดี ๆ เงินดี ๆ ไปไหนทางจะสะดวก ไฟเขียวตลอด มีที่จอดรถเสมอ ถ้าดวงเหมือนจะตก กำลังจะร่วงหล่นก็จะมีคนมารับไว้ ...เพราะตอนนี้เราเปิดคลื่นสถานีเพลงเพราะ 24 ชั่วโมงแล้ว เพลงร็อคสายโหดจึงไม่มีทางมากล้ำกราย
5
นี่ไม่ใช่เรื่องไสยศาตร์ จิตใต้สำนึก หรือพลังจักรวาล แต่คือการเปลี่ยน "คลื่นความถี่" ซึ่งความหมายก็คือ เปลี่ยนเรื่องราวที่เราโฟกัส เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ แล้วสมองจะค่อย ๆ มองหาเรื่องดี ๆ เพิ่มขึ้น
2
แล้วเราจะ "รักดี" มากขึ้น
3.
เกือบทุกคืนผมจะเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกสาวฟัง แต่บางคืนผมจะเปลี่ยนมาเล่า "ตำนาน" ชีวิตของตัวเองให้ฟัง มีอยู่คืนหนึ่ง ผมนึกสนุก เปลี่ยนจากการเล่านิทานหรือตำนานชีวิต กลายเป็นชวนคุยแทน ผมถามเธอว่า "หนูรู้มั้ยว่าใครคือคนที่หนูคุยด้วยมากที่สุดในทุกวัน?" เธอตอบไล่ชื่อคนในครอบครัวมาทั้งหมด ผมบอกว่าผิด แล้วก็เฉลยว่า "ตัวหนูเองนั่นแหละที่คุยกับตัวเองมากที่สุด"
3
เหมือนเธอจะไม่ค่อยเข้าใจ ผมขยายความต่อไปว่า "หนูคุยกับตัวเองในใจไง หนูคิดทั้งวันไม่มีหยุด แล้วหนูรู้มั้ยว่าหนูคุยอะไรกับตัวเอง?"
"ไม่รู้อ่ะป๊า" เธอตอบ ผมยิ้มในความมืดของห้องนอน แล้วตอบไป "หนูคุยกับตัวเองเป็นคำบ่นไงลูก"
"หนูบ่นด้วยเหรอป๊า?" เธอนึกไม่ออก "ป๊าเชื่อว่าบางทีหนูก็คงจะนึกบ่นในใจว่าไม่อยากตื่นเลย กำลังฝันดี ไม่อยากอาบน้ำเลย ไม่อยากไปโรงเรียนเลย อะไรแนว ๆ นี้ไง"
"จริงด้วย" เธอยอมรับ "แล้วหนูอยากเป็นคนโชคดี มีแต่เรื่องดี ๆ มั้ยลูก?" ผมถาม เธอตอบว่าอยาก "งั้นหนูต้องเลิกบ่น เพราะคนขี้บ่น ไม่ว่าจะบ่นในใจหรือพูดบ่นออกมา จะมีแต่โชคร้ายเข้ามาหา" เพราะคนขี้บ่น ไม่ว่าจะบ่นในใจหรือพูดบ่นออกมา จะมีแต่โชคร้ายเข้ามาหา
5
ผมถามเธออีก "แล้วหนูรู้มั้ยว่าคนส่วนใหญ่ชอบนึกถึงเรื่องอะไรมากที่สุด?" "หนูไม่แน่ใจ เรื่องงานเหรอ?" เธอลองเดาดู "ไม่ใช่หรอกลูก คนส่วนใหญ่ชอบนึกถึงเรื่องที่เขาไม่ชอบ คิดถึงคนที่เขาเกลียด"
1
ผมยังคงพูดต่อไป "ถ้าหนูรู้ตัวว่าบ่นเมื่อไหร่ ให้หนูเลิกบ่นนะลูก ถ้าหนูรู้ตัวว่าคิดถึงเรื่องที่หนูไม่ชอบ ให้หนูคิดเรื่องอื่นที่หนูชอบ หนูมีเรื่องที่หนูคิดแล้วมีความสุขมั้ย?" "มีป๊า หนูชอบกินพิซซ่า ชีสยืด ชอบกินกระเทียมเจียว แล้วหนูก็ชอบตอนที่หนูได้ของเล่นใหม่ด้วย"
2
"นั่นแหละลูก ตอนที่บ่น ๆ ตอนที่นึกเรื่องที่ไม่ชอบ ให้เปลี่ยนมานึกถึงเรื่องที่หนูชอบแทน แล้วถ้าหนูคิดถึงป๊า หนูจะมีความสุขมั้ย?" "มีสิป๊า" เธอตอบ "นั่นแหละ งั้นหนูก็คิดถึงป๊าแล้วกัน"
3
คืนนั้น ผมสรุปให้ลูกสาวฟังอีกทีว่า สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ "เลิกบ่น" ไม่ว่าจะในใจหรือพูดออกมา เพราะมันจะทำให้โชคร้ายยิ่งเข้ามาหา การบ่นคือการสั่งให้สมองมองว่าเรื่องนี้สำคัญ​ เราจึงยิ่งเจอสิ่งที่เราไม่ชอบมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น เลิกคิดถึงเรื่องที่ไม่ชอบ ให้คิดถึงเรื่องที่ชอบ คิดแล้วมีความสุขแทน
1
ผมถามเธอว่าเข้าใจมั้ย เธอตอบรับในความมืดว่าเข้าใจ แล้วผมก็ kiss goodnight ส่งเธอเข้านอน ไม่รู้หรอกว่าในที่สุดแล้ว ลูกสาวจะเข้าใจในสิ่งที่ผมเล่าหรือเปล่า
แต่ถ้าเข้าใจ ผมเชื่อว่าเมื่อโตขึ้น เธอจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักจัดการตัวเองเมื่อความทุกข์มาเยือน.
1
โฆษณา